xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวปากลาย เย็นสบายวิถีชาวลาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังการล่มสลายวายป่วงของรัฐบาลทักษิณ

หลังการเข้ารับตำแหน่งของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์

กระแสเศรษฐกิจพอเพียงถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างกว้างขวางสวนกระแสทุนนิยม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไป

พูดถึงแนวทางการดำรงชีวิตแบบพอเพียงแล้ว ในการเดินทางไปตามที่ต่างๆ ผมเห็นว่า สปป.ลาว เป็นอีกหนึ่งในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ยังคงดำเนินชีวิตแบบพอเพียง เรียบง่าย ที่เวลาไปเยือนคราใดรู้สึกได้ทันทีว่าดัชนีความสุขในหัวใจพุ่งขึ้นสูง(ปรี๊ด)เสมอ

อย่างกับที่เมืองปากลาย(ปาก-ลาย) แห่งแขวงไชยะบุรี(ไชยะบุลี) ที่แม้ว่าจะเป็นเพียงเมืองผ่าน ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักหรือเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง แต่ปากลายก็มีเสน่ห์ตรงวิถีอันเรียบง่ายและสงบงามของชาวลาว ที่ละม้ายคล้ายกับชนบทของไทยในอดีตเมื่อประมาณ 20-30 ปีที่แล้ว แต่มาวันนี้วิถีเช่นนั้นในเมืองไทยยิ่งมายิ่งเหลือน้อยเต็มที...

ข้ามชายแดนเลยสู่เมืองแก่นท้าว

จากเมืองเลยผมเดินทางสู่ด่านบ้านนากระเซ็ง ต.อาฮี อ.ท่าลี่ เพื่อเดินทางข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเหืองสู่สปป.ลาว ที่บ้านเมืองหมอใต้เพื่อขึ้นรถตู้ที่มีสารถีชาวลาวมายืนยิ้มคอยท่าอยู่นานแล้ว

จากนั้นรถตู้ก็มุ่งหน้าสู่เมืองแก่นท้าว แขวงไชยะบุรีทันที

สำหรับเส้นทางสายนี้ มีคดเคี้ยวบ้างขึ้นๆลงๆบ้าง สร้างอาการหัวสั่นหัวคลอนในบางครั้ง แต่ไม่ถึงขั้นกระเด็นกระดอนจนหัวโขกหลังคารถ ในขณะที่ทิวทัศน์ 2 ข้างทางนั้นเป็นไร่ สวน ภูเขา ป่าไม้ ป่าเสื่อมโทรม โดยมีหมู่บ้าน และบ้านเรือนปลูกสร้างอยู่เป็นระยะ

ประมาณชั่วโมงกว่าๆเห็นจะได้ สารถีรถตู้พาคณะของเราไปแวะยังวัดศรีภูมิ(วัดสีพูมประดิดถาราม)วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแก่นท้าวเพื่อพักรถไปในตัว ส่วนตัวผมและเพื่อนร่วมทริปก็ถือโอกาสนี้ กินน้ำ กินขนม และเดินยืดเส้นยืดสายสำรวจสิ่งที่น่าสนใจในวัดศรีภูมิ วัดที่ท้าวแก่นเจ้าเมืองแก่นท้าวได้มาสร้างไว้เมื่อกว่า 600 ปีที่แล้ว

ภายในวัดศรีภูมิดูเรียบง่ายตามสไตล์งานพุทธศิลป์พื้นบ้านแบบลาว ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์(สิม)หลังคาสังกะสี เจดีย์ พระพุทธรูป ภาพจิตรกรรม งานปูนปั้น และองค์ประกอบอื่นๆ ทว่าในความเรียบง่ายก็มีเสน่ห์ที่น่าสนใจแฝงเร้นอยู่โดยเฉพาะพื้นผิวของลำตัวพญานาคทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นที่ราวบันไดทางเข้าโบสถ์ หรือพญานาค 7 เศียรที่แผ่พังพานและใช้ลำตัวเป็นฐานให้กับพระพุทธรูปปางนาคปรก ซึ่งพื้นผิวของลำตัวของพญานาคเหล่านั้นล้วนทำด้วยเปลือกหอยแครงทาสีที่ดูแล้วเก๋ไม่หยอกทีเดียว

