โดย : แมวลาย

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของพวกเราที่จะเดินทางไปกับคาราวานอีซูซุในดินแดนสิบสองปันนา ซึ่งหลังจากที่ท่องเที่ยวกันอยู่ในตัวเมืองเชียงรุ่ง เมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนากันไปแล้ว คราวนี้เราจะออกไปนอกเมือง ไปสัมผัสบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของสิบสองปันนากันบ้าง
เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นกันแต่เช้าเพื่อจะเดินทางไปยังสวนป่าดงดิบ ขออธิบายกันก่อนที่จะเข้าใจผิดคิดว่าฉันมาเดินป่าไกลถึงที่สิบสองปันนา เพราะป่าดงดิบที่ว่านี้ก็อารมณ์ประมาณสวนสามพรานบ้านเรา คือมีการแสดงของสัตว์ต่างๆ รวมทั้งการแสดงวิถีชีวิตของคน แต่ที่แห่งนี้นั้นมีภูมิทัศน์ที่สวยงามและเป็นของจริง เพราะอยู่ในป่าจริงๆ จะมีก็แต่เพียงการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพิ่มเติมเข้าไปเล็กน้อย

และเมื่อเรามาถึงสวนป่าดงดิบแล้ว การที่จะเข้าไปชมในสวนป่าดงดิบได้นั้น เราต้องนั่งรถรางไฟฟ้าที่ทางสวนจัดเตรียมไว้เท่านั้น โดยจุดแรกที่รถรางพาเข้าไปชมนั่นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าอาข่าเป็นชนเผ่าหนึ่งในสิบสองปันนานี้ แล้วการจะเข้าไปชมยังบ้านของชาวอาข่าด้านในก็ต้องเดินไต่สะพานแขวนข้ามกันไป ซึ่งบ้านของชนเผ่าอาข่านี่ก็เป็นบ้านของพวกเขาจริงๆ ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อการท่องเที่ยวแต่อย่างใด เรียกว่าผู้ที่เข้าไปชมภายในหมู่บ้านชาวอาข่านั้นก็จะได้เห็นและสัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างจริงๆ และพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นคุณผู้ชายก็จะได้เข้าร่วมสัมผัสในพิธีแต่งงานแบบจำลองของชาวอาข่าอีกต่างหาก
ถัดจากหมู่บ้านอาข่ารถรางไฟฟ้าพาเราเดินทางต่อมายังน้ำตกเก้ามังกร เป็นน้ำตกจำลองที่ทำขึ้นที่ตอนเช้าๆ น้ำจะแห้งเพราะยังไม่ได้ปล่อยน้ำลงมา ส่วนที่เรียกว่าน้ำตกเก้ามังกรนั้นก็เพราะว่า มีรูปปั้นของมังกรเก้าตัวที่กำลังจะถูกดาบฟัน และที่ข้างๆ น้ำตกเก้ามังกรนี้ก็เป็นเวทีการแสดงที่เราจะมานั่งชมกัน

สำหรับการแสดงในวันนี้ที่เราได้มาชมนั้น เป็นการแสดงเป่าขลุ่ยน้ำเต้าของชาวไทลื้อ และการเป่าใบไม้ของชาวอาข่าที่ดูตื่นตาตื่นใจดี โดยส่วนตัวของฉันนั้นชอบการแสดงเป่าใบไม้มากเป็นพิเศษ เพราะคนเป่าสามารถเป่าให้ใบไม้ที่ดูเป็นใบไม้ธรรมดา แต่ว่าสามารถออกมาเป็นเสียงเพลงที่ฟังแล้วไพเราะมาก ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกเพลิดเพลินได้มากเลยทีเดียวกับตลอดการแสดงที่ดำเนินไปประมาณครึ่งชั่วโมง
หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถรางกันต่อเพื่อมาดูการแสดง (อีกแล้ว?) แต่คราวนี้เป็นการแสดงชุดใหญ่ที่มีผู้ชมมารอชมกันมากมาย จะเรียกว่าเป็นไฮไลท์ใหญ่ก็ว่าได้ เพราะเป็นการแสดงของคนแต่ละเผ่าที่อาศัยอยู่ในสิบสองปันนา ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าไทลื้อ ชาวฮั่น ชาวอาข่า ชาวลาหู่ ฯลฯ แต่การแสดงที่สวยงามที่สุดที่ฉันต้องขอยกนิ้วให้ ก็ต้องนี่เลย การแสดงระบำนกยูงของสาวชาวไทลื้อ ที่ดูแล้วช่างสวยสด งดงามอ่อนช้อยเสียจริงเชียว
พอดูการแสดงชุดใหญ่นี้จบก็เป็นอันว่าจบทริปที่สวนป่าดงดิบเพียงเท่านี้ ซึ่งตามความคิดของฉันแล้วสวนป่าดงดิบนี้แห่งนี้ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมดาแห่งหนึ่ง แต่ไกด์เล่าให้ฟังว่า นักท่องเที่ยวคนจีนทั้งจากปักกิ่งและมณฑลอื่นๆ นั้นนิยมมาเที่ยวที่นี่กันมาก เพราะเขาไม่เคยเห็นชนเผ่าต่างๆ อย่างนี้มาก่อน
และเมื่อออกมาจากสวนป่าดงดิบแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไปยังเมืองฮำ เพื่อมายังหมู่บ้านกาหลั่นป้า ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวไทลื้อที่เก่าแก่มีอายุยาวนานเป็นพันปีแล้ว แต่ว่ายังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิต บ้านเรือน การแต่งกาย และความเป็นอยู่ที่ยังอนุรักษ์ไว้ให้เป็นแบบดั้งเดิมให้มากที่สุด ถึงกับห้ามมิให้มีการสร้างสิ่งก่อสร้างใดๆ ที่ไม่ได้เป็นแบบไทลื้อไว้ในหมู่บ้านเลย

ขอพูดถึงเส้นทางระหว่างที่มายังกาหลั่นป้าเสียหน่อยว่า ทัศนียภาพรอบข้างนั้นสวยงามมาก เพราะด้านหนึ่งติดแม่น้ำโขง มองเห็นสายน้ำคดเคี้ยว มีเกาะแก่งน้อยใหญ่ดูเป็นธรรมชาติมากเลยทีเดียว
ครั้นเมื่อมาถึงพวกเราทั้งขบวนคาราวานก็ตรงเข้าไปยังหมู่บ้านกาหลั่นป้า โดยมีสาวๆ ชาวไทลื้อมาคอยต้อนรับ พร้อมทั้งมีคุณป้าชาวไทลื้อถือสร้อยร้อยดอกไม้เตรียมตัวจะคล้องให้พวกเรา ทีแรกก็นึกว่าเป็นอภินันทนาการจากคนในหมู่บ้านเสียอีก แต่คุณป้ายิ้มหวานพร้อมกับส่งสัญญาณมาว่า "หนึ่งหยวนจ้า"
งานนี้หลังจากผ่านคณะต้อนรับของคุณพี่และคุณป้าไทลื้อมาแล้ว พวกเราก็ได้เดินชมบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้าน กันตามอัธยาศัย ซึ่งบ้านของชาวไทลื้อแต่ละหลังนั้นมีมีเอกลักษณ์อยู่ตรงหลังคากระเบื้องดินขอวางซ้อนๆ กัน บ้านหลังใหญ่ ใต้ถุนบ้านโล่งกว้าง รั้วไม้โปร่งเตี้ยๆ ที่กั้นพื้นที่ระหว่างบ้านแต่ละหลังก็ทำให้มีบรรยากาศเป็นญาติมิตรกันดี

สำหรับบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านนี้ จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้เราดูมากมาย อย่างเช่นบ้านหลังหนึ่งที่ฉันเข้าไปดูก็พบว่ามีคุณป้ากำลังนั่งกรอด้ายอยู่ใต้ถุนบ้าน ส่วนอีกหลังหนึ่งก็มีคุณลุงกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนตัวอักษรไทลื้อลงบนใบลานอยู่ เรียกว่าเมื่อเดินเข้าไปในบ้านแต่ละหลัง จะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบดั้งเดิมของชาวไทลื้อแบบสุดๆ นอกจากนั้นบางบ้านยังเชื้อเชิญให้ขึ้นไปดูถึงด้านบนอีกด้วยแน่ะ แถมยังเลี้ยงน้ำชาแขกที่มาเยือนอย่างดิบดีทีเดียว
