xs
xsm
sm
md
lg

คาราวานสู่สิบสองปันนา (1) : จากท่าขี้เหล็กถึงเมืองลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : แมวลาย
เจดีย์ชเวดากองท่าขี้เหล็ก จำลองมาจากชเวดากองของเมืองย่างกุ้ง
ถ้าให้เลือกพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง หลายคนคงจะเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน โดยให้เหตุผลในเรื่องของความสะดวกสบายและความรวดเร็ว ฉันเองก็ไม่ปฏิเสธว่าชอบเดินทางโดยเครื่องบินเพราะเหตุผลนั้นเช่นกัน แต่ก็เห็นว่า การเดินทางโดยรถยนต์นั้นก็มีข้อดีไม่น้อยเหมือนกัน ตรงที่สามารถชมทิวทัศน์หรือวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละที่ที่เราผ่านไปได้

ดังนั้น เมื่อได้รับคำชักชวนจากอีซูซุ ให้มาร่วมเดินทางไปด้วยกันในคาราวานสัญจร เส้นทาง “ไทย-พม่า-จีน” โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองเชียงรุ่ง เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ในมณฑลยูนนานของประเทศจีน เพื่อให้ลูกค้าชาวอีซูซุทั้งหลายได้ไปท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในเส้นทางนี้กัน แม้ดูแล้วไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆ เลย แต่ฉันก็ยินดีเป็นหนึ่งในผู้ร่วมคาราวานนี้ด้วยเช่นกัน เพราะการจะได้มาเห็นวิถีความเป็นอยู่ของผู้คนทั้งสามประเทศในคราวเดียวนี้ไม่ได้มีบ่อยนัก
ประตูเมืองลา เขตปกครองพิเศษของพม่า ติดกับชายแดนประเทศจีน
คาราวานอีซูซุในครั้งนี้ตั้งต้นการเดินทางกันแต่เช้าที่จังหวัดเชียงราย รถยนต์ทั้ง 41 คัน ต่อแถวยาวเรียงกันผ่านด่านอำเภอแม่สายไปออกนอกเขตประเทศไทยไปทีละคัน เพื่อข้ามไปยังเมืองท่าขี้เหล็กของประเทศพม่า ประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นทางผ่านไปยังจุดมุ่งหมายคือสิบสองปันนาของประเทศจีนนั่นเอง แต่จะเรียกว่าทางผ่านอย่างเดียวก็ไม่ถูกนัก เพราะเราก็ได้แวะเที่ยวชมสิ่งต่างๆ ในประเทศพม่านี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อข้ามไปฝั่งพม่าได้ ก็มีชายแปลกหน้าขึ้นมาบนรถของเรา แนะนำตัวเองเสร็จสรรพว่าชื่อชายวิน จะมาเป็นไกด์ให้เราระหว่างที่อยู่ในพม่านี้ จากนั้นไกด์หนุ่มไม่รอช้า จัดแจงบอกคนขับรถให้พาพวกเราไปยังเจดีย์ชเวดากองทันที ทำเอาฉันงงไปเหมือนกัน เพราะเราเพิ่งเดินทางออกมาจากเมืองไทยได้แค่สิบห้านาทีเท่านั้นเอง จะไปถึงย่างกุ้งได้เร็วขนาดนั้นเลยหรือ

และก็มาเข้าใจเมื่อชายวินอธิบายถึงเจดีย์ที่ว่านี้ ว่าเป็นเจดีย์ที่จำลองมาจากเจดีย์ชเวดากองของเมืองย่างกุ้ง สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1995 นี้เอง มีขนาดย่อส่วนลงมาจากของจริง สร้างขึ้นเพื่อให้คนที่ไปไม่ถึงย่างกุ้งได้สักการะเจดีย์ชเวดากองเมืองท่าขี้เหล็กนี้เพื่อเป็นสิริมงคลกัน และนอกจากนั้นในบริเวณใกล้ๆ กับเจดีย์นั้นก็มีพระพุทธรูปศิลปะพม่าให้สักการะกันด้วย
 บรรยากาศยามเช้าในตัวเมืองลา
พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะใช้เวลาสักการะเจดีย์กันนานนัก เพียงแต่มีข่าวแจ้งมาว่าตอนนี้เรายังไม่สามารถเดินทางต่อได้เพราะทางพม่าปิดด่าน เนื่องจากมีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด มีผู้หลักผู้ใหญ่บุคคลสำคัญมากมายมาประชุม ทำให้ต้องดูแลความปลอดภัยกันเข้มงวดหน่อย แต่เพราะข่าวแจ้งมากะทันหันทำให้พวกเราต้องแกร่วกันอยู่บริเวณนั้น หลายคนบ่นถึงเรื่องความเอาแน่เอานอนไม่ได้ในการเปิดปิดด่านที่นี่ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อพวกเราเป็นแค่นักท่องเที่ยว ไม่ใช่เจ้าของประเทศเสียหน่อย ในเมื่อเขาปิด เราก็เข้าไม่ได้เท่านั้นเอง

