โดย : ปิ่น บุตรี

ระนอง เมืองฝนแปดแดดสี่ที่แม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักในภาคใต้ แต่ว่าระนองก็มีเสน่ห์ตรงความสงบงาม ผู้คนน่ารักเปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรี มีธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรที่อุดมสมบูรณ์ และมีอากาศอันพิสุทธิ์มากไปด้วยโอโซนที่ผมสูดแบบเต็มปอดทีไรก็ให้ชื่นใจทุกครั้งไป
นอกจากนี้ผมค้นพบว่าเมืองนี้มีเสน่ห์ของน้ำ 7 อย่าง ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ผ่านทางอย่างผมได้เสมอ ในตอนที่แล้วผมได้พูดถึงเสน่ห์ของ 3 น้ำ ในเมืองระนองไปแล้ว นั่นก็คือ น้ำแร่ น้ำตก และน้ำฝน มาตอนนี้ผมก็จะขอสานต่อมนต์เสน่ห์แห่งเมือง 7 น้ำของระนองให้ครบถ้วนจบกระบวนความ
...น้ำทะเล
แม้ทะเลของระนองจะไม่โด่งดังเท่า ทะเลภูเก็ต ทะเลกระบี่ หรือทะเลพังงา แต่ว่าทะเลระนองก็มีเสน่ห์ตรงความสงบและความเป็นธรรมชาติ(ที่ยังไม่ถูกทำลายมาก)
หากใครอยากสัมผัสกับความน่าสนใจของทะเลเมืองระนอง ที่ อุทยานแห่งชาติแหลมสน มี เกาะ และชายหาด รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัส ส่วนใครจะไปเป็นหมู่คณะหรือไปเป็นคู่เพื่อให้ได้อารมณ์ หาดทราย สายลม สองเรา ก็สุดแท้แต่ความสะดวก
สำหรับชายหาดเด่นๆที่อุทยานฯแหลมสนก็มี หาดบางเบน ที่กว้างและยาว แถมเม็ดทรายก็ละเอียดนุ่มเท้า ร่มรื่นไปด้วยทิวสน หาดแหลมสน หาดสงบที่มีทรายขาวสะอาด และมีนกหลายหลายชนิด
ส่วนเกาะที่เด่นๆในอุทยานฯนี้ก็เห็นจะเป็น เกาะกำตกหรือเกาะอ่าวเขาควาย ที่มีอ่าวโค้งเกือบเป็นวงกลม โดยใกล้ๆกันนั้นเป็นเกาะค้างคาว ที่มีหาดทรายขาวละเอียด และมีหาดหินงามที่มากไปด้วยหินก้อนกลมมนเรียงรายอยู่เต็มหน้าหาด และเกาะกำใหญ่อันสวยงามที่มีหาดทรายขาวเนียนอยู่เกือบรอบเกาะ
ไหนๆก็พูดถึงเกาะแล้ว ระนองมี 2 เกาะใหญ่ในเขตอำเภอเมืองที่น่าไปเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
เกาะแรกคือเกาะช้าง อันมากไปด้วยเสน่ห์ชาวเกาะที่ส่วนใหญ่ทำสวนยางพารา และสวนกาหยูหรือมะม่วงหิมพานต์ที่เป็นหนึ่งในกาหยูพันธุ์ดีที่สุดในเมืองไทย นอกจากนี้เกาะช้างยังมี“นกแก๊ก”นกเงือกพันธุ์เล็กบินไปมาอยู่เป็นจำนวนมากในเกาะช้างและเกาะใกล้เคียง ด้วยความที่เจ้านกแก็กพวกนี้มันคุ้นกับคนเป็นอย่างดี(เพราะคนบนเกาะไปกวนและทำร้ายมัน) เราจึงสามารถพบเห็นนกแก๊กบินฉวัดเฉวียนไปมาในเกาะช้างได้อย่างไม่ยากเย็น ส่วนใครที่อยากหากิจกรรมสนุกๆทำ บนเกาะช้างมี เดินป่าขึ้นเขาชมวิว ขี่จักรยาน ดูนก ตกปลา ให้ผู้สนใจได้เลือกทำกัน
อีกเกาะหนึ่งที่กำลังมาแรงในระนองก็คือ เกาะพยาม เกาะขนาดใหญ่ใกล้ๆเกาะช้าง ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่กันอย่างเรียบง่าย ทำสวนยางและสวนกาหยู เกาะพยามเหมาะสำหรับผู้ชอบการดำน้ำ เพราะที่นี่เป็นแหล่งดูปะการังที่สมบูรณ์และสวยงาม อีกทั้งยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์มีชาวมอแกนที่เดินทางมาอาศัยอยู่เป็นครั้งคราว
แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับเกาะใหญ่ทั้ง 2 รวมถึงชายทะเลบางจุดในเมืองระนอง เพราะพี่ข้าราชการผู้ห่วงใยในระนองท่านหนึ่งแสดงความเป็นห่วงกับผมว่า ทุกวันนี้มีนายทุนต่างถิ่นและนายทุนต่างชาติได้เข้ามากว้านซื้อที่ริมทะเลและที่ตามเกาะต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพี่ข้าราชการคนนั้นกลัวระนองจะซ้ำรอยสมุยที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้
...น้ำจืด
สำหรับน้ำจืดในที่นี้ก็คือน้ำในแม่น้ำนั่นเอง ระนองมีแม่น้ำกระบุรีเป็นหนึ่งในแม่น้ำสายหลัก ซึ่งจุดชมวิวแม่น้ำกระบุรีที่คนมักไปเที่ยวกันก็คือบริเวณคอคอดกระ บ้านทับหลี ต.ละมุ ที่แบ่งพรมแดนระหว่างไทย-พม่า
แม่น้ำกระบุรีที่นี่แคบไม่ต่างจากลำคลองเท่าใดนัก แต่ว่าในพื้นที่นี้กลับไม่ความสำคัญไม่น้อยทีเดียว เพราะบริเวณนี้คือส่วนที่แคบที่สุดในแหลมมลายู(กว้างราว 44 กม.)ที่ครั้งหนึ่งเคยมีโครงการจะขุดคลองคอดกระเชื่อมทะเลระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน
ปัจจุบันคอคอดกระเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกพร้อมแวะกินซาลาเปาทับหลีที่มีขายกันเกลื่อนในละแวกนั้น ซึ่งผมไปร้านไหนเขาก็บอกว่าเป็นซาลาเปาทับหลีของแม้เจ้าดั้งเดิมสูตรต้นตำรับกันทั้งนั้น
อนึ่งเสน่ห์แห่งน้ำจืดในแม่น้ำเมืองระนองที่น่าเที่ยวยังไม่หมดเพี้ยงแค่นี้ เพราะในช่วงหน้าฝนอย่างนี้เหมาะที่จะล่องแพชมความงามในลำน้ำคลองนาคาเป็นอย่างยิ่ง
แพของที่นี่จะเป็นแพไม้ไผ่นั่งได้ไม่เกิน 5 คน มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งถั่ว ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา ก่อนจะออกไปล่องเอื่อยๆไปตามลำน้ำระยะทางประมาณ 4 กม.
ใครที่ชอบความสะใจในอารมณ์ล่องแก่งระดับ 4-5 อย่างน้ำเข็ก น้ำว้า ทีลอเร รับรองว่าหาที่นี่ไม่ได้ เพราะเส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางล่องแพแบบนุ่มนวลให้นักท่องเที่ยวนั่งแพรับลมชมทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ โดยบางช่วงจะมีหมอบ มีนอนหงายบ้างเพื่อความตื่นเต้นเล็กๆ
ส่วนที่ถือเป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของการล่องแพที่นี่ก็เห็นจะเป็นเจ้าต้น “พลับพลึงธาร” หรือ“หญ้าช้อง”พืชน้ำใกล้สูญพันธุ์ที่หายาก(มาก) ที่ปรากกฎว่ามีขึ้นอยู่มากมายในลำคลองสายนี้
คนแถวนั้นบอกว่าพลับพลึงคือพืชหนึ่งเดียวในโลกที่พบได้ในลำคลองแห่งนี้ จริง-เท็จอย่างไรนั้น นักวิชาการด้านพันธุ์ไม้น้ำน่าจะลงไปสำรวจอย่างจริงจัง เพื่อที่จะได้อนุรักษ์ไว้เป็นมรดกของประเทศไทยต่อไป...
