xs
xsm
sm
md
lg

"น้ำตกเอราวัณ" สวรรค์ 7 ชั้นของนักท่องเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ช่วงนี้แม้สายฝนจะตกลงมาอย่างหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ แต่กระนั้นก็ยังมีในบางพื้นที่ที่ได้รับอานิสงส์จากสายฝน ไม่ว่าจะเป็นตามเรือกสวนไร่นาที่แห้งแล้งมานานปี เช่นเดียวกับตาม "น้ำตกเอราวัณ" ใน จ.กาญจนบุรี ที่อานิสงส์ของสายฝนในปีนี้ได้ทำให้สายน้ำตกมีปริมาณชุ่มฉ่ำไม่ขาดสาย เหมาะต่อการเที่ยวทิ้งทวนในช่วงปลายฝนเป็นอย่างยิ่ง

น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ที่เพิ่งคว้ารางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหรือรางวัลกินรีครั้งที่ 6 มาหมาดๆ ในประเภทรางวัลของยอดเยี่ยมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ภาคกลาง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าอุทยานแห่งนี้มีการบริหารจัดการที่ดีเอาเรื่องที่เดียว

เพราะทันทีที่"ผู้จัดการท่องเที่ยว"ก้าวเข้าสู่เขตของอุทยานฯ สิ่งที่สร้างความประทับใจยามแรกพบก็คือ ความสะอาดสะอ้านในพื้นที่อุทยานฯ ที่มองแล้วเนียนตา นอกจากนี้ทางอุทยานฯยังมีรถกอล์ฟไว้บริการสำหรับคนขี้เกียจเดิน เด็กเล็ก คนพิการ และผู้สูงอายุดังที่พบเห็นได้ทั่วไปในครม.สุรยุทธ์ 1 เพราะระยะทางประมาณ 800 เมตรสู่ตัวน้ำตกนั้นอาจจะดูไม่ไกลสำหรับวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีพละกำลังเหลือเฟือ แต่สำหรับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนพิการนั้นระยะทาง 800 เมตรถือว่าค่อนข้างลำบากทีเดียว

สำหรับ"ผู้จัดการท่องเที่ยว"แม้ไม่เข้าข่าย ส.ว. สูงวัย แต่เข้าข่ายอยากลองนั่งและขี้เกียจเดิน งานนี้เราจึงเลือกนั่งรถกอล์ฟมุ่งหน้าสู่บริเวณน้ำตกชั้นแรกจากทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งน้ำตกแต่ละชั้นล้วนมีชื่อที่ไพเราะคล้องจองกัน

น้ำตกชั้นแรกมีชื่อว่า"ไหลคืนรัง" ชั้นต่อมาชื่อ"วังมัจฉา" ชั้นที่ 3 "ผาน้ำตก" ชั้นที่4"อกผีเสื้อ" ชั้นที่ 5 "เบื่อไม่ลง" ชั้นที่ 6"ดงพฤกษา" และชั้นสุดท้ายชื่อว่า "ภูผาเอราวัณ" โดยนำตกแต่ละชั้นไม่ใช่มีแค่ชื่อที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น แต่น้ำตกแต่ละชั้นก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป

สิ่งที่รู้สึกได้เมื่อมาถึงยังบริเวณน้ำตก คือความเย็นสบาย แต่เมื่อได้เห็นตัวน้ำตกก็ต้องตะลึงในความงามของตัวน้ำตกที่น้ำใสแจ๋ว มองเห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมาใต้ผืนน้ำที่สะท้อนแสงเป็นสีฟ้าอมเขียวมรกตคล้ายน้ำในสระว่ายน้ำ

ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องมาจากลักษณะของภูเขาในอุทยานฯเอราวัณเป็นเป็นเทือกเขาหินปูน ที่เกิดจากการทับถมของเปลือกหอย ปู หรือปะการัง ดังนั้นน้ำตกเอราวัณที่ไหลมาจากเทือกเขาหินปูนจึงมีสารละลายของแคลเซียมคาร์บอเนตเจือปนอยู่ ซึ่งแคลเซียมคาร์บอเนตนี้จะตกตะกอนในบริเวณที่มีน้ำไหลช้าหรือเป็นแอ่งน้ำ ทำให้ชั้นน้ำตกมีคราบหินปูนก่อตัว และหินปูนนี้สามารถละลายน้ำได้ดี เมื่ออยู่ในรูปของสารละลายก็สามารถตกตะกอนได้ น้ำตกหินปูนจึงมีน้ำใสในตอนบน และมีการตกตะกอนขุ่นในช่วงล่างของธารน้ำ เมื่อแสงส่องลงมาจะทำให้สะท้อนเป็นสีฟ้าหรือสีเขียวมรกตสวยงามมาก

