xs
xsm
sm
md
lg

คาราวานสู่สิบสองปันนา (2) : เยือนเมืองเชียงรุ่ง ยลถิ่นไทลื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : แมวลาย

หลังเดินทางกับคาราวานอีซูซุจากพม่ามาจนถึงเมืองลา เมืองชายแดนของพม่าติดกับประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็ได้เวลาที่เราจะเดินทางต่อไปยัง "สิบสองปันนา" กันในเช้าวันรุ่งขึ้น

จากเมืองลา บรรดาคาราวานทุกคันจะต้องผ่านด่านต้าล่อของประเทศจีน ซึ่งเป็นด่านที่เรียกว่าเข้มงวดมากกว่าทุกด่านที่เราผ่านกันมา แต่เพราะพวกเราแต่ละคนไม่มีใครที่มีวี่แววว่าจะมาก่อความเดือดร้อนให้กับประเทศเขา ก็เลยผ่านด่านกันมาได้อย่างเรียบร้อย จากนั้นจึงเดินทางผ่านไปยังเมืองฮายของประเทศจีน ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,000 เมตร ทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดปี

แต่เท่าที่ฉันเห็นตอนนี้คือถนนในเมืองฮายเต็มไปด้วยฝุ่นสีแดงและหินก้อนโตๆ เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงซ่อมถนนเป็นระยะทางยาวทีเดียว ทำเอาทั้งขบวนคาราวานต้องขับกันอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ทั้งคนและรถแต่ละคันก็ผ่านไปได้ด้วยดี

ในที่สุดเราก็มาถึงดินแดนสิบสองปันนาที่เป็นจุดมุ่งหมายของเราเสียที แคว้นสิบสองปันนานั้น ถือเป็นเขตปกครองพิเศษในมณฑลยูนนานของจีน คำว่าสิบสองปันนา หมายความถึง นา 12,000 ผืน ซึ่งก็คือเมือง 12 เมืองนั่นเอง เพราะแต่ก่อนนั้นจะแบ่งแต่ละเมืองออกไปตามพื้นที่ของนา เมืองๆ หนึ่งก็มีพื้นที่ราวๆ 1 พันนานั่นเอง

สิบสองปันนามี "เชียงรุ่ง" เป็นเมืองหลวงของแคว้นนี้ ซึ่งชื่อเชียงรุ่งนั้นมีเรื่องเล่ากันว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงบริเวณนี้บริเวณย่ำรุ่งพอดี จึงเรียกว่าเมืองเชียงรุ่ง อ้อ... และอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือที่เชียงรุ่งนี้ยังเป็นเมืองที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทลื้ออีกด้วย

ว่าแล้วก็ต้องพูดถึงคนไทลื้อกันต่ออีกหน่อย นักประวัติศาสตร์บางคนบอกว่า ต้นกำเนิดของคนไทยอย่างเราๆ ก็อยู่ที่แถวๆ สิบสองปันนานี่แหละ เพราะมีชาวไทลื้อซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของที่นี่อาศัยอยู่ และชาวไทลื้อนั้นก็มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมรวมทั้งภาษาที่คล้ายคลึงกับคนไทย โดยเฉพาะคนภาคเหนืออย่างมากเลยทีเดียว

ต้องยอมรับว่า ก่อนที่ฉันจะมายังเมืองเชียงรุ่งนี้ ฉันก็นึกวาดภาพวิถีชีวิตของชาวไทลื้อซึ่งตามความคิดฉันแล้วก็น่าจะเหมือนกับชีวิตของชาวบ้านในชนบทตามภาคเหนือของไทยเรา แต่ดูเหมือนว่าเชียงรุ่งในวันนี้ก็เจริญก้าวหน้ามากขึ้น มีห้างสรรพสินค้า มีแหล่งช้อปปิ้ง มีดิสโก้เธค มีผับ มีอะไรหลายๆ อย่างที่เมืองใหญ่ควรจะมี แต่ก็น่าดีใจที่วิถีชีวิตของชาวไทลื้อก็ใช่ว่าจะหายไป แต่ก็ยังผสมผสานอยู่ในเมืองใหญ่นั้นอย่างกลมกลืน

ดูตัวอย่างง่ายๆ จากบ้านเรือนในเมืองเชียงรุ่ง จากมุมมองบนชั้น 11 ของโรงแรมที่ฉันพัก สามารถมองเห็นวิวตัวเมืองเชียงรุ่งได้ชัดเจน และก็ได้เห็นว่า ในท่ามกลางตึกสูงๆ ที่นับวันก็จะมีมากขึ้นในเมืองเชียงรุ่ง ก็ยังมีบ้านของชาวไทลื้อที่มีเอกลักษณ์ตรงหลังคาที่ทำจากกระเบื้องดินขอก็ยังให้เห็นอยู่เป็นหย่อมๆ แต่ก็ดูเหมือนจะโดนบีบจากตึกรามบ้านช่องรอบด้านไม่น้อยเหมือนกัน

หลังจากที่มาถึงเชียงรุ่งแล้ว เหล่าคาราวานขอพักรถจอดเอาไว้ที่โรงแรม และไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ พร้อมกันด้วยรถบัสแทน โดยสถานที่แห่งแรกที่เราได้ไปเยี่ยมเยือนกันก็คือ สวนม่านทิง ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของที่นี่ พื้นที่กว่า 400 ไร่ เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น