ฉันเข้าบ้านนู่น ออกบ้านนี้ เดินดูอยู่หลายหลังพอสมควรเลย และก็ได้เดินไปดูสถานที่ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมของชาวไทลื้อในหมู่บ้านกาหลั่นป้านี้ นั่นก็คือวัดสวนมอน วัดของชาวไทลื้อที่เก่าแก่ที่สุดในสิบสองปันนา วัดแห่งนี้เป็นศิลปะแบบไทลื้อที่สวยงามมากทีเดียว และมีเจดีย์สีทองเหลืองอร่าม เคียงคู่กับอุโบสถ ซึ่งสำหรับวัดสวนมอนนั้นก็ถือเป็นศูนย์กลางของชุมชนที่เป็นวัดพุทธแบบเถรวาท และเมื่อเข้าไปในอุโบสถ ไหว้พระประธานในโบสถ์แล้วก็จงรู้ไว้เถอะว่าพระพุทธรูปนี้น่ะมาจากประเทศไทยเรานี่เอง
ฉันใช้เวลาเดินเที่ยวจนทั่วหมู่บ้านกาหลั่นป้าได้พักใหญ่ หลังจากนั้นก็ตรงไปจับจ่ายใช้เงินกันสักหน่อยยังโรงงานหยก ซึ่งเมื่อมาถึงที่โรงงานหยก เจ้าของร้านหยกออกมาต้อนรับพร้อมกับใบหน้าที่บานเป็นจานเชิง เพราะเห็นคนไทยอย่างฉันมา ก็รู้ได้แน่ว่าคนไทยอย่างฉันนี้ชอบชอปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว

แต่ว่างานนี้ฉันออกจะทำให้เจ้าของโรงงานหยกผิดหวังสักหน่อย เพราะว่าฉันไม่ได้ซื้อหยกสักชิ้นเลย ได้แต่เดินดูหยกที่สวยงามอันละลานตา ก็พาให้อิ่มตาอิ่มใจแล้ว
และฉันก็จบการท่องเที่ยวในสิบสองปันนาไว้แต่เพียงเท่านี้ ขากลับฉันและบรรดาคาราวานต่างก็ประจำอยู่หลังพวงมาลัยเช่นเดิม รถแต่ละคันเดินทางลงใต้มุ่งหน้ากลับสู่มาตุภูมิประเทศไทยตามเส้นทางเดิมเหมือนเมื่อขามา ทิ้งสิบสองปันนาไว้เบื้องหลัง พร้อมกับเรื่องราวที่ประทับใจ ชวนให้ทุกคนต่างก็คงเก็บความประทับใจที่ตัวเองได้รับจากดินแดนแห่งนี้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เมืองเชียงรุ่ง เป็นเมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ภาษาทางการที่ใช้คือภาษาจีนกลาง ใช้สกุลเงินหยวน โดย 1 หยวนประมาณ 5 บาท ส่วนเวลาจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง
การเดินทางไปเชียงรุ่งมีสายการบินที่ให้บริการจากกรุงเทพฯสู่เมืองเชียงรุ่ง ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส บินทุกวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ หรือหากเดินทางโดยเรือท่องเที่ยว ขึ้นที่ท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงรายสู่เมืองเชียงรุ่ง ใช้เวลา 12 ชั่วโมง (ทวนน้ำ) แต่เป็นการให้บริการเฉพาะเช่าเหมาลำ
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
คาราวานสู่สิบสองปันนา (1) : จากท่าขี้เหล็กถึงเมืองลา