แต่ในความงามและความใสนั้นไม่ควรดื่มกินเป็นประจำด้วยประการทั้งปวง เพราะอาจจะทำให้"นิ่ว" ถามหาเอาได้ง่ายๆ สิ่งที่นักท่องเที่ยวทำได้จึงเป็นการซึมซับกับบรรยากาศของแมกไม้ที่ร่มรื่นเขียวขจี และลงแหวกว่ายที่ในวันนั้นมีหลายๆคนอดใจไม่ไหวลงเล่นน้ำกันตั้งแต่ชั้นแรกๆ ซึ่งเป็นน้ำตกเตี้ยๆที่ไหลไม่แรง เหมาะแก่การเล่นน้ำ หรือถ้าใครอยากจะนวด"ผู้จัดการท่องเที่ยว"เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวหลายคนไปนั่งตรงที่น้ำไหลลงมา อาจจะช่วยนวดหัวนวดหลังได้ก็เป็นได้

นอกจากน้ำตกที่สวยงามน่าเล่นแล้ว ที่ชั้นนี้ยังมีสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่เกือบทำให้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ต้องน๊อคดาวลงไปนับ 1-2-3 ก็คือเจ้าลิงจอมซน ที่ชอบแอบหยิบของต่างๆที่นักท่องเที่ยววางไว้ ซึ่งหลังจากที่เจ้าลิงตัวแสบแอบฉกครีมล้างหน้าหลอดใหญ่จากกลุ่มคนที่มาเล่นน้ำตกขึ้นไปกัดๆแทะๆบนต้นไม้ใหญ่ อยู่ๆมันก็เกิดเบื่อครีมล้างหน้าหลอดนั้น ปล่อยทิ้งลงมาซะเฉยๆ ไม่ได้สนใจเลยว่ามีใครนั่งๆยืนๆอยู่ด้านล่าง เฉียดหัว "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ไปนิดเดียวเท่านั้นเอง เกือบไปแล้ว!!

หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ "วังมัจฉา"หรือน้ำตกชั้นที่ 2 เหตุที่ทางอุทยานฯตั้งชื่อเช่นนี้ คิดว่าอาจจะเป็นเพราะน้ำตกชั้นนี้มีปลาอาศัยอยู่เยอะก็เป็นได้ ซึ่งปลาเหล่านี้คือ"ปลาพลวง" เป็นปลาน้ำจืดในตระกูลปลาตะเพียน ลำตัวสีน้ำตาลเขียว เกล็ดโต มีหนวดยาว 2 คู่ ตรงจงอยปากและมุมปาก ชอบอาศัยบริเวณธารน้ำตก ลำห้วย หรือธารน้ำที่ใสสะอาด มีพื้นเป็นกรวดหรือทราย เท่าที่"ผู้จัดการท่องเที่ยว" เห็นนั้นแต่ละตัวมีขนาดใหญ่ยาวเกือบ 1 ไม้บรรทัดหรือประมาณ 30 ซ.ม.เห็นจะได้ แล้วมีอยู่หลายสิบตัวเลยทีเดียว

ที่วังมัจฉาสีของน้ำมี 2 สีอย่างเห็นได้ชัด คือน้ำสีฟ้าเขียวและน้ำใสๆตามปกติ ซึ่งปลาพลวงชอบจะอาศัยอยู่ในน้ำใสมากกว่า นอกจากนี้ที่น้ำตกชั้น 2 ยังมีความสวยงามของม่านน้ำตกที่เบื้องหลังสายน้ำตกที่ตกลงมากระเซ็นเป็นฝอยนั้นมีผาลึกเข้าไปเล็กน้อย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปหลังม่านน้ำตกนี้ได้