แต่ในที่สุดด่านก็เปิดให้พวกเราได้เดินทางกันต่อ รถแล่นผ่านชุมชนต่างๆ ในพม่าไปเรื่อยๆ โดยมีชายวิน ไกด์นำทางคอยเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง ฉันสังเกตเห็นรถป้ายแดงในพม่าเยอะเหลือเกิน แต่สภาพก็เก่าเหลือเกินเช่นกัน ชายวินบอกว่ารถป้ายแดงในพม่านั้นเป็นรถประจำทาง ส่วนรถส่วนตัวจะเป็นป้ายดำ ไม่เหมือนในเมืองไทยนะ และการขับรถในพม่าก็ไม่เหมือนเมืองไทยอีกเช่นกัน เพราะที่นี่จะขับชิดขวา

จากท่าขี้เหล็ก เราผ่านชุมชนเมืองท่าเดื่อ หมู่บ้านปางควาย ซึ่งก็มีสภาพความเป็นอยู่คล้ายกับชนบทในบ้านเรา หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และด่านของทหารพม่ามาได้ระยะทางประมาณ 165 กิโลเมตร เหน็ดเหนื่อยกันมากว่า 4 ชั่วโมง ขบวนคาราวานก็เดินทางมาถึงเชียงตุง เมืองอันมีเสน่ห์อีกแห่งของประเทศพม่า

น่าเสียดายเหมือนกันที่เราไม่ได้เเวะเที่ยวชมที่นี่เนื่องจากเวลามีจำกัด แต่ระหว่างทางก็ได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของเมืองเชียงตุงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทุ่งนาที่นี่สีเขียวชอุ่มปลูกเป็นขั้นบันไดกว้าง ต้นไม้ใบหญ้าดูอุดมสมบูรณ์ ในตัวเมืองเชียงตุงเองก็ดูน่าอยู่มิใช่น้อย บ้านเรือนหน้าตาโบราณแต่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้คนก็ดูมีชีวิตสบายๆ ไม่รีบร้อน
รถอีซูซุที่ร่วมขบวนไปในคาราวาน (ภาพ : อีซูซุ)
หลังจากผ่านเมืองเชียงตุงมาแล้ว เราก็มาถึงเมืองม้ากันตอนเย็นย่ำพอดี ได้ทันเห็นชาวบ้านลงมาอาบน้ำที่แม่น้ำกัน ชายวินเล่าว่าเมื่อก่อนนั้นเขาก็จะถอดเสื้อผ้าอาบน้ำกันเป็นเรื่องปกติ แต่หลังๆ นักท่องเที่ยวผ่านมามากขึ้น แล้วก็มาจ้องมองจนพวกเขาต้องเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าถุงอาบน้ำ แต่ฉันก็แอบเห็นมีคนใส่ชุดวันเกิดอาบน้ำอยู่ไกลลิบๆ นู่นด้วยล่ะ

ผ่านเมืองม้ามาแล้วทีนี้ก็มาถึงเมืองลากันบ้าง และเมืองลานี่แหละที่จะเป็นจุดหมายปลายทางจุดแวะพักของเราในวันนี้ เมืองลาตั้งอยู่ชายแดนประเทศพม่าติดกับจีน เป็นเขตปกครองพิเศษที่ 4 ที่ทางการพม่าให้สิทธิพิเศษในการบริหารปกครองตนเอง และเป็นเขตเศรษฐกิจที่ประเทศจีนมาเช่าไว้โดยตั้งใจจะเปิดเป็นเมืองคาสิโน ที่นี่จึงใช้เงินหยวนของจีน คนพูดภาษาจีน จนเรียกได้ว่าเป็นเมืองจีนในเขตพม่าเลยก็ว่าได้

