โดย : ปิ่น บุตรี

แม้ไม่ใช่ครั้งแรกของการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่การไปสนามบินสุวรรณภูมิครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่ วันนั้นผมต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องแต่เช้าตรู่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะสางดี
ในการออกเดินทางหลายๆครั้งที่ผ่านมา ก่อนออกเดินทางผมต้องปฏิบัติภารกิจบางประการให้เรียบร้อยเสียก่อน นั่นก็คือ...ภารกิจขับไล่ข้าศึกภายในออกไปจากท้องไส้ให้หมด เพื่อจะได้ไม่ไปอัดอั้นทนทุกข์ระหว่างการเดินทาง เพราะในทุกครั้งของการเดินทางผมถือว่าเรื่องของการปลดทุกข์ก่อนออกเดินทางเป็นสำคัญ(มาก)ประการหนึ่ง
แม้กองทัพจะเดินด้วยท้องแต่หากปวดท้อง(อึ)ขึ้นมาระหว่างทางแล้วละก็ คงต้องทนทุกข์ไปจนกว่าจะหาที่ปลดปล่อยได้
สำหรับวันนั้นเมื่อต้องรีบตื่น ต้องรีบเร่งเดินทาง ผมจึงไม่มีเวลาปฏิบัติภารกิจดังกล่าว พอออกจากบ้านไปได้สักพัก กาแฟเริ่มออกฤทธิ์ ข้าศึกเริ่มบุกโจมตี อาการตุ่ยๆจึงถามหาโดยปริยายก่อนจะค่อยทวีความตะหงิดๆขึ้นตามลำดับ เพื่อไม่ให้ต้องทนทรมานกับการอั้นทุกข์ ผมบอกให้แท็กซี่ขึ้นทางด่วนที่ใกล้ที่สุดแล่นฉิวมุ่งตรงสู่สุวรรณภูมิทันที
ข้อดีอย่างหนึ่งของสุวรรณภูมิก็คือเมื่อรถขึ้นทางด่วนแล้วสามารถทำเวลาตามเป้าได้ไม่ยาก
เพียงแค่ 10 กว่านาที แท็กซี่พาผมมาเทียบท่ายังสนามบินสุวรรณภูมิ ณ จุดนัดพบกับเพื่อนร่วมทริป ที่ ชั้น 4 บริเวณประตู 2
ครั้นเมื่อย่างเท้าเข้าสู่ประตู 2 เพื่อนที่มารออยู่ก่อนส่งยิ้มให้ ส่วนผมก็ส่งสัมภาระให้เขาช่วยดูแลเช่นกัน พร้อมกับบอกว่า ขอตัวไปทำการขับไล่ข้าศึกที่โจมตีมาเกือบจะถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวสู่ห้องน้ำที่ใกล้ตาที่สุดทันที ที่ฝั่งริมของประตู 1 ซึ่งรู้สึกว่าในเช้าวันนั้นผมจะโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่น้อย
เพราะเมื่อเข้าห้องน้ำไป ปรากฏว่าห้องส้วมที่มีจำนวนน้อยนิดต่างเต็มหมด!!!
