xs
xsm
sm
md
lg

หงสาวดี ราชธานีเก่าเจ้าเสน่ห์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : เหล็งฮู้ชง

แม้"ย่างกุ้ง" อดีตเมืองหลวงเก่าหมาดๆของพม่าหรือเมียนมาร์ที่มีเจดีย์ชเวดากอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเป็นไฮไลท์สำคัญ จะเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก

แต่ว่าส่วนใหญ่คนเมื่อไปย่างกุ้งแล้วก็มักจะไปเที่ยวต่อยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเมืองมัณฑะเลย์ พระธาตุอินทร์แขวนหรือไจก์ทิโย พุกาม ทะเลสาบอินเล รวมถึงเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ

สำหรับ"หงสาวดี" ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีคนนิยมไปเที่ยวกันไม่น้อย เพราะหงสาวดีวันนี้ยังคงมากไปด้วยร่องรอยแห่งความรุ่งโรจน์ของอดีตราชธานีเก่าที่ยังมีลมหายใจให้ผู้สนใจได้ไปสัมผัสเที่ยวชมกัน

หงสาวดี เมืองแห่งตำนานหงส์คู่

หลังพาไหว้ชเวดากองและพาทัวร์เมืองย่างกุ้งกันอย่างเต็มอิ่มแล้ว ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น"ฟองใส"ไกด์สาวใหญ่ตัวใหญ่ก็ได้พาผมและคณะมุ่งหน้าสู่เมืองหงสาวดีที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 84 กม.

ระหว่างทางฟองใสพาพวกเราไปแวะชมตลาดชุมชนยามเช้าในเมืองเทาจัน ซึ่งดูคล้ายๆกับตลาดตามชนบทในสมัยก่อนของบ้านเรา เพราะเต็มไปด้วยผลผลิตทางการเกษตร พืชผัก หมู ไก่ ปลาสดๆ ในบรรยากาศการซื้อขายแบบง่ายๆ แต่ว่าก็มากไปด้วยชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็น การชั่งน้ำหนักโดยใช้ตาชั่งแบบโบราณเทียบน้ำหนักให้เห็นกันจะๆ หรือหนูน้อยที่หิ้วถังเหล็กเดินขายน้ำเย็นในแบบภูมิปัญญาชาวบ้านพม่า(แก้วละ 20 จั๊ต) แม่ค้าขายข้าวโพดที่ส่งรอยยิ้มเชิญชวนให้คนเข้าไปซื้อข้าวโพดต้มร้อนควันลอยกรุ่นจนเราอดไม่ได้ที่จะต้องควักเงินซื้อข้าวโพดต้มไปเสียหลายฝัก

นับได้ว่าบรรยากาศอันเรียบง่ายแต่ไม่ไร้เสน่ห์ของตลาดชุมชนแห่งเมืองเทาจัน สามารถเรียกเสียงลั่นชัตเตอร์จากกล้องของผมจนมือเป็นระวิงทีเดียว ซึ่งก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับบรรยากาศในเมืองหงสาวดีที่พอรถตู้พาเข้าสู่เขตเมือง หงสาววดี เสน่ห์ของราชธานีเก่าแห่งนี้ก็พุ่งหมับเข้าจับใจแบบจั๋งหนับบุเรงนองในทันที

หงสาวดีหรือที่คนพม่าเรียกว่าเมือง"พะโค" เมืองนี้มีสัญลักษณ์เป็นหงส์คู่(ตัวผู้อยู่ล่างตัวเมียอยู่บน)ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง

ฟองใสบอกกับผมว่าหงส์ตัวบนเป็นหงส์ตัวเมียส่วนตัวล่างเป็นตัวผู้ เพราะเรื่องนี้เป็นไปตามตำนานเมืองที่จารึกไว้เป็นภาษามอญว่า ...เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงยังดินแดนแห่งนี้ ได้ทอดพระเนตรเห็นหงส์ทอง 2 ตัวเล่นน้ำอยู่ จึงได้ทำนายว่า ในภายภาคหน้าเมืองนี้จะกลายเป็นมหานครขึ้น ชื่อว่า"เมืองหงสาวดี"...

หลังจากนั้นดินแดนที่มีหงส์ทอง 2 ตัวลงเล่นน้ำก็ได้กลายเป็นมหานครและเป็นราชธานีในกาลต่อมา โดยได้มีการเสริมแต่งเรื่องราวเกี่ยวกับหงส์ทอง 2 ตัว ที่เดิมทีไม่ได้ระบุเพศว่า....มีหงส์บินมาเกาะอยู่เหนือพื้นดินผืนเล็กๆ ในทะเล ผืนดินแผ่นนี้เล็กจนกระทั่งตัวเมียไม่มีที่เกาะ และต้องมาเกาะอยู่บนหลังของหงส์ตัวผู้...

เดิมทีหงสาวดีถือเป็นศูนย์กลางทางด้านต่างๆอันสำคัญของชาวมอญ ต่อมาพวกพม่า ก็ได้เข้ามามีอิทธิพลเหนือเมืองหงสาวดีในปี พ.ศ.2082 และพัฒนาเมืองให้กลายเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรือง หลังจากนั้นก็กลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของชนชาติมอญอีกครั้ง แต่ในปี พ.ศ. 2300 เมืองพะโคหรือหงสาวดีก็ต้องถูกรุกรานทำลายอีกครั้งในสมัยของพระเจ้าอลองพญา ก่อนที่จะถูกพม่ายึดครองได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ในวันนี้หงสาวดีถือเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของพม่าที่มีสภาพของตึกรามบ้านเรือนร้านรวงต่างๆไม่แตกต่างจากเมืองใหญ่อื่นในพม่า โดยในหลายพื้นที่ของเมืองนี้มีรถม้าไว้คอยบริการผู้โดยสาร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์อันน่ายลสำหรับคนไทยที่ห่างหายจากรถม้าไปช้านาน จะมีก็เฉพาะจังหวัดลำปางเท่านั้นที่ยังคงอนุรักษ์รถม้าเอาไว้