แต่เมืองลาในตอนนี้กลับดูเงียบเชียบ เพราะหลังจากที่จีนเรียกตัวคนจีนทั้งหลายกลับประเทศและไม่อนุญาตให้คนจีนเข้ามาค้างคืนที่นี่ คาสิโนทั้งหลายจึงซบเซาลงมาก เหมือนเมืองร้างเลยก็ว่าได้ ทิ้งไว้แต่ตึกใหญ่ๆ ที่เคยเป็นคาสิโนเก่า และมีโรงแรมใหญ่โตมากมายที่ดูไม่เข้ากับความเงียบของเมือง
ชิ้นส่วนต่างๆ ของสัตว์ป่าที่นำมาขายในตลาดเช้าเมืองลา
แต่การพนันก็ดูเหมือนจะยังไม่หมดไป เมื่อฉันเดินเล่นดูข้าวของในร้านต่างๆ ยามกลางคืนที่ยังคงเปิดขายอยู่บ้างในเมืองลา ก็ได้เห็นวงไพ่หลายต่อหลายวงด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนกำลังคร่ำเคร่งกับไพ่ในมือ แล้วฉันก็ยังเห็นบ่อนการพนันแบบชาวบ้านๆ อยู่แห่งหนึ่งที่มีคนรุมอยู่เต็ม เมื่อเข้าไปสังเกตการณ์ก็เห็นว่า เป็นการพนันที่น่าจะคล้ายๆ ไฮโลบ้านเรา คือมีลูกเต๋าสองลูกไว้โยนว่าจะออกหน้าไหน คนเล่นก็จะวางเงินไว้ตามตัวเลขที่ตัวเองเก็งไว้ ฉันเองไม่สันทัดเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ก็ยืนดูอยู่นานเพราะติดใจลีลาการจ่ายเงินของสาวๆ คนคุมโต๊ะ ที่จะมีไม้ยาวๆ แท่งหนึ่งไว้เขี่ยเงินส่วนแบ่งของแต่ละคน ใครได้ก็เอาไม้เขี่ยเงินให้ ใครเสียก็เอาไม้เกี่ยวเงินมาเก็บ ดูแล้วก็ตลกดีที่เธอทำเหมือนเงินเหล่านั้นเป็นเศษกระดาษอะไรสักอย่าง

หลังจากพักผ่อนเอาแรงกันหนึ่งคืนแล้ว คราวนี้เราก็จะออกท่องเมืองลายามเช้ากันบ้าง และที่ที่น่าจะมีชีวิตชีวามากที่สุดในยามเช้าก็คือตลาดเช้านั่นเอง แม่ค้าแม่ขายมากมายมานั่งรอลูกค้าเต็มตลาดแล้ว ทั้งคนจีน คนพม่า คนไทลื้อต่างก็มีสินค้ามาขายมากมาย ทั้งพืชผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ข้าว หรือสัตว์เป็นๆ อย่างปลา หรือเป็ดไก่ ซึ่งเขาซื้อกันแบบเป็นๆ เลยทีเดียว เลือกได้แล้วก็จับใส่ถุงพลาสติกเจาะรูด้านหน้าให้มันเอาหัวลอดออกมาได้แล้วก็ถือไปทั้งอย่างนั้น ไม่อยากจะคิดเลยว่าเป็ดตัวนั้นจะมีชะตากรรมอย่างไรต่อไป
ซื้อเป็ดซื้อไก่กันเป็นตัวๆ ในตลาดเช้า
แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดที่ตลาดแห่งนี้ก็น่าจะเป็นพวกชิ้นส่วนสัตว์ป่าต่างๆ ที่นำมาวางขายกันเกลื่อน ซึ่งก็มีทั้งสัตว์ป่าที่ชำแหละชิ้นส่วนแล้ว พวกเขาสัตว์และหนังสัตว์ต่างๆ งูสารพัดชนิด นกหน้าตาแปลกๆ ฯลฯ ที่หากมาขายในเมืองไทยคงโดนจับไปแล้ว แต่ที่นี่ไม่ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แถมยังมีการแล่เนื้อให้ดูกันสดๆ ขายกันสดๆ อีกต่างหาก

ที่เมืองลานี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ นั่นก็คือวัดพระนอน และวัดจินตะที่มีเจดีย์ภูเขาทอง หรือเจดีย์มิตรภาพจีน-พม่า และพิพิธภัณฑ์ฝิ่น แต่เนื่องจากคาราวานของเราต้องออกเดินทางแต่เช้า จึงต้องพลาดชมด้วยประการฉะนี้

เราออกจากประตูเมืองลากันตั้งแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวเดินทางผ่านด่านต้าล่อ เข้าสู่เมืองฮายของสิบสองปันนา ประเทศจีน ก็เลยต้องโบกมืออำลาเมืองลาและประเทศพม่า จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่เชียงรุ้ง สิบสองปันนาจุดมุ่งหมายของเรากันต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น