ว่าแล้วผมจึงต้องรีบจรลีมุ่งหน้าสู่ห้องน้ำใกล้ที่สุดจากจุดนั้นต่อไป แต่ประทานโทษ!?! พอออกจากห้องน้ำห้องแรกมองไปยังห้องน้ำจุดต่อไปที่ใกล้ที่สุดก็เริ่มเกิดอาการท้อแล้ว เพราะเห็นป้ายไกลอยู่ลิบๆโน่น
แต่ครั้นจะยืนรอก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เข้าสู้สุ่มเสี่ยงไปใช้ห้องน้ำห้องถัดไปดีกว่าว่าแล้วผมจึงเดินตัวเกร็งไปอย่างเนิบๆสู่ห้องน้ำจุดต่อไปที่มันช่างอยู่ห่างไกลเหลือเกิน แถมไกลตาไกลตีนอีกต่างหาก
ยิ่งเดินข้าศึกยิ่งโจมตีหนักหน่วง อากาศแม้ไม่หนาวแต่ว่าผมขนลุกซู่ไปทั่วแขน ก่อนจะกัดฟันอั้นทุกข์ไปถึงยังห้องน้ำจุดที่ 2 จนได้
แต่ก็เหมือนโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกครั้ง เพราะห้องส้วมที่มีอยู่จำนวนน้อยนิดในห้องน้ำห้องที่ 2 ก็เต็มอีกเช่นกัน แถมยังมีคนยืนรอ 1 คนอีกต่างหาก ไอ้ครั้นจะเดินไปหาห้องน้ำห้องใหม่ระหว่างที่เดินมาก็มองไม่เห็นว่ามีห้องน้ำอยู่ตรงไหนอีก ส่วนหากจะกลับไปยังห้องน้ำห้องแรกที่อยู่สุดแสนไกลก็กลับว่าความสั่นสะเทือนจะทำให้ปรู๊ดปร๊าดกลางทางเสียก่อน
หนทางดับทุกข์ในเช้าวันนั้นของผมจึงทำได้แค่ยืนอดทน อดกลั้น อั้นอึ เพื่อรอเวลาปลดทุกข์ ซึ่งแม้จะมีห้องส้วมว่างแล้ว 1 ห้อง แต่ว่าก็ยังเข้าไม่ได้อยู่ดี เพราะตามคิวผมต้องให้ชายผู้ประสบชะตากรรมเดียวกันที่มายืนรอคนแรกก่อน จากนั้นอีกไม่กี่อึดใจเมื่อห้องส้วมห้องต่อไปว่างลง เท่านั้นแหละผมจะเข้าไประบายความอัดอั้นทั้งหมดลงในโถชักโครกอย่างเต็มที่ก่อนจะเดินตัวเบาออกมา
แม้ในเช้าของวันนั้นภารกิจผมจะเสร็จไป 1 สุดใหญ่ๆ แต่ผมมองว่าภารกิจของสนามบินสุวรรณภูมิหลังการเปิดใช้ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะนอกจากปัญหาความไม่ลงตัวต่างๆในสุวรรณภูมิที่จะต้องรีบปรับปรุงแก้ไขโดยด่วนแล้ว
ปัญหาเรื่อง“ห้องน้ำไม่พอ” ถือเป็น 1 ในปัญหาที่ต้องรีบเร่งจัดการเช่นกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วเรื่องของพื้นที่ห้องน้ำนี่มันค่อนข้างสวนทางกลับพื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิโดนสิ้นเชิง อีกทั้งยังสวนทางกับพื้นที่เพื่อการค้าของบริษัทหนึ่งอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
สนามบินสุวรรณภูมิ มีอาคารผู้โดยสารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 563,000 ตารางเมตร แต่กลับมีพื้นที่ใช้สอยของห้องน้ำห้องส้วมจำนวนน้อยนิด ไม่เพียงพอต่อการใช้บริการของผู้โดยสารทั้งชาย-หญิง ทั้งขาเข้า-ขาออก โดยสนามบินแห่งนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 64 ล้านคน(ข้อมูลใหม่จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ) หรือเฉลี่ยวันละ175,000 คน/วัน ซึ่งนี่อาจจะเป็นสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ที่มีห้องน้ำน้อยที่สุดในโลกก็เป็นได้