คาราวานสู่สิบสองปันนา (2) : เยือนเมืองเชียงรุ่ง ยลถิ่นไทลื้อ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของพวกเราที่จะเดินทางไปกับคาราวานอีซูซุในดินแดนสิบสองปันนา ซึ่งหลังจากที่ท่องเที่ยวกันอยู่ในตัวเมืองเชียงรุ่ง เมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนากันไปแล้ว คราวนี้เราจะออกไปนอกเมือง ไปสัมผัสบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของสิบสองปันนากันบ้าง
เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นกันแต่เช้าเพื่อจะเดินทางไปยังสวนป่าดงดิบ ขออธิบายกันก่อนที่จะเข้าใจผิดคิดว่าฉันมาเดินป่าไกลถึงที่สิบสองปันนา เพราะป่าดงดิบที่ว่านี้ก็อารมณ์ประมาณสวนสามพรานบ้านเรา คือมีการแสดงของสัตว์ต่างๆ รวมทั้งการแสดงวิถีชีวิตของคน แต่ที่แห่งนี้นั้นมีภูมิทัศน์ที่สวยงามและเป็นของจริง เพราะอยู่ในป่าจริงๆ จะมีก็แต่เพียงการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพิ่มเติมเข้าไปเล็กน้อย
และเมื่อเรามาถึงสวนป่าดงดิบแล้ว การที่จะเข้าไปชมในสวนป่าดงดิบได้นั้น เราต้องนั่งรถรางไฟฟ้าที่ทางสวนจัดเตรียมไว้เท่านั้น โดยจุดแรกที่รถรางพาเข้าไปชมนั่นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าอาข่าเป็นชนเผ่าหนึ่งในสิบสองปันนานี้ แล้วการจะเข้าไปชมยังบ้านของชาวอาข่าด้านในก็ต้องเดินไต่สะพานแขวนข้ามกันไป ซึ่งบ้านของชนเผ่าอาข่านี่ก็เป็นบ้านของพวกเขาจริงๆ ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อการท่องเที่ยวแต่อย่างใด เรียกว่าผู้ที่เข้าไปชมภายในหมู่บ้านชาวอาข่านั้นก็จะได้เห็นและสัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างจริงๆ และพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นคุณผู้ชายก็จะได้เข้าร่วมสัมผัสในพิธีแต่งงานแบบจำลองของชาวอาข่าอีกต่างหาก
ถัดจากหมู่บ้านอาข่ารถรางไฟฟ้าพาเราเดินทางต่อมายังน้ำตกเก้ามังกร เป็นน้ำตกจำลองที่ทำขึ้นที่ตอนเช้าๆ น้ำจะแห้งเพราะยังไม่ได้ปล่อยน้ำลงมา ส่วนที่เรียกว่าน้ำตกเก้ามังกรนั้นก็เพราะว่า มีรูปปั้นของมังกรเก้าตัวที่กำลังจะถูกดาบฟัน และที่ข้างๆ น้ำตกเก้ามังกรนี้ก็เป็นเวทีการแสดงที่เราจะมานั่งชมกัน
สำหรับการแสดงในวันนี้ที่เราได้มาชมนั้น เป็นการแสดงเป่าขลุ่ยน้ำเต้าของชาวไทลื้อ และการเป่าใบไม้ของชาวอาข่าที่ดูตื่นตาตื่นใจดี โดยส่วนตัวของฉันนั้นชอบการแสดงเป่าใบไม้มากเป็นพิเศษ เพราะคนเป่าสามารถเป่าให้ใบไม้ที่ดูเป็นใบไม้ธรรมดา แต่ว่าสามารถออกมาเป็นเสียงเพลงที่ฟังแล้วไพเราะมาก ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกเพลิดเพลินได้มากเลยทีเดียวกับตลอดการแสดงที่ดำเนินไปประมาณครึ่งชั่วโมง
หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถรางกันต่อเพื่อมาดูการแสดง (อีกแล้ว?) แต่คราวนี้เป็นการแสดงชุดใหญ่ที่มีผู้ชมมารอชมกันมากมาย จะเรียกว่าเป็นไฮไลท์ใหญ่ก็ว่าได้ เพราะเป็นการแสดงของคนแต่ละเผ่าที่อาศัยอยู่ในสิบสองปันนา ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าไทลื้อ ชาวฮั่น ชาวอาข่า ชาวลาหู่ ฯลฯ แต่การแสดงที่สวยงามที่สุดที่ฉันต้องขอยกนิ้วให้ ก็ต้องนี่เลย การแสดงระบำนกยูงของสาวชาวไทลื้อ ที่ดูแล้วช่างสวยสด งดงามอ่อนช้อยเสียจริงเชียว
พอดูการแสดงชุดใหญ่นี้จบก็เป็นอันว่าจบทริปที่สวนป่าดงดิบเพียงเท่านี้ ซึ่งตามความคิดของฉันแล้วสวนป่าดงดิบนี้แห่งนี้ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมดาแห่งหนึ่ง แต่ไกด์เล่าให้ฟังว่า นักท่องเที่ยวคนจีนทั้งจากปักกิ่งและมณฑลอื่นๆ นั้นนิยมมาเที่ยวที่นี่กันมาก เพราะเขาไม่เคยเห็นชนเผ่าต่างๆ อย่างนี้มาก่อน
และเมื่อออกมาจากสวนป่าดงดิบแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไปยังเมืองฮำ เพื่อมายังหมู่บ้านกาหลั่นป้า ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวไทลื้อที่เก่าแก่มีอายุยาวนานเป็นพันปีแล้ว แต่ว่ายังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิต บ้านเรือน การแต่งกาย และความเป็นอยู่ที่ยังอนุรักษ์ไว้ให้เป็นแบบดั้งเดิมให้มากที่สุด ถึงกับห้ามมิให้มีการสร้างสิ่งก่อสร้างใดๆ ที่ไม่ได้เป็นแบบไทลื้อไว้ในหมู่บ้านเลย
ขอพูดถึงเส้นทางระหว่างที่มายังกาหลั่นป้าเสียหน่อยว่า ทัศนียภาพรอบข้างนั้นสวยงามมาก เพราะด้านหนึ่งติดแม่น้ำโขง มองเห็นสายน้ำคดเคี้ยว มีเกาะแก่งน้อยใหญ่ดูเป็นธรรมชาติมากเลยทีเดียว
ครั้นเมื่อมาถึงพวกเราทั้งขบวนคาราวานก็ตรงเข้าไปยังหมู่บ้านกาหลั่นป้า โดยมีสาวๆ ชาวไทลื้อมาคอยต้อนรับ พร้อมทั้งมีคุณป้าชาวไทลื้อถือสร้อยร้อยดอกไม้เตรียมตัวจะคล้องให้พวกเรา ทีแรกก็นึกว่าเป็นอภินันทนาการจากคนในหมู่บ้านเสียอีก แต่คุณป้ายิ้มหวานพร้อมกับส่งสัญญาณมาว่า "หนึ่งหยวนจ้า"
งานนี้หลังจากผ่านคณะต้อนรับของคุณพี่และคุณป้าไทลื้อมาแล้ว พวกเราก็ได้เดินชมบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้าน กันตามอัธยาศัย ซึ่งบ้านของชาวไทลื้อแต่ละหลังนั้นมีมีเอกลักษณ์อยู่ตรงหลังคากระเบื้องดินขอวางซ้อนๆ กัน บ้านหลังใหญ่ ใต้ถุนบ้านโล่งกว้าง รั้วไม้โปร่งเตี้ยๆ ที่กั้นพื้นที่ระหว่างบ้านแต่ละหลังก็ทำให้มีบรรยากาศเป็นญาติมิตรกันดี
สำหรับบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านนี้ จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้เราดูมากมาย อย่างเช่นบ้านหลังหนึ่งที่ฉันเข้าไปดูก็พบว่ามีคุณป้ากำลังนั่งกรอด้ายอยู่ใต้ถุนบ้าน ส่วนอีกหลังหนึ่งก็มีคุณลุงกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนตัวอักษรไทลื้อลงบนใบลานอยู่ เรียกว่าเมื่อเดินเข้าไปในบ้านแต่ละหลัง จะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบดั้งเดิมของชาวไทลื้อแบบสุดๆ นอกจากนั้นบางบ้านยังเชื้อเชิญให้ขึ้นไปดูถึงด้านบนอีกด้วยแน่ะ แถมยังเลี้ยงน้ำชาแขกที่มาเยือนอย่างดิบดีทีเดียว