ส่วนที่ผมชอบเป็นพิเศษก็คือรอยยิ้มน้ำมิตรจิตใจของชาวลาวในวัดที่พอเห็นอาคันตุกะต่างถิ่นอย่างพวกเรามาก็นำน้ำมาบริการ เข้ามาต้อนรับขับสู้ พูดคุย ตอบคำถาม และเดินพาชมโน่นชมนี่อย่างยินดีปรีดา

หลังพักรถพักคนได้ที่แล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าสู่เมืองปากลายจุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้

ระหว่างทางสู่ปากลาย บรรยากาศ 2 ข้างทางยังเป็นดังเช่นที่เดินทางจากท่าลี่สู่เมืองแก่นท้าว มีทั้งไร่สวนและหมู่บ้านน้อยใหญ่ ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวลาวเทิงและลาวลุ่ม ซึ่งรวมระยะเวลาจากแก่นท้าวสู่ปากลายก็ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ

เมืองปากลาย เรียบง่าย สงบงาม

ปากลาย เป็นเมืองเก่าแก่แห่งแขวงไชยบุรี ปัจจุบันเป็นชุมชนเล็กๆที่ผู้คนมีวิถีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย กระนั้นปากลายก็ถือเป็นเมืองท่าสำคัญจากไชยบุรีสู่หลวงพระบางที่มีแม่น้ำโขงไหลผ่าน ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดหลักหล่อเลี้ยงชีวิตของชาวปากลายมาช้านาน โดยที่ท่าน้ำใจกลางเมืองจะเห็นถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ผูกพันกับสายน้ำโขง สำหรับปลาแม่น้ำโขงที่นี่รสเด็ดไม่แพ้ที่ไหนๆ ซึ่งหากใครอยากลองลิ้มชิมรส ตามร้านอาหารริมน้ำมีปลารสเด็ดไว้บริการอยู่หลายเมนูด้วยกัน

จากบริเวณท่าน้ำกลางเมืองสามารถนั่งเรือไปยังเมืองหลวงเวียงจันทน์(7-8 ชม.)หรือนั่งมาที่ อ.เชียงคาน(ประมาณ 2 ชั่วโมง) จ.เลย ส่วนใครที่มาเป็นหมู่คณะจะเช่าเรือเที่ยวชมวิถีชีวิตริมโขงก็มีเรือไว้บริการ โดยเส้นทางที่นิยมก็เห็นจะเป็นจากปากลายสู่บ้านผาเลียบ ที่ระหว่างทางจะได้พบกับ การร่อนแร่ทองคำของชาวบ้าน การหาปลาในในรูปแบบต่างๆของชาวบ้าน รวมถึงเกาะแก่งก้อนหินรูปร่างแปลกตาต่างๆที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป

ในขณะที่บ้านผาเลียบในลำน้ำโขง มีผาเลียบซึ่งเป็นหน้าผาขนาดใหญ่สูงชันทิ้งตัวลงสู่แม่น้ำโขงและมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ปริศนาธรรมให้ชมที่ริมผา ส่วนในหมู่บ้านนั้นถือเป็นหมู่บ้านแบบพอเพียงที่ดูเรียบง่ายแต่ว่าก็มาไปด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพของชาวหมู่บ้านทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่

สำหรับความน่าสนใจของบ้านผาเลียบก็คือ ที่หมู่บ้านนี้ไฟฟ้าจะเข้าไม่ถึง แต่ว่าชาวบ้านต่างก็มีไฟฟ้าใช้เหมือนในปากลาย เพราะบ้านทุกหลังต่างใช้ไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์(Solar cell) ที่นับเป็นหนึ่งในหมู่บ้านแบบต้นแบบแห่งหนึ่งของสปป.ลาว

หันกลับมาดูสิ่งที่น่าสนใจในปากลายกันบ้าง ในอดีตเมืองนี้เคยตกเป็นเมืองขึ้นของสยามประเทศ ก่อนที่จะตกอยู่ในการปกครองของฝรั่งเศส(2 สมัย)นานถึง 82 ปี ทำให้เมืองปากลายได้รับอิทธิพลของอาคารแบบฝรั่งเศสอยู่พอสมควร ในขณะที่บ้านเรือนทั่วไปก็เป็นสถาปัตยกรรมพื้นบ้านแบบลาวที่มีทั้งบ้านไม้และบ้านปูน

