ใน เทศกาลวัดอรุณราชวราราม ได้นำศิลปะการแสดงที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน และแสดงถึงวัฒนธรรมพื้นบ้านของไทย ทั้งยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการแสดง การจัดการแสดงในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นการแสดงเพื่อการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของไทย ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา และนำกลับมาแสดงให้อนุชนรุ่นหลังได้เห็นและร่วมสืบสานอนุรักษ์ต่อไป กับ มหรสพไทย ให้ได้หวนรำลึกวิถีชีวิตแห่งยุคเรืองรองทางวัฒนธรรมภายในงาน กับ
1.การแสดงโขนชักรอก โขนชักรอก นับเป็นวิวัฒนาการ ของการแสดงโขน อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่ค่อยได้ชมการแสดงได้ง่ายนัก โขนชักรอก คือ การแสดงโขน ที่ชักรอกตัวโขน ให้ลอยขึ้นไปจากพื้นเวที ทำให้ดูคล้าย ความเป็นจริงว่า ตังละครนั้นเหาะได้ เป็นความตื่นเต้น และสนุกสนานของผู้ชมโขนชักรอก โดยจัดแสดง นำตอนหนึ่งใน เรื่อง รามเกียรติ์ มาจัดแสดง
2.การแสดงหนังใหญ่ เป็นการเชิดหนังใหญ่ นำเสนอในตอนหนึ่งของเรื่องรามเกียรติ์ ที่มีการสู้รบของตัวละคร โดยมีลักษณะของผู้เชิดตัวหนังเพื่อประกอบการแสดง
3.การแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านหลากหลาย สนุกสนาน ครื้นเครงแบบไทย กับ
3.1 ลำตัด เป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านของไทย ที่บอกลักษณะของการแสดงอยู่ในตัวเองว่าตัด และเฉือนกันด้วยเพลง (ลำ) ลำตัดเป็นเพลงลับฝีปากของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงโดยตรง มีทั้งบทเกี้ยวพาราสี ต่อว่า เสียดสี แทรกลูกขัด ลูกหยอด ให้ได้เฮฮากัน โดยเริ่มด้วยการตีรำมะนา โหมโรงออกภาษาพม่า แขก และมอญ จะมีต้นเสียงร้องก่อน โดยส่งสร้อยให้ลูกคู่ร้องรับ แล้วจึงด้นกลอนเดินความ เมื่อลงลูกคู่ก็จะรับด้วยสร้อยเดิม พร้อมตีรำมะนา ฉิ่ง เข้ากับจังหวะร้องรับนั้น โดย คณะหวังเต๊ะ
3.2 การแสดงเพลงพื้นบ้านภาคกลาง เป็นการแสดงเพลงพื้นบ้านของชาวบ้านในเขตภาคกลาง ที่มักนิยมร้องเล่นกันในเวลาเทศกาล เช่น เพลงฉ่อย, อีแซว, เพลงเรือ ฯลฯ มีการประดิษฐ์เพลงและถ้อยคำให้เป็นไปตามนิยมและสำเนียงพูดของพื้นเมือง โดยมีเครื่องดนตรีบางอย่างประกอบเท่านั้น เนื้อหาของเพลงจะออกมาในรูปแบบเกี้ยวพาราสีกัน ส่วนสำคัญอยู่ที่ผู้ร้องเพลงต้องคล่องในการด้นกลอนสด ร้องแก้กัน มีปฏิภาณ ทำให้เกิดความสนุกขึ้นทั้งสองฝ่าย โดย คณะขวัญจิต ศรีประจันต์
3.3 ลิเก เป็นศิลปะของชาวบ้านที่ถูกถ่ายทอดมาจากละครรำ แสดงเรื่องราวที่พัฒนาจากนวนิยายชาวบ้าน เรื่องบึงสาบาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมจากผู้ชม มีบทการแสดงที่เข้าถึงชีวิตชาวบ้าน มีการแต่งกายที่แพรวพราว สวยงาม โดย คณะจิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ
3.4 การแสดงนิทานพื้นบ้านไทย จัดแสดงในรูปแบบละครพื้นบ้านไทย เป็นการแสดงถึงวัฒนธรรมพื้นบ้านของไทยวันละ 1เรื่อง ได้แก่ พระอภัยมณี และไกรทอง