เพื่อนที่เป็นสถาปนิกบอกกับผมว่า การคิดพื้นที่ห้องน้ำแบบง่ายๆต่อสัดส่วนของพื้นที่ใช้สอยก็ให้เช็คกับกฎหมายการก่อสร้างอาคารดู ซึ่งในกฎกระทรวง ฉบับที่ 39 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 หมวด 2 ตางราง 2 หัวข้อ จำนวนของห้องน้ำและห้องส้วมของอาคาร ได้มีการระบุเกี่ยวกับสัดส่วนของพื้นที่ใช้สอยต่อพื้นที่ห้องน้ำของอาคารประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอยู่อาศัย โรงงาน อาคารพาณิชย์ ฯลฯ
ในกรณีของสนามบินสุวรรณภูมิที่จัดอยู่ในประเภทอาคารสถานีขนส่งมวลชน(ข้อ 15)ระบุว่า ในพื้นที่อาคาร 200 ตารางเมตร จะต้องมีห้องน้ำผู้ชาย แบ่งเป็นที่ถ่ายอุจจาระ 2 หน่วย ที่ถ่ายปัสสาวะ 4 หน่วย อ่างล้างมือ 1 หน่วย ส่วนห้องน้ำผู้หญิง แบ่งเป็นที่ถ่ายอุจจาระ(รวมปัสสาวะ) 5 หน่วย อ่างล้างมือ 1 หน่วย
หากคิดกันเล่นๆแบบง่ายๆคร่าวๆหยาบๆแบบเทียบบัญญัติไตรยางศ์ พื้นที่ใช้สอยของอาคารผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิ(563,000 ตารางเมตร) ห้องน้ำชายควรจะมีที่ถ่ายอุจจาระผู้ชาย 5,630 หน่วย ที่ถ่ายปัสสาวะ 11,260 อ่างล้างมือ 2,815 ส่วนห้องน้ำหญิง ที่ถ่ายอุจจาระ(รวมปัสสาวะ) 14,075 อ่างล้างมือ 2,815
แต่นั่นถือเป็นการคิดที่ง่ายไปหน่อย เพราะจริงๆแล้วการทำห้องน้ำในอาคารสถานีขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ จะต้องคิดคำนวณองค์ประกอบอื่นๆเพิ่มเติมด้วย เพราะเมื่อพื้นที่เพิ่มมากขึ้นสัดส่วนของพื้นที่ห้องน้ำต่อหน่วยก็ย่อมลดลงตาม ซึ่งตัวเลขที่คิดแบบเทียบบัญญัติไตรยางศ์ ผลจำนวนหน่วยของที่ปัสสาวะที่อุจจาระมันก็ดูเว่อร์และเยอะเกินไป(มาก)
แต่ว่าถ้าใครได้ไปสัมผัสกับห้องน้ำที่สุวรรณภูมิก็คงจะรับรู้ได้ว่า ห้องน้ำในสุวรรณภูมินั้นมีจำนวนน้อย(มาก)เกินไป แต่ละชั้นมีห้องน้ำไม่กี่จุดเท่านั้น แถมยังอยู่ห่างไกลกัน(มาก)อีกต่างหาก เท่านั้นยังไม่พอในห้องน้ำแต่ละห้องยังมีห้องอุจจาระและที่ปัสสาวะในจำนวนน้อยอีกด้วย บางห้องก็สกปรกไม่ต่างจากปั๊มทั่วไปเลย
เรื่องนี้ผมไม่รู้ว่าทางบริษัทออกแบบฝรั่งชื่อ เมอร์ฟี่ จาห์น ที่รับออกแบบสนามบินสุวรรณภูมิใช้ส่วนไหนคิดคำนวณในการออกแบบห้องน้ำ
แต่ที่รู้ก็คือหลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิไปได้ไม่นาน มีคนก่นด่าในเรื่องของห้องน้ำไม่พอกันมาก จนเดือดร้อนถึงบริษัทท่าอากาศยานไทยที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ต้องรีบออกมาให้ข่าวว่า ทางท่าอากาศยานไทยจะใช้งบประมาณ 35-40 สร้างห้องน้ำเพิ่มอีกกว่า 200 ห้องและเพิ่มโถปัสสาวะผู้ชายอีก 120 โถ ซึ่งการสร้างห้องน้ำเพิ่มในสนามบินที่ก่อสร้างเสร็จไปแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะถึงแม้ว่าในสนามบินสุวรรณภูมิจะมีที่ว่างไม่ได้ใช้ประโยชน์หลายจุดที่สามารถสร้างห้องน้ำได้ แต่หากจะต้องไปเจาะพื้นเพื่อเดินท่อ วางท่อ และระบบบำบัดต่างๆใหม่นี่คงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเอาการ
สำหรับคนที่ต้องไปทนทรมานกับการอั้นอึอั้นฉี่ในสนามบินสุวรรณภูมิคงต้องทนกันไปอีกสักพักหนึ่งหรือพักใหญ่ เพราะเรื่องนี้เข้าทำนองประเภทฝรั่งมาออกแบบทิ้งไว้ แต่สุดท้ายคนไทยกลับต้องมาตามล้างตามเช็ดสร้างที่เยี่ยวที่ขี้เพิ่มให้!?!