...น้ำกร่อย
หากพูดถึงเสน่ห์ของน้ำกร่อยเมืองระนอง ก็คงต้องพุ่งเป้าไปยังป่าชายเลยที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในเมืองระนอง โดยเฉพาะที่ ศูนย์วิจัยป่าชายเลน ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและมีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย จนองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็น "พื้นที่เขตสงวนชีวมณฑล" ใน พ.ศ. 2540 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศดีเด่น ในปี พ.ศ. 2547
เนื่องจากเป็นพื้นที่พิเศษ การไปเที่ยวชมป่าชายเลนนั้น ต้องขออนุญาตจากทางศูนย์วิจัยก่อน(โทร. 0-7784-8392) ป่าชายเลนแห่งนี้มีเนื้อที่ 122,500 ไร่ กระจายตัวบริเวณปากแม่น้ำกระบุรี มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เลือก 2 เส้นทาง
เส้นทางแรกเป็นเส้นทางเดินเท้าไปตามสะพานคอนกรีตระยะทาง 850 เมตร ที่ซอกแซกไปตามผืนป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ระหว่างทางจะได้พบกับพืชพรรณไม้ในป่าชายเลนและป่าดิบเขาอย่างเช่น ยาง ตะเคียน ก่อบ้าน ส้าน แซะ โกงกาง และที่ชวนตื่นตาตื่นใจก็คือบรรดาสัตว์ที่ออกหากินบริเวณป่าชายเลน อย่าง ปูแสม ปูทะเล ปลาตีน และนกนานาชนิด หรือหากโชคดีก็จะได้เจอ ลิง นาก สิริรวมแล้วในเส้นทางสายนี้ใช้เวลาเดินแบบเอ้อระเหยลอยชายประมาณ 1 ชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่ง
อีกเส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางนั่งเรือชมป่าชายเลนที่ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ว่าก็คุ้มค่าเพราะมีจุดน่าสนใจให้ชมหลายแห่ง ตั้งแต่สภาพป่าชายเลนบริเวณคลองโหงที่มีความสมบูรณ์มาก เต็มไปด้วยกลุ่มไม้โกงกางขนาดใหญ่โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ต้นโกงกางขนาดใหญ่(มาก)เส้นรอบวง 2 เมตร สูง 25 เมตร อายุร่วม 200 ปีทีเดียวนอกจากนี้บริเวณหลังเกาะเหลายังมีหมู่บ้านชาวเลที่มีวัฒนธรรมและภาษาพูดอันเป็นเอกลักษณ์รวมถึงวิถีที่อยู่กับทะเลและป่าชายเลนอย่างพึ่งพาอาศัยกัน...
...น้ำใจ
มาถึงเสน่ห์แห่งน้ำลำดับสุดท้ายที่ผมชอบมากที่สุดนั่นก็คือ "น้ำใจ" ของคนเมืองระนองที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและอัธยาศัยไมตรี เวลาไปเยือนระนองคราใด น้ำใจของคนระนองถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างความประทับใจให้กับผมได้เสมอ...
ระนอง เมืองฝนแปดแดดสี่ที่แม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักในภาคใต้ แต่ว่าระนองก็มีเสน่ห์ตรงความสงบงาม ผู้คนน่ารักเปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรี มีธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรที่อุดมสมบูรณ์ และมีอากาศอันพิสุทธิ์มากไปด้วยโอโซนที่ผมสูดแบบเต็มปอดทีไรก็ให้ชื่นใจทุกครั้งไป
นอกจากนี้ผมค้นพบว่าเมืองนี้มีเสน่ห์ของน้ำ 7 อย่าง ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ผ่านทางอย่างผมได้เสมอ ในตอนที่แล้วผมได้พูดถึงเสน่ห์ของ 3 น้ำ ในเมืองระนองไปแล้ว นั่นก็คือ น้ำแร่ น้ำตก และน้ำฝน มาตอนนี้ผมก็จะขอสานต่อมนต์เสน่ห์แห่งเมือง 7 น้ำของระนองให้ครบถ้วนจบกระบวนความ
...น้ำทะเล
แม้ทะเลของระนองจะไม่โด่งดังเท่า ทะเลภูเก็ต ทะเลกระบี่ หรือทะเลพังงา แต่ว่าทะเลระนองก็มีเสน่ห์ตรงความสงบและความเป็นธรรมชาติ(ที่ยังไม่ถูกทำลายมาก)
หากใครอยากสัมผัสกับความน่าสนใจของทะเลเมืองระนอง ที่ อุทยานแห่งชาติแหลมสน มี เกาะ และชายหาด รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัส ส่วนใครจะไปเป็นหมู่คณะหรือไปเป็นคู่เพื่อให้ได้อารมณ์ หาดทราย สายลม สองเรา ก็สุดแท้แต่ความสะดวก