บริเวณด้านหน้าสวนมีอนุสาวรีย์ของโจวเอินไหล อดีตนายกรัฐมนตรีของจีน ที่แต่งกายด้วยชุดของชาวไทลื้อ มือหนึ่งถือขันน้ำแสดงท่าทางว่ากำลังเล่นสงกรานต์อยู่ อนุสาวรีย์นี้สร้างไว้เพื่อรำลึกถึงอดีตนายกท่านนี้เมื่อครั้งที่โจวเอินไหลได้มาร่วมเล่นสงกรานต์กับชาวไทลื้อเมื่อปี 1962 ทำให้ชาวไทลื้อในสิบสองปันนาประทับใจมาก นอกจากนั้นชาวสิบสองปันนาก็ยังเคารพรักนายกรัฐมนตรีผู้นี้ เพราะถือเป็นผู้ที่พัฒนาเมืองนี้ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นกว่าเดิมมาก

และไม่ไกลกับอนุสาวรีย์นัก ก็ยังมีต้นโพธิ์ 2 ต้น ที่สมเด็จพระพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มาทรงปลูกไว้ด้วยเมื่อปี 1985 เมื่อพระองค์ได้เสด็จมาเยือนที่นี่ จากนั้นเดินเข้าไปภายในสวนอีกหน่อย ก็จะได้พบกับอูฐตัวโตที่มีไว้ให้คนขึ้นขี่หลังถ่ายรูปได้ด้วย แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจก็เห็นจะเป็นสวนนกยูง สัตว์ประจำเมืองเชียงรุ่ง ว่ากันว่าหน้าจั่วของบ้านที่มีสัญลักษณ์นกยูงติดอยู่แสดงว่าเป็นบ้านของชาวไทลื้อ

นกยูงที่นี่สามารถเข้าไปชมได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งก็มีมากเป็นร้อยๆ ตัว ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ กำลังรำแพนหางอวดนักท่องเที่ยวกันน่าดู ฉันเพิ่งได้ยินเสียงร้องของนกยูงชัดๆ ก็วันนี้ ไม่รู้ว่าหูฉันเฝื่อนไปรึเปล่า แต่รู้สึกว่าเสียงร้องมันคล้ายๆ แมว แต่เสียงดังกว่า แหลมกว่า และลากเสียงยาวกว่า ฟังดูโหยหวนหน่อยๆ ด้วย

ฉันถ่ายรูปบรรดานกยูงเหล่านี้อยู่นาน ก่อนจะเดินออกมาข้ามสระน้ำขนาดใหญ่และต้นไม้ร่มรื่นผ่านไปยังวัดป่าเจ วัดของชาวไทลื้อที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงรุ่ง ภายในวัดมีเจดีย์ขาว องค์จำลอง และเจดีย์แปดเหลี่ยม เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทลื้ออย่างมาก นอกจากนั้นอุโบสถของวัดป่าเจศิลปะแบบไทลื้อก็ยังสวยงามมากอีกด้วย

พอออกจากวัดป่าเจมาแล้วก็เป็นเวลาเย็นย่ำพอดี พวกเราชาวคาราวานกลับสู่โรงแรมเพื่อกินข้าวและพักผ่อนกันตามอัธยาศัย ฉันจึงตั้งใจจะออกมาเดินเล่นด้านนอกโรงแรมในช่วงค่ำคืนเสียหน่อย ตอนแรกก็กะว่าจะเดินแค่แป๊บเดียวชมบรรยากาศยามกลางคืนในเมืองเชียงรุ่งเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าฉันใช้เวลาเดินอยู่เป็นชั่วโมงๆ แถมเดินไม่เดินเปล่า ต้องเสียเงินอีกต่างหากเพราะดันไปเจอถนนคนเดินในเมืองเชียงรุ่งเข้าน่ะสิ

บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างก็เอาของที่ระลึกน่ารักๆ มากมายออกมาวางขายกันเต็มสองฟากถนน ข้าวของก็มีทั้งเครื่องประดับสวยงามอย่างสร้อยคอ สร้อยข้อมือ เสื้อผ้าแบบชาวไทลื้อก็มีขาย หรือจะเป็นพวกของประดับบ้านอย่างกระดิ่งลม หรือภาพเขียนสีบนผืนผ้าเป็นรูปสาวไทลื้อเอาไว้ติดผนังบ้านก็สวยดีเหมือนกัน หรือจะเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองของชาวไทลื้อเองก็น่าสนใจไม่น้อย งานนี้พ่อค้าแม่ค้าได้เงินคนไทยกระเป๋าตุงกันเป็นแถบๆ ส่วนฉันเองพอได้ใช้เงินแล้วก็หลับฝันดีเหมือนกัน

เป็นอันว่าทริปในเมืองเชียงรุ่งของฉันก็หมดแต่เพียงเท่านี้ แต่ว่าการท่องเที่ยวในสิบสองปันนายังไม่จบ เพราะยังต้องไปเที่ยวหมู่บ้านของชาวไทลื้อ รวมทั้งวัดสวยงามอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด แต่ต้องรอติดตามกันตอนหน้าต่อไป

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

เชียงรุ่ง เป็นเมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ภาษาทางการที่ใช้คือภาษาจีนกลาง ใช้สกุลเงินหยวน โดย 1 หยวนประมาณ 5 บาท ส่วนเวลาจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง

การเดินทางไปเชียงรุ่งมีสายการบินที่ให้บริการจากกรุงเทพฯ สู่เมืองเชียงรุ่ง ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส บินทุกวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ หรือหากเดินทางโดยเรือท่องเที่ยว ขึ้นที่ท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงรายสู่เมืองเชียงรุ่ง ใช้เวลา 12 ชั่วโมง (ทวนน้ำ) แต่เป็นการให้บริการเฉพาะเช่าเหมาลำ

กำลังโหลดความคิดเห็น