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
แนะวิธีอารยะขัดขืน"สนามบินสุวรรณภูมิ"ปวดหนัก-ปวดเบาให้ไปถ่ายทุกข์ในร้าน "คิงส์เพาเวอร์"
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกของการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่การไปสนามบินสุวรรณภูมิครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่ วันนั้นผมต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องแต่เช้าตรู่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะสางดี
ในการออกเดินทางหลายๆครั้งที่ผ่านมา ก่อนออกเดินทางผมต้องปฏิบัติภารกิจบางประการให้เรียบร้อยเสียก่อน นั่นก็คือ...ภารกิจขับไล่ข้าศึกภายในออกไปจากท้องไส้ให้หมด เพื่อจะได้ไม่ไปอัดอั้นทนทุกข์ระหว่างการเดินทาง เพราะในทุกครั้งของการเดินทางผมถือว่าเรื่องของการปลดทุกข์ก่อนออกเดินทางเป็นสำคัญ(มาก)ประการหนึ่ง
แม้กองทัพจะเดินด้วยท้องแต่หากปวดท้อง(อึ)ขึ้นมาระหว่างทางแล้วละก็ คงต้องทนทุกข์ไปจนกว่าจะหาที่ปลดปล่อยได้
สำหรับวันนั้นเมื่อต้องรีบตื่น ต้องรีบเร่งเดินทาง ผมจึงไม่มีเวลาปฏิบัติภารกิจดังกล่าว พอออกจากบ้านไปได้สักพัก กาแฟเริ่มออกฤทธิ์ ข้าศึกเริ่มบุกโจมตี อาการตุ่ยๆจึงถามหาโดยปริยายก่อนจะค่อยทวีความตะหงิดๆขึ้นตามลำดับ เพื่อไม่ให้ต้องทนทรมานกับการอั้นทุกข์ ผมบอกให้แท็กซี่ขึ้นทางด่วนที่ใกล้ที่สุดแล่นฉิวมุ่งตรงสู่สุวรรณภูมิทันที
ข้อดีอย่างหนึ่งของสุวรรณภูมิก็คือเมื่อรถขึ้นทางด่วนแล้วสามารถทำเวลาตามเป้าได้ไม่ยาก
เพียงแค่ 10 กว่านาที แท็กซี่พาผมมาเทียบท่ายังสนามบินสุวรรณภูมิ ณ จุดนัดพบกับเพื่อนร่วมทริป ที่ ชั้น 4 บริเวณประตู 2
ครั้นเมื่อย่างเท้าเข้าสู่ประตู 2 เพื่อนที่มารออยู่ก่อนส่งยิ้มให้ ส่วนผมก็ส่งสัมภาระให้เขาช่วยดูแลเช่นกัน พร้อมกับบอกว่า ขอตัวไปทำการขับไล่ข้าศึกที่โจมตีมาเกือบจะถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวสู่ห้องน้ำที่ใกล้ตาที่สุดทันที ที่ฝั่งริมของประตู 1 ซึ่งรู้สึกว่าในเช้าวันนั้นผมจะโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่น้อย
เพราะเมื่อเข้าห้องน้ำไป ปรากฏว่าห้องส้วมที่มีจำนวนน้อยนิดต่างเต็มหมด!!!