สำหรับชายหาดเด่นๆที่อุทยานฯแหลมสนก็มี หาดบางเบน ที่กว้างและยาว แถมเม็ดทรายก็ละเอียดนุ่มเท้า ร่มรื่นไปด้วยทิวสน หาดแหลมสน หาดสงบที่มีทรายขาวสะอาด และมีนกหลายหลายชนิด
ส่วนเกาะที่เด่นๆในอุทยานฯนี้ก็เห็นจะเป็น เกาะกำตกหรือเกาะอ่าวเขาควาย ที่มีอ่าวโค้งเกือบเป็นวงกลม โดยใกล้ๆกันนั้นเป็นเกาะค้างคาว ที่มีหาดทรายขาวละเอียด และมีหาดหินงามที่มากไปด้วยหินก้อนกลมมนเรียงรายอยู่เต็มหน้าหาด และเกาะกำใหญ่อันสวยงามที่มีหาดทรายขาวเนียนอยู่เกือบรอบเกาะ
ไหนๆก็พูดถึงเกาะแล้ว ระนองมี 2 เกาะใหญ่ในเขตอำเภอเมืองที่น่าไปเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
เกาะแรกคือเกาะช้าง อันมากไปด้วยเสน่ห์ชาวเกาะที่ส่วนใหญ่ทำสวนยางพารา และสวนกาหยูหรือมะม่วงหิมพานต์ที่เป็นหนึ่งในกาหยูพันธุ์ดีที่สุดในเมืองไทย นอกจากนี้เกาะช้างยังมี“นกแก๊ก”นกเงือกพันธุ์เล็กบินไปมาอยู่เป็นจำนวนมากในเกาะช้างและเกาะใกล้เคียง ด้วยความที่เจ้านกแก็กพวกนี้มันคุ้นกับคนเป็นอย่างดี(เพราะคนบนเกาะไปกวนและทำร้ายมัน) เราจึงสามารถพบเห็นนกแก๊กบินฉวัดเฉวียนไปมาในเกาะช้างได้อย่างไม่ยากเย็น ส่วนใครที่อยากหากิจกรรมสนุกๆทำ บนเกาะช้างมี เดินป่าขึ้นเขาชมวิว ขี่จักรยาน ดูนก ตกปลา ให้ผู้สนใจได้เลือกทำกัน
อีกเกาะหนึ่งที่กำลังมาแรงในระนองก็คือ เกาะพยาม เกาะขนาดใหญ่ใกล้ๆเกาะช้าง ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่กันอย่างเรียบง่าย ทำสวนยางและสวนกาหยู เกาะพยามเหมาะสำหรับผู้ชอบการดำน้ำ เพราะที่นี่เป็นแหล่งดูปะการังที่สมบูรณ์และสวยงาม อีกทั้งยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์มีชาวมอแกนที่เดินทางมาอาศัยอยู่เป็นครั้งคราว
แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับเกาะใหญ่ทั้ง 2 รวมถึงชายทะเลบางจุดในเมืองระนอง เพราะพี่ข้าราชการผู้ห่วงใยในระนองท่านหนึ่งแสดงความเป็นห่วงกับผมว่า ทุกวันนี้มีนายทุนต่างถิ่นและนายทุนต่างชาติได้เข้ามากว้านซื้อที่ริมทะเลและที่ตามเกาะต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพี่ข้าราชการคนนั้นกลัวระนองจะซ้ำรอยสมุยที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้
...น้ำจืด
สำหรับน้ำจืดในที่นี้ก็คือน้ำในแม่น้ำนั่นเอง ระนองมีแม่น้ำกระบุรีเป็นหนึ่งในแม่น้ำสายหลัก ซึ่งจุดชมวิวแม่น้ำกระบุรีที่คนมักไปเที่ยวกันก็คือบริเวณคอคอดกระ บ้านทับหลี ต.ละมุ ที่แบ่งพรมแดนระหว่างไทย-พม่า
แม่น้ำกระบุรีที่นี่แคบไม่ต่างจากลำคลองเท่าใดนัก แต่ว่าในพื้นที่นี้กลับไม่ความสำคัญไม่น้อยทีเดียว เพราะบริเวณนี้คือส่วนที่แคบที่สุดในแหลมมลายู(กว้างราว 44 กม.)ที่ครั้งหนึ่งเคยมีโครงการจะขุดคลองคอดกระเชื่อมทะเลระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน
ปัจจุบันคอคอดกระเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกพร้อมแวะกินซาลาเปาทับหลีที่มีขายกันเกลื่อนในละแวกนั้น ซึ่งผมไปร้านไหนเขาก็บอกว่าเป็นซาลาเปาทับหลีของแม้เจ้าดั้งเดิมสูตรต้นตำรับกันทั้งนั้น
อนึ่งเสน่ห์แห่งน้ำจืดในแม่น้ำเมืองระนองที่น่าเที่ยวยังไม่หมดเพี้ยงแค่นี้ เพราะในช่วงหน้าฝนอย่างนี้เหมาะที่จะล่องแพชมความงามในลำน้ำคลองนาคาเป็นอย่างยิ่ง
แพของที่นี่จะเป็นแพไม้ไผ่นั่งได้ไม่เกิน 5 คน มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งถั่ว ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา ก่อนจะออกไปล่องเอื่อยๆไปตามลำน้ำระยะทางประมาณ 4 กม.