และแน่นอนว่าการที่คนลาวแนบแน่นในพระพุทธศาสนา ในเมืองปากลายจึงมีวัดให้เที่ยวชมและสักการะบูชาอยู่หลายวัด โดยวัดที่ดูโดดเด่นสำหรับคนไทยก็เห็นจะเป็น วัดศรีสะอาดชมพู ที่แม้เป็นวัดเล็กๆแต่ว่าก็มีพระประธานเป็นสีชมพูทั้งองค์ดูแปลกตาน่ามอง ส่วนชาวบ้านที่วัดแห่งนี้รวมถึงชาวบ้านในเมืองปากลายนั้นต่างก็มากไปด้วยรอยยิ้ม น้ำมิตรจิตใจและความจริงใจ ยิ่งคนไทยเดินทางไปเยือนด้วยแล้ว พวกเขาจะยินดีมากเพราะแม้ต่างคนต่างพูดภาษาของตนแต่ว่าก็คุยกันรู้เรื่องสบาย แถมประเพณี วิถีชีวิตวัฒนธรรมก็ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก

ส่วนที่แตกต่างกันเท่าที่ผมเห็นมาก็คือ การที่ผู้คนส่วนใหญ่ในบ้านเราต่างผูกชีวิตและตกอยู่ในกระแสวังวนแห่งโลกทุนนิยม ประชานิยม และบริโภคนิยม ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองลาวนั้นยังดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายและพอเพียง ซึ่งภาพวิถีเช่นนี้พบได้ทั่วไปในเมืองปากลาย เมืองเล็กๆที่อาจจะดูธรรมดาๆในสายตาของคนทั่วไป แต่ว่าหากมองลึกลงไปก็จะพบว่า ในความเรียบง่ายนั้นกลับมากไปด้วยเสน่ห์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

เป็นเสน่ห์แห่งความพอเพียงที่คนกลุ่มใหญ่ในบ้านเราทอดทิ้งและละเลยมาช้านานแล้ว...

**********************************************************************************

เมืองปากลาย ตั้งอยู่ในแขวงไชยะบุรี(ไชยะบุลี) สปป.ลาว หลังการเปิดสะพานมิตรภาพน้ำเหืองไทย-ลาว เมืองปากลายถือเป็นหนึ่งในเส้นทางจากเลยสู่หลวงพระบาง(มรดกโลก)ที่น่าสนใจ ทั้งนี้ทางจังหวัดได้ร่วมกับแขวงไชยะบุรี กำหนดทิศทางการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งในอนาคตคงจะได้เห็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมต่างๆในระหว่าง 2 เมืองชายแดนเด่นชัดมากขึ้น

สำหรับการเดินทางสู่สปป.ลาวที่ด่านข้ามแดนสะพานข้ามแม่น้ำเหือง บ้านนากระเซ็ง อ.ท่าลี่ จ.เลย สามารถไปเดินทางไปเที่ยวได้ที่ เมืองแก่นท้าว ซึ่งมีสินค้าพื้นเมืองต่างๆของลาวให้เลือกซื้อ โดยเสียค่าผ่านแดน 10 บาท และค่ารถสกายแล็ป ไปตลาดนัดเมืองแก่นท้าวคนละ 20 บาท

ส่วนใครที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองปากลายสามารถติดต่อได้ที่บริษัททัวร์ในเมืองเลยหรือทัวร์ในสปป.ลาว สำหรับผู้มีพาสปอร์ตสามารถไปประทับตราเพื่อข้ามแดนได้ที่ด่านตม.โดยไม่ต้องทำวีซ่า ส่วนผู้ที่ไม่มีพาสปอร์ตต้องทำใบผ่านแดน(3 วัน 2 คืน) ซึ่งสามารถติดต่อเรื่องขั้นตอนการผ่านแดนได้ที่ ที่ทำการอำเภอท่าลี่ 0-4288-9359 หรือที่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าลี่ 0-4288-9208

กำลังโหลดความคิดเห็น