3.5 การแสดงประกอบเทศน์มหาชาติ เป็นการแสดงเรื่องราวทางชาดก ต่อเนื่องหลังจากพระสงฆ์เทศนาเสร็จสิ้น ซึ่งพระสงฆ์จะขึ้นไปยังธรรมาสน์ เพื่อเทศน์มหาชาติ ซึ่ง ได้เลือกกัณฑ์ที่มีเนื้อหา แสดงถึงความรักของแม่ ที่มีต่อลูก ให้สอดคล้อง เนื่องในวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถด้วย โดยการเทศน์มหาชาตินี้ จะดำเนินการในรูปแบบ มหาชาติหางเครื่อง ที่มีการแสดงประกอบที่เรียกว่า เป็นบุคคลาธิฐานมีแต่ฆราวาสล้วน ๆ เช่น เอาชูชกมาออกฉาก เป็นต้น โดยหลังจากพระเทศน์มหาชาติเสร็จสิ้นโดยการเทศน์มหาชาติ จะมีปีพาทย์
สำหรับประโคมเพลงหน้าพาทย์ประกัณฑ์ โบราณกำหนดไว้ในแต่ละกัณฑ์ โดยเลือกกัณฑ์ ดังนี้
กัณฑ์ที่ 5 ชูชก ประดับด้วยพระคาถา 79 พระคาถา
กัณฑ์ที่ 8 กุมาร ประดับด้วยพระคาถา 101 พระคาถา
กัณฑ์ที่ 9 มัทรี ประดับด้วยพระคาถา 90 พระคาถา
3.6 การแสดงศิลปะต่อสู้ด้วยอาวุธไทยโบราณ เป็นการนำเรื่องราวของสงคราม 9 ทัพ เพื่อแสดงถึงคุณค่าของอาวุธโบราณของไทยมาจัดแสดง ซึ่งเป็นการแสดง การสู้รบด้วยอาวุธโบราณของไทย อาทิ ดาบ, ง้าว, ทวน, หอก โล่ ฯลฯ พร้อมเสียงประกอบการแสดง เพื่อเล่าเรื่อง
3.7 การบรรเลงดนตรีไทยผสานสากล เป็นการผสมผสานท่วงทำนองของดนตรีไทย ผสานสอดรับกับเครื่องดนตรีสากลในบางชิ้น โดยเน้นท่วงทำนองในแบบไทย เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวและน่าสนใจของศิลปะแขนงดนตรี
3.8 การประชันเปิงมางคอก เป็นการแสดงการประชันดนตรี เปิงมางคอก แบ่งฝ่ายบรรเลงโต้ตอบกัน โดยมีผู้ดำเนินรายการท้าทายกัน โดยมีเครื่องดนตรีบรรเลงประกอบ อาทิ ตะโพนมอญ และเครื่องประกอบจังหวะอื่นๆ สร้างท่วงทำนอง จังหวะดนตรีรูปแบบไทยที่ตื่นตาตื่นใจ
3.9 การบรรเลงดนตรีทำนอง 12 ภาษา เป็นการบรรเลงดนตรี พร้อมการขับร้อง เพลงไทย แต่มีสำเนียงในภาคต่างๆ พร้อมการแสดงประกอบ ซึ่งจะแต่งกายไปตามภาษาที่ขับร้อง ซึ่งเครื่องดนตรีที่บรรเลง ประกอบด้วยเครื่องดนตรีต่างๆ เช่น ระนาดเอก, ระนาดทุ้ม, ฆ้องวงใหญ่, ปี่, เครื่องจังหวะต่างๆ, กลองแขก, กลองจีน, ตะโพน ฯลฯ
1.การแสดงโขนชักรอก โขนชักรอก นับเป็นวิวัฒนาการ ของการแสดงโขน อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่ค่อยได้ชมการแสดงได้ง่ายนัก โขนชักรอก คือ การแสดงโขน ที่ชักรอกตัวโขน ให้ลอยขึ้นไปจากพื้นเวที ทำให้ดูคล้าย ความเป็นจริงว่า ตังละครนั้นเหาะได้ เป็นความตื่นเต้น และสนุกสนานของผู้ชมโขนชักรอก โดยจัดแสดง นำตอนหนึ่งใน เรื่อง รามเกียรติ์ มาจัดแสดง
2.การแสดงหนังใหญ่ เป็นการเชิดหนังใหญ่ นำเสนอในตอนหนึ่งของเรื่องรามเกียรติ์ ที่มีการสู้รบของตัวละคร โดยมีลักษณะของผู้เชิดตัวหนังเพื่อประกอบการแสดง
3.การแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านหลากหลาย สนุกสนาน ครื้นเครงแบบไทย กับ
3.1 ลำตัด เป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านของไทย ที่บอกลักษณะของการแสดงอยู่ในตัวเองว่าตัด และเฉือนกันด้วยเพลง (ลำ) ลำตัดเป็นเพลงลับฝีปากของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงโดยตรง มีทั้งบทเกี้ยวพาราสี ต่อว่า เสียดสี แทรกลูกขัด ลูกหยอด ให้ได้เฮฮากัน โดยเริ่มด้วยการตีรำมะนา โหมโรงออกภาษาพม่า แขก และมอญ จะมีต้นเสียงร้องก่อน โดยส่งสร้อยให้ลูกคู่ร้องรับ แล้วจึงด้นกลอนเดินความ เมื่อลงลูกคู่ก็จะรับด้วยสร้อยเดิม พร้อมตีรำมะนา ฉิ่ง เข้ากับจังหวะร้องรับนั้น โดย คณะหวังเต๊ะ