ฉันเข้าบ้านนู่น ออกบ้านนี้ เดินดูอยู่หลายหลังพอสมควรเลย และก็ได้เดินไปดูสถานที่ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมของชาวไทลื้อในหมู่บ้านกาหลั่นป้านี้ นั่นก็คือวัดสวนมอน วัดของชาวไทลื้อที่เก่าแก่ที่สุดในสิบสองปันนา วัดแห่งนี้เป็นศิลปะแบบไทลื้อที่สวยงามมากทีเดียว และมีเจดีย์สีทองเหลืองอร่าม เคียงคู่กับอุโบสถ ซึ่งสำหรับวัดสวนมอนนั้นก็ถือเป็นศูนย์กลางของชุมชนที่เป็นวัดพุทธแบบเถรวาท และเมื่อเข้าไปในอุโบสถ ไหว้พระประธานในโบสถ์แล้วก็จงรู้ไว้เถอะว่าพระพุทธรูปนี้น่ะมาจากประเทศไทยเรานี่เอง
ฉันใช้เวลาเดินเที่ยวจนทั่วหมู่บ้านกาหลั่นป้าได้พักใหญ่ หลังจากนั้นก็ตรงไปจับจ่ายใช้เงินกันสักหน่อยยังโรงงานหยก ซึ่งเมื่อมาถึงที่โรงงานหยก เจ้าของร้านหยกออกมาต้อนรับพร้อมกับใบหน้าที่บานเป็นจานเชิง เพราะเห็นคนไทยอย่างฉันมา ก็รู้ได้แน่ว่าคนไทยอย่างฉันนี้ชอบชอปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว
แต่ว่างานนี้ฉันออกจะทำให้เจ้าของโรงงานหยกผิดหวังสักหน่อย เพราะว่าฉันไม่ได้ซื้อหยกสักชิ้นเลย ได้แต่เดินดูหยกที่สวยงามอันละลานตา ก็พาให้อิ่มตาอิ่มใจแล้ว
และฉันก็จบการท่องเที่ยวในสิบสองปันนาไว้แต่เพียงเท่านี้ ขากลับฉันและบรรดาคาราวานต่างก็ประจำอยู่หลังพวงมาลัยเช่นเดิม รถแต่ละคันเดินทางลงใต้มุ่งหน้ากลับสู่มาตุภูมิประเทศไทยตามเส้นทางเดิมเหมือนเมื่อขามา ทิ้งสิบสองปันนาไว้เบื้องหลัง พร้อมกับเรื่องราวที่ประทับใจ ชวนให้ทุกคนต่างก็คงเก็บความประทับใจที่ตัวเองได้รับจากดินแดนแห่งนี้ไปไม่น้อยเลยทีเดียว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เมืองเชียงรุ่ง เป็นเมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ภาษาทางการที่ใช้คือภาษาจีนกลาง ใช้สกุลเงินหยวน โดย 1 หยวนประมาณ 5 บาท ส่วนเวลาจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง
การเดินทางไปเชียงรุ่งมีสายการบินที่ให้บริการจากกรุงเทพฯสู่เมืองเชียงรุ่ง ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส บินทุกวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ หรือหากเดินทางโดยเรือท่องเที่ยว ขึ้นที่ท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงรายสู่เมืองเชียงรุ่ง ใช้เวลา 12 ชั่วโมง (ทวนน้ำ) แต่เป็นการให้บริการเฉพาะเช่าเหมาลำ
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
คาราวานสู่สิบสองปันนา (1) : จากท่าขี้เหล็กถึงเมืองลา
คาราวานสู่สิบสองปันนา (2) : เยือนเมืองเชียงรุ่ง ยลถิ่นไทลื้อ