คนไทยมีวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับสายน้ำมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดำรงชีวิตการสร้างบ้านเมือง สร้างชุมชนติดแหล่งน้ำ การประกอบอาชีพเกษตรกรรม และประมง สายน้ำจึงเปรียบเสมือนสายโลหิตหล่อเลี้ยงชีวิตคนไทยมาแต่ครั้งบรรพกาล
แม้แต่ประเพณีวัฒนธรรมหลายๆประเพณีก็อิงกับสายน้ำด้วยเช่นกัน เช่น ประเพณีลอยกระทง หรือประเพณีการแข่งขันเรือในลุ่มน้ำต่างๆ โดยประเพณีการแข่งขันเรือยาวของจังหวัดพิจิตร ณ ลำน้ำน่าน นับเป็นหนึ่งในประเพณีการแข่งขันเรือที่มีชื่อเสียงอยู่ในลำดับต้นๆของเมืองไทย และเป็นหนึ่งในประเพณีที่น่าสนใจที่มีมาแต่โบราณกาล
กำเนิดเรือยาวเมืองพิจิตร
จังหวัดพิจิตรเป็นจังหวัดที่มีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบลุ่มมากด้วยห้วย หนอง คลอง บึง และมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านหลายสาย ในสมัยก่อนเมื่อเสร็จจากฤดูการทำนาประมาณเดือน 9 พอเดือน 10 ชาวบ้านก็จะจัดงานรื่นเริง สนุกสนาน และทำบุญไหว้พระตามวัดต่างๆ มีการนำเรือยาวมาแข่งขันกันระหว่างหมู่บ้านและตำบล จนกลายเป็นกีฬาประเพณีทางสายน้ำที่สืบทอดกันมา
สำหรับจุดสำคัญของการแข่งขันเรือยาวอย่างเป็นทางการและสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนั้น เริ่มขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2450 ที่วัดท่าหลวง โดยพระธรรมทัสสีมุนีวงศ์ (เอี่ยม) เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง และเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และจัดติดต่อกันมาเรื่อยจนกระทั่งสมัยพระฑีฆทัสสีมุนีวงศ์ (ไป๋ นาควิจิตร) มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ได้กำหนดให้จัดงานแข่งขันเรือยาวในวันทางจันทรคติคือวันขึ้น 6 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ภายหลังเนื่องจากแม่น้ำน่านลดลงไวเกินไปไม่เหมาะสมในการแข่งเรือยาว จึงเปลี่ยนมาเป็นวันขึ้น 6 ค่ำเดือน 10 แทน ต่อมาได้เปลี่ยนวันจัดงานมาเป็นวันสุริยคติคือวันเสาร์ อาทิตย์ต้นเดือนกันยายนของทุกปี
และได้กำหนดให้เรือที่ชนะเลิศ และรองชนะเลิศได้รับผ้าห่มหลวงพ่อเพชรไปครอง ซึ่งหลวงพ่อเพชรเป็นที่เคารพนับถือและเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวพิจิตร สำหรับผู้ที่ชนะและรอง จะนำผ้าห่มหลวงพ่อเพชรไปพันไว้ที่โขนเรือ ซึ่งถือว่าเป็นสิริมงคลแก่เรือและเทือกเรือ(ฝีพาย)เป็นอย่างมาก ภายหลังคณะกรรมการพิจารณาเห็นว่าผ้าห่มหลวงพ่อเพชรเป็นของสูง การนำผ้าห่มของหลวงพ่อเพชรไปพันที่โขนเรืออาจจะไม่เหมาะสม จึงยกเลิกเสีย แล้วจัดทำธงที่มีภาพหลวงพ่อเพชรเป็นรางวัลแทน
กระทั่งปี พ.ศ. 2524 พระราชวิจิตรโมลี (บุญมี แตงปั้น) เจ้าอาวาสวัดท่าหลวงและเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรในปัจจุบัน ได้ขอพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันเรือยาวประเพณีทั้ง 3 ประเภท คือประเภทเรือยาวใหญ่ 41-55 ฝีพาย ประเภทเรือยาวกลาง 31-40 ฝีพาย และประเภทเรือยาวเล็กไม่เกิน 30 ฝีพาย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ซึ่งนับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ หาที่สุดมิได้ เพื่อสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานของจังหวัดพิจิตรมาจนถึงปัจจุบัน
และในปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นมาได้มีขบวนเรือพระราชพิธีจำลองจังหวัดพิจิตร ในพิธีเปิดงานประเพณีแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน ประกอบด้วยเรือพระที่นั่งจำลอง 3 ลำ คือเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือจำลองรูปสัตว์ 2 ลำ คือเรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง กระทั้งปี พ.ศ. 2545 นายสุวัฒน์ ภิญโญเศรษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรในตอนนั้น ได้เพิ่มเรือรูปสัตว์อีก 2 ลำ คือเรือครุฑเหินเห็จ และเรือครุฑเตร็จไตรจักร เพื่อเพิ่มสีสันความแปลกใหม่ของขบวนเรือพระราชพิธีจำลองให้ยิ่งใหญ่ขึ้น
สนุกไปกับมหกรรมแห่งสายน้ำ ปี 49
สำหรับในปี 2549 นี้ ซึ่งเป็นปีมหามงคลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จังหวัดพิจิตรได้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่โดยมี พล.ร.ต.มงคล แสงสว่าง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (คีตศิลป์) ปี 2543 เป็นผู้เห่เรือ และนายอุทัย เกตุแก้ว ศิลปินดีเด่นจังหวัดพิจิตรปี 2544 เป็นผู้ประพันธ์กาพย์เห่เรือ เพื่อใช้ประกอบการแสดงขบวนเรือพระราชพิธีจำลองจังหวัดพิจิตร
ธวัช ใจกล่ำ รองนายก อบต.รังนก จังหวัดพิจิตร และผู้ดูแลฝีพายเรือเทพทองคำซึ่งเป็นแชมป์มาแล้ว 2 สมัย เล่าว่า เดิมตนเคยเป็นฝีพายมาก่อนจนกระทั้งปี พ.ศ.2545 จึงได้หันมาเป็นผู้ดูแลทีม สำหรับเรือเทพทองคำนั้นเป็นเรือใหญ่ขนาด 55 ฝีพาย ซึ่งฝีพายทั้งหมดนั้นมีอาชีพหลักเป็นเกษตรกร พอว่างเว้นจากการทำงานเกษตรกรรมในช่วงฤดูน้ำประมาณเดือนกรกฎาคมก็จะพากันมาฝึกซ้อมฝีพายเพื่อแข่งขันเรือยาวในการแข่งขันต่างๆ โดยเฉพาะการแข่งเรือยาวประเพณีจังหวัดพิจิตรที่เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัด ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นจากการแข่งเรือในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ก็จะกลับไปทำเกษตรกรรมอย่างเดิม ทำเช่นนี้ทุกปี
สำหรับการฝึกซ้อม ธวัชเล่าว่า จะฝึกกันก่อนการแข่งขันเรือยาวประเพณีประมาณ 1-2 เดือน โดยจะซ้อมพายในช่วงเช้าและช่วงบ่าย ของทุกวันประมาณวันละประมาณ 10 เที่ยวขึ้นไป ใช้ระยะทางในการซ้อมพายเที่ยวละ 700-800 เมตร ซึ่งฝีพายทุกคนต้องมีความพร้อมร่างกายต้องฟิต พูดง่ายๆว่าต้องกินดีอยู่ดี
ซึ่งสำหรับการแข่งเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นแรงจูงใจให้ทุกคนทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ และคนพากย์ก็มีส่วนสำคัญยิ่งที่จะทำให้การแข่งเรือมีสีสันความสนุกสนานเพิ่มขึ้น การพากย์ที่จังหวัดพิจิตรนี้ก็ได้ว่ามีการพากย์การเชียร์ที่สนุกสนานเร้าใจเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าการแข่งเรือที่สนุกต้องคู่กับคนพากย์มันๆ ธวัช กล่าว
แม้ปัจจุบันสายน้ำที่เคยเป็นเสมือนสายโลหิตหล่อเลี้ยงชีวิตของคนไทยจะลดบทบาทลงจนคนรุ่นหลังอาจจะมองไม่เห็นถึงความสำคัญ แต่ประเพณีการแข่งขันเรือยาวที่ชาวจังหวัดพิจิตรยังคงสืบสานและอนุรักษ์รักษาไว้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตการดำรงชีพความร่วมมือร่วมใจรวมถึงความสามัคคีกลมเกลียวของชาวบ้านที่ยังคงผูกพันกับสายน้ำอย่างลึกซึ้งมาช้านาน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
งานแข่งขันเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ประจำปี 2549 จังหวัดพิจิตร จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2-3 กันยายน 2549 ณ ลำน้ำน่าน หน้าวัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร
สอบถามข้อมูลได้ที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตร โทร.0-5661-1611