ว่าแล้วผมจึงต้องรีบจรลีมุ่งหน้าสู่ห้องน้ำใกล้ที่สุดจากจุดนั้นต่อไป แต่ประทานโทษ!?! พอออกจากห้องน้ำห้องแรกมองไปยังห้องน้ำจุดต่อไปที่ใกล้ที่สุดก็เริ่มเกิดอาการท้อแล้ว เพราะเห็นป้ายไกลอยู่ลิบๆโน่น
แต่ครั้นจะยืนรอก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เข้าสู้สุ่มเสี่ยงไปใช้ห้องน้ำห้องถัดไปดีกว่าว่าแล้วผมจึงเดินตัวเกร็งไปอย่างเนิบๆสู่ห้องน้ำจุดต่อไปที่มันช่างอยู่ห่างไกลเหลือเกิน แถมไกลตาไกลตีนอีกต่างหาก
ยิ่งเดินข้าศึกยิ่งโจมตีหนักหน่วง อากาศแม้ไม่หนาวแต่ว่าผมขนลุกซู่ไปทั่วแขน ก่อนจะกัดฟันอั้นทุกข์ไปถึงยังห้องน้ำจุดที่ 2 จนได้
แต่ก็เหมือนโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกครั้ง เพราะห้องส้วมที่มีอยู่จำนวนน้อยนิดในห้องน้ำห้องที่ 2 ก็เต็มอีกเช่นกัน แถมยังมีคนยืนรอ 1 คนอีกต่างหาก ไอ้ครั้นจะเดินไปหาห้องน้ำห้องใหม่ระหว่างที่เดินมาก็มองไม่เห็นว่ามีห้องน้ำอยู่ตรงไหนอีก ส่วนหากจะกลับไปยังห้องน้ำห้องแรกที่อยู่สุดแสนไกลก็กลับว่าความสั่นสะเทือนจะทำให้ปรู๊ดปร๊าดกลางทางเสียก่อน
หนทางดับทุกข์ในเช้าวันนั้นของผมจึงทำได้แค่ยืนอดทน อดกลั้น อั้นอึ เพื่อรอเวลาปลดทุกข์ ซึ่งแม้จะมีห้องส้วมว่างแล้ว 1 ห้อง แต่ว่าก็ยังเข้าไม่ได้อยู่ดี เพราะตามคิวผมต้องให้ชายผู้ประสบชะตากรรมเดียวกันที่มายืนรอคนแรกก่อน จากนั้นอีกไม่กี่อึดใจเมื่อห้องส้วมห้องต่อไปว่างลง เท่านั้นแหละผมจะเข้าไประบายความอัดอั้นทั้งหมดลงในโถชักโครกอย่างเต็มที่ก่อนจะเดินตัวเบาออกมา
แม้ในเช้าของวันนั้นภารกิจผมจะเสร็จไป 1 สุดใหญ่ๆ แต่ผมมองว่าภารกิจของสนามบินสุวรรณภูมิหลังการเปิดใช้ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะนอกจากปัญหาความไม่ลงตัวต่างๆในสุวรรณภูมิที่จะต้องรีบปรับปรุงแก้ไขโดยด่วนแล้ว
ปัญหาเรื่อง“ห้องน้ำไม่พอ” ถือเป็น 1 ในปัญหาที่ต้องรีบเร่งจัดการเช่นกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วเรื่องของพื้นที่ห้องน้ำนี่มันค่อนข้างสวนทางกลับพื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิโดนสิ้นเชิง อีกทั้งยังสวนทางกับพื้นที่เพื่อการค้าของบริษัทหนึ่งอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
สนามบินสุวรรณภูมิ มีอาคารผู้โดยสารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 563,000 ตารางเมตร แต่กลับมีพื้นที่ใช้สอยของห้องน้ำห้องส้วมจำนวนน้อยนิด ไม่เพียงพอต่อการใช้บริการของผู้โดยสารทั้งชาย-หญิง ทั้งขาเข้า-ขาออก โดยสนามบินแห่งนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 64 ล้านคน(ข้อมูลใหม่จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ) หรือเฉลี่ยวันละ175,000 คน/วัน ซึ่งนี่อาจจะเป็นสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ที่มีห้องน้ำน้อยที่สุดในโลกก็เป็นได้
เพื่อนที่เป็นสถาปนิกบอกกับผมว่า การคิดพื้นที่ห้องน้ำแบบง่ายๆต่อสัดส่วนของพื้นที่ใช้สอยก็ให้เช็คกับกฎหมายการก่อสร้างอาคารดู ซึ่งในกฎกระทรวง ฉบับที่ 39 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 หมวด 2 ตางราง 2 หัวข้อ จำนวนของห้องน้ำและห้องส้วมของอาคาร ได้มีการระบุเกี่ยวกับสัดส่วนของพื้นที่ใช้สอยต่อพื้นที่ห้องน้ำของอาคารประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอยู่อาศัย โรงงาน อาคารพาณิชย์ ฯลฯ