ใครที่ชอบความสะใจในอารมณ์ล่องแก่งระดับ 4-5 อย่างน้ำเข็ก น้ำว้า ทีลอเร รับรองว่าหาที่นี่ไม่ได้ เพราะเส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางล่องแพแบบนุ่มนวลให้นักท่องเที่ยวนั่งแพรับลมชมทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ โดยบางช่วงจะมีหมอบ มีนอนหงายบ้างเพื่อความตื่นเต้นเล็กๆ
ส่วนที่ถือเป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของการล่องแพที่นี่ก็เห็นจะเป็นเจ้าต้น “พลับพลึงธาร” หรือ“หญ้าช้อง”พืชน้ำใกล้สูญพันธุ์ที่หายาก(มาก) ที่ปรากกฎว่ามีขึ้นอยู่มากมายในลำคลองสายนี้
คนแถวนั้นบอกว่าพลับพลึงคือพืชหนึ่งเดียวในโลกที่พบได้ในลำคลองแห่งนี้ จริง-เท็จอย่างไรนั้น นักวิชาการด้านพันธุ์ไม้น้ำน่าจะลงไปสำรวจอย่างจริงจัง เพื่อที่จะได้อนุรักษ์ไว้เป็นมรดกของประเทศไทยต่อไป...
...น้ำกร่อย
หากพูดถึงเสน่ห์ของน้ำกร่อยเมืองระนอง ก็คงต้องพุ่งเป้าไปยังป่าชายเลยที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในเมืองระนอง โดยเฉพาะที่ ศูนย์วิจัยป่าชายเลน ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและมีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย จนองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็น "พื้นที่เขตสงวนชีวมณฑล" ใน พ.ศ. 2540 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศดีเด่น ในปี พ.ศ. 2547
เนื่องจากเป็นพื้นที่พิเศษ การไปเที่ยวชมป่าชายเลนนั้น ต้องขออนุญาตจากทางศูนย์วิจัยก่อน(โทร. 0-7784-8392) ป่าชายเลนแห่งนี้มีเนื้อที่ 122,500 ไร่ กระจายตัวบริเวณปากแม่น้ำกระบุรี มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เลือก 2 เส้นทาง
เส้นทางแรกเป็นเส้นทางเดินเท้าไปตามสะพานคอนกรีตระยะทาง 850 เมตร ที่ซอกแซกไปตามผืนป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ระหว่างทางจะได้พบกับพืชพรรณไม้ในป่าชายเลนและป่าดิบเขาอย่างเช่น ยาง ตะเคียน ก่อบ้าน ส้าน แซะ โกงกาง และที่ชวนตื่นตาตื่นใจก็คือบรรดาสัตว์ที่ออกหากินบริเวณป่าชายเลน อย่าง ปูแสม ปูทะเล ปลาตีน และนกนานาชนิด หรือหากโชคดีก็จะได้เจอ ลิง นาก สิริรวมแล้วในเส้นทางสายนี้ใช้เวลาเดินแบบเอ้อระเหยลอยชายประมาณ 1 ชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่ง
อีกเส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางนั่งเรือชมป่าชายเลนที่ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ว่าก็คุ้มค่าเพราะมีจุดน่าสนใจให้ชมหลายแห่ง ตั้งแต่สภาพป่าชายเลนบริเวณคลองโหงที่มีความสมบูรณ์มาก เต็มไปด้วยกลุ่มไม้โกงกางขนาดใหญ่โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ต้นโกงกางขนาดใหญ่(มาก)เส้นรอบวง 2 เมตร สูง 25 เมตร อายุร่วม 200 ปีทีเดียวนอกจากนี้บริเวณหลังเกาะเหลายังมีหมู่บ้านชาวเลที่มีวัฒนธรรมและภาษาพูดอันเป็นเอกลักษณ์รวมถึงวิถีที่อยู่กับทะเลและป่าชายเลนอย่างพึ่งพาอาศัยกัน...
...น้ำใจ
มาถึงเสน่ห์แห่งน้ำลำดับสุดท้ายที่ผมชอบมากที่สุดนั่นก็คือ "น้ำใจ" ของคนเมืองระนองที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและอัธยาศัยไมตรี เวลาไปเยือนระนองคราใด น้ำใจของคนระนองถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างความประทับใจให้กับผมได้เสมอ...