3.2 การแสดงเพลงพื้นบ้านภาคกลาง เป็นการแสดงเพลงพื้นบ้านของชาวบ้านในเขตภาคกลาง ที่มักนิยมร้องเล่นกันในเวลาเทศกาล เช่น เพลงฉ่อย, อีแซว, เพลงเรือ ฯลฯ มีการประดิษฐ์เพลงและถ้อยคำให้เป็นไปตามนิยมและสำเนียงพูดของพื้นเมือง โดยมีเครื่องดนตรีบางอย่างประกอบเท่านั้น เนื้อหาของเพลงจะออกมาในรูปแบบเกี้ยวพาราสีกัน ส่วนสำคัญอยู่ที่ผู้ร้องเพลงต้องคล่องในการด้นกลอนสด ร้องแก้กัน มีปฏิภาณ ทำให้เกิดความสนุกขึ้นทั้งสองฝ่าย โดย คณะขวัญจิต ศรีประจันต์
3.3 ลิเก เป็นศิลปะของชาวบ้านที่ถูกถ่ายทอดมาจากละครรำ แสดงเรื่องราวที่พัฒนาจากนวนิยายชาวบ้าน เรื่องบึงสาบาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมจากผู้ชม มีบทการแสดงที่เข้าถึงชีวิตชาวบ้าน มีการแต่งกายที่แพรวพราว สวยงาม โดย คณะจิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ
3.4 การแสดงนิทานพื้นบ้านไทย จัดแสดงในรูปแบบละครพื้นบ้านไทย เป็นการแสดงถึงวัฒนธรรมพื้นบ้านของไทยวันละ 1เรื่อง ได้แก่ พระอภัยมณี และไกรทอง
3.5 การแสดงประกอบเทศน์มหาชาติ เป็นการแสดงเรื่องราวทางชาดก ต่อเนื่องหลังจากพระสงฆ์เทศนาเสร็จสิ้น ซึ่งพระสงฆ์จะขึ้นไปยังธรรมาสน์ เพื่อเทศน์มหาชาติ ซึ่ง ได้เลือกกัณฑ์ที่มีเนื้อหา แสดงถึงความรักของแม่ ที่มีต่อลูก ให้สอดคล้อง เนื่องในวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถด้วย โดยการเทศน์มหาชาตินี้ จะดำเนินการในรูปแบบ มหาชาติหางเครื่อง ที่มีการแสดงประกอบที่เรียกว่า เป็นบุคคลาธิฐานมีแต่ฆราวาสล้วน ๆ เช่น เอาชูชกมาออกฉาก เป็นต้น โดยหลังจากพระเทศน์มหาชาติเสร็จสิ้นโดยการเทศน์มหาชาติ จะมีปีพาทย์
สำหรับประโคมเพลงหน้าพาทย์ประกัณฑ์ โบราณกำหนดไว้ในแต่ละกัณฑ์ โดยเลือกกัณฑ์ ดังนี้
กัณฑ์ที่ 5 ชูชก ประดับด้วยพระคาถา 79 พระคาถา
กัณฑ์ที่ 8 กุมาร ประดับด้วยพระคาถา 101 พระคาถา
กัณฑ์ที่ 9 มัทรี ประดับด้วยพระคาถา 90 พระคาถา
3.6 การแสดงศิลปะต่อสู้ด้วยอาวุธไทยโบราณ เป็นการนำเรื่องราวของสงคราม 9 ทัพ เพื่อแสดงถึงคุณค่าของอาวุธโบราณของไทยมาจัดแสดง ซึ่งเป็นการแสดง การสู้รบด้วยอาวุธโบราณของไทย อาทิ ดาบ, ง้าว, ทวน, หอก โล่ ฯลฯ พร้อมเสียงประกอบการแสดง เพื่อเล่าเรื่อง
3.7 การบรรเลงดนตรีไทยผสานสากล เป็นการผสมผสานท่วงทำนองของดนตรีไทย ผสานสอดรับกับเครื่องดนตรีสากลในบางชิ้น โดยเน้นท่วงทำนองในแบบไทย เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวและน่าสนใจของศิลปะแขนงดนตรี
3.8 การประชันเปิงมางคอก เป็นการแสดงการประชันดนตรี เปิงมางคอก แบ่งฝ่ายบรรเลงโต้ตอบกัน โดยมีผู้ดำเนินรายการท้าทายกัน โดยมีเครื่องดนตรีบรรเลงประกอบ อาทิ ตะโพนมอญ และเครื่องประกอบจังหวะอื่นๆ สร้างท่วงทำนอง จังหวะดนตรีรูปแบบไทยที่ตื่นตาตื่นใจ
3.9 การบรรเลงดนตรีทำนอง 12 ภาษา เป็นการบรรเลงดนตรี พร้อมการขับร้อง เพลงไทย แต่มีสำเนียงในภาคต่างๆ พร้อมการแสดงประกอบ ซึ่งจะแต่งกายไปตามภาษาที่ขับร้อง ซึ่งเครื่องดนตรีที่บรรเลง ประกอบด้วยเครื่องดนตรีต่างๆ เช่น ระนาดเอก, ระนาดทุ้ม, ฆ้องวงใหญ่, ปี่, เครื่องจังหวะต่างๆ, กลองแขก, กลองจีน, ตะโพน ฯลฯ