เมื่อเพลิดเพลินกับวังมัจฉาพอหอมปากหอมคอแล้ว เราเดินไต่บันไดขึ้นไปเล็กน้อยก็ถึงน้ำตกชั้นที่ 3 ที่มีน้ำตกที่ตกลงมาจากผาชันดังชื่อของน้ำตกชั้นนี้ว่า"ผาน้ำตก" จากนั้นก็เดินข้ามสะพานไม้ถัดขึ้นไปเป็นน้ำตกชั้นที่ 4 "อกผีเสื้อ" ที่มีชื่อเช่นนี้ก็คงเพราะรูปร่างของหินที่อยู่ในน้ำตกชั้นนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" มองดูคล้ายอกของผู้หญิง หรือถ้าเป็นอกผีเสื้อก็คงเป็นอกผีเสื้อสมุทร ที่มีน้ำตกไหลครอบคลุมหินกลมมนก้อนใหญ่ 2 ก้อน ดูแล้วนิ่มนวลสวยงามมาก

ที่น้ำตกชั้น 4 นี้ นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นสไลด์เดอร์ลงจากหน้าอก เอ้ย!!! ลงจากก้อนหินทั้ง 2 ซึ่งไม่ได้มีแต่คนไทยเท่านั้นที่ไหลสไลด์ลงมา แต่ฝรั่งทั้งหญิงและชายก็ชอบเล่นไม่แพ้กัน อีกทั้งยังมีกลุ่มผู้กล้ากระโดดน้ำตกจากผาหินริมน้ำสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน และยังทำให้น้ำตกเอราวัณนี้มีชีวิตชีวาและสีสันมากยิ่งขึ้น

ถัดมาเป็นน้ำตกชั้นที่ 5 ชื่อว่า"เบื่อไม่ลง" ด้วยลักษณะของน้ำที่ไหลตกลงมาตามชั้นหินเตี้ยๆหลายๆชั้นบวกกับน้ำที่มีสีฟ้าเขียวทำให้เกิดความสวยงามน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง ต่อไปเป็นชั้น "ดงพฤกษา" ซึ่งอุดมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์แต่ดูไม่รกทึบ

ส่วนชั้นสุดท้าย "ภูผาเอราวัณ" ที่ได้ชื่อเช่นนี้คงเนื่องมาจากว่า เมื่อน้ำตกไหลบ่าผ่านผาและชั้นหินบนภูเขามองดูจากระยะไกลคล้ายกับหัวช้างเอราวัณซึ่งมี 3 หัว จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกชั้นที่ 7 และเป็นชื่อของอุทยานแห่งชาตินี้ด้วย

สำหรับระยะทางจากชั้นล่างสุดขึ้นมาถึงชั้นที่ 7 ชั้นบนสุดเป็นระยะทางประมาณ 1,500 เมตร แต่ก็ทำเอาพวกเราเหนื่อยอยู่เหมือนกัน เพราะต้องเดินขึ้นเขาในทางลาดสลับกับมีบันไดเป็นบางช่วง แต่ต้องขอบอกไว้เลยว่าคุ้มจริงๆ ทั้งสีสันที่สวยงามของน้ำตก และความสะอาดใสมองเห็นตัวปลา อีกทั้งบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยแมกไม้ที่ร่มรื่นร่มเย็นทำให้น้ำตกเอราวัณแห่งนี้สวยงามตรึงตาติดใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก สมดังน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย และทั้งหมดนั้นก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้อุทยานฯเอราวัณคว้ารางวัลกินรีเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเวลา 7.30 – 16.00 น. การเข้าเที่ยวชมทางอุทยานจัดเก็บค่าธรรมเนียมผู้ใหญ่ 20 บาท/คน เด็ก 10 บาท/คน สำหรับรถกอล์ฟคิดค่าบริการเที่ยวละ 20 บาท/คน หากเกินน้ำตกชั้น 3 ไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไป สอบถามโทร. 0-3457-4222 , 0-3457-4234


ที่พัก               ร้านอาหาร               เทศกาลและงานประเพณี

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
"เมืองกาญจน์" สวรรค์แห่งใหม่ของนักเที่ยวผจญภัย
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี
เสน่ห์แห่งสังขละ เมืองบาดาล กลางสายน้ำ
ผจญป่าฝ่าสายน้ำที่"กาญจนบุรี" ทริปนี้เหนื่อย-เปียก แต่มันสะใจ
 
กำลังโหลดความคิดเห็น