ในกรณีของสนามบินสุวรรณภูมิที่จัดอยู่ในประเภทอาคารสถานีขนส่งมวลชน(ข้อ 15)ระบุว่า ในพื้นที่อาคาร 200 ตารางเมตร จะต้องมีห้องน้ำผู้ชาย แบ่งเป็นที่ถ่ายอุจจาระ 2 หน่วย ที่ถ่ายปัสสาวะ 4 หน่วย อ่างล้างมือ 1 หน่วย ส่วนห้องน้ำผู้หญิง แบ่งเป็นที่ถ่ายอุจจาระ(รวมปัสสาวะ) 5 หน่วย อ่างล้างมือ 1 หน่วย
หากคิดกันเล่นๆแบบง่ายๆคร่าวๆหยาบๆแบบเทียบบัญญัติไตรยางศ์ พื้นที่ใช้สอยของอาคารผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิ(563,000 ตารางเมตร) ห้องน้ำชายควรจะมีที่ถ่ายอุจจาระผู้ชาย 5,630 หน่วย ที่ถ่ายปัสสาวะ 11,260 อ่างล้างมือ 2,815 ส่วนห้องน้ำหญิง ที่ถ่ายอุจจาระ(รวมปัสสาวะ) 14,075 อ่างล้างมือ 2,815
แต่นั่นถือเป็นการคิดที่ง่ายไปหน่อย เพราะจริงๆแล้วการทำห้องน้ำในอาคารสถานีขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ จะต้องคิดคำนวณองค์ประกอบอื่นๆเพิ่มเติมด้วย เพราะเมื่อพื้นที่เพิ่มมากขึ้นสัดส่วนของพื้นที่ห้องน้ำต่อหน่วยก็ย่อมลดลงตาม ซึ่งตัวเลขที่คิดแบบเทียบบัญญัติไตรยางศ์ ผลจำนวนหน่วยของที่ปัสสาวะที่อุจจาระมันก็ดูเว่อร์และเยอะเกินไป(มาก)
แต่ว่าถ้าใครได้ไปสัมผัสกับห้องน้ำที่สุวรรณภูมิก็คงจะรับรู้ได้ว่า ห้องน้ำในสุวรรณภูมินั้นมีจำนวนน้อย(มาก)เกินไป แต่ละชั้นมีห้องน้ำไม่กี่จุดเท่านั้น แถมยังอยู่ห่างไกลกัน(มาก)อีกต่างหาก เท่านั้นยังไม่พอในห้องน้ำแต่ละห้องยังมีห้องอุจจาระและที่ปัสสาวะในจำนวนน้อยอีกด้วย บางห้องก็สกปรกไม่ต่างจากปั๊มทั่วไปเลย
เรื่องนี้ผมไม่รู้ว่าทางบริษัทออกแบบฝรั่งชื่อ เมอร์ฟี่ จาห์น ที่รับออกแบบสนามบินสุวรรณภูมิใช้ส่วนไหนคิดคำนวณในการออกแบบห้องน้ำ
แต่ที่รู้ก็คือหลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิไปได้ไม่นาน มีคนก่นด่าในเรื่องของห้องน้ำไม่พอกันมาก จนเดือดร้อนถึงบริษัทท่าอากาศยานไทยที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ต้องรีบออกมาให้ข่าวว่า ทางท่าอากาศยานไทยจะใช้งบประมาณ 35-40 สร้างห้องน้ำเพิ่มอีกกว่า 200 ห้องและเพิ่มโถปัสสาวะผู้ชายอีก 120 โถ ซึ่งการสร้างห้องน้ำเพิ่มในสนามบินที่ก่อสร้างเสร็จไปแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะถึงแม้ว่าในสนามบินสุวรรณภูมิจะมีที่ว่างไม่ได้ใช้ประโยชน์หลายจุดที่สามารถสร้างห้องน้ำได้ แต่หากจะต้องไปเจาะพื้นเพื่อเดินท่อ วางท่อ และระบบบำบัดต่างๆใหม่นี่คงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเอาการ
สำหรับคนที่ต้องไปทนทรมานกับการอั้นอึอั้นฉี่ในสนามบินสุวรรณภูมิคงต้องทนกันไปอีกสักพักหนึ่งหรือพักใหญ่ เพราะเรื่องนี้เข้าทำนองประเภทฝรั่งมาออกแบบทิ้งไว้ แต่สุดท้ายคนไทยกลับต้องมาตามล้างตามเช็ดสร้างที่เยี่ยวที่ขี้เพิ่มให้!?!
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
แนะวิธีอารยะขัดขืน"สนามบินสุวรรณภูมิ"ปวดหนัก-ปวดเบาให้ไปถ่ายทุกข์ในร้าน "คิงส์เพาเวอร์"