สักการะเจดีย์ชเวมอดอ เจดีย์สูงที่สุดในพม่า

ด้วยความที่มอญเคยมีอิทธิพลในดินแดนหงสาวดีมาก่อน ทำให้ร่องรอยแห่งความเป็นมอญยังคงหลงเหลือให้อนุชนรุ่นหลังได้ชมกันอยู่พอสมควร โดยสิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น เจดีย์ชเวมอดอ หรือเจดีย์มุเตาที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี

ฟองใสบอกกับผมว่าเจดีย์ชเวมอดอ องค์นี้ถือว่ามีความโดดเด่นในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเก่าแก่กว่า 1,000 ปีที่ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ถือเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า นอกจากนี้เจดีย์ชเวมอดอ ยังเคยผ่านการพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 ก.ค. พ.ศ. 2473 ได้ทำให้ปลียอดของเจดีย์องค์นี้หักพังลงมา แต่ว่าด้วยความศรัทธาที่ชาวเมืองมีต่อเจดีย์องค์นี้ พวกเขาได้ทำการสร้างเจดีย์ชเวมอดอขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2497 ด้วยความสูงถึง 374 ฟุต(แรกเริ่มที่สร้างสูง 70 ฟุต) นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไหว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบัน

สำหรับความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเจดีย์ชเวมอดอก็คือ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะแบบมอญอย่างเด่นชัด คือมีฉัตรแบบเรียบๆและมีองค์ระฆังของเจดีย์มีลักษณะแคบเรียว ภายนอกหุ้มด้วยทองจังโก้ ภายในเป็นอิฐกลวง แตกต่างจากเจดีย์ชเวดากองที่เป็นเจดีย์แบบพม่า(อย่างชัดเจน) ที่มีลักษณะกว้างบานออก

ส่วนบริเวณรอบๆองค์เจดีย์ก็มีพระพุทธรูปหลายองค์ให้กราบไหว้ มีอาคารสถาปัตยกรรมพม่าผสมตะวันตกให้เดินชม มีหมอดูพม่าให้ผู้สนใจเข้าไปรับทราบดวงชะตาของตัวเอง นอกจากนี้ที่ด้านหนึ่งของเจดีย์ยังมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆเก็บโบราณวัตถุต่างๆให้ชม

พระราชวังบุเรงนอง อีกหนึ่งของดีแห่งเมืองหงสาฯ

หากพูดถึงกษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเมืองหงสาวดีก็เห็นจะไม่มีกษัตริย์พระองค์ไหนโดดเด่นเท่า พระเจ้าบุเรงนอง(หรือที่คนไทยรู้จักในดีจากวรรณกรรมเรื่อง“ผู้ชนะสิบทิศ”) เพราะเป็นผู้สร้างเมืองหงสาวดีให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก โดยพระองค์ได้สร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นในปี พ.ศ. 2109 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใช้ออกว่าราชการ

กระทั่งถึงปี พ.ศ. 2142 ในสมัยพระเจ้านันทบุเรง พระราชวังบุเรงนองได้ถูกทำลายด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอู ทิ้งให้พระราชวังแห่งนี้รกร้างลงเป็นเวลาร่วม 3 ศตวรรษ ซึ่งพระราชวังเดิมนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และถูกจับเป็นตัวประกันอีกด้วย

ในปี พ.ศ. 2533 มีการค้นพบเสาและกำแพงเดิมที่ถูกฝังอยู่ในดิน รัฐบาลพม่าจึงได้ทำการขุดค้นและสร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยถอดแบบจากของเดิม ซึ่งบางส่วนได้สร้างแล้วเสร็จไป ส่วนอีกบางส่วนก็กำลังรอทุนในการก่อสร้างอยู่

โดยส่วนที่สร้างเสร็จและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมก็มี พระตำหนักที่ประทับบรรทมสีทองเหลืองอร่ามที่ดูโดดเด่นชวนมองในรูปแบบสถาปัตยกรรมพม่า และท้องพระโรงที่ใช้ออกว่าการก็ดูโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรรมพม่าสีทองเหลืองอร่ามทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งในอนาคตที่นี่จะใช้เป็นสถานที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติเมืองหงสาวดีและพระราชวังบุเรงนองอันสำคัญ ในขณะที่ปัจจุบันเป็นโถงโล่งๆมีราชรถจำลอง โมเดลของพระราชวัง และบานประตูไม้สักขนาดใหญ่ของพระราชวังเดิมวางไว้ให้ชม

สำหรับพระราชวังบุเรงนองแม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสร้างเสร็จสมบูรณ์ แต่เท่าที่ผมชมโมเดลของพระราชวังแห่งนี้ ถ้าหากว่าสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ พระราชวังบุเรงนองจะกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ทางการท่องเที่ยวอันสำคัญของเมืองหงสาวดีเลยทีเดียว

ส่วนในวันนี้ก็ชมสิ่งที่มีอยู่ของพระราชวังบุเรงนองไปพลางๆก่อน ซึ่งนอกจากพระราชวังแห่งนี้แล้ว เมืองหงสาวดียังมีสิ่งดีๆที่ชวนเที่ยวอีกหลายจุด โดยจุดเด่นๆที่มีนักท่องเที่ยวไปกันจำนวนมาก็เห็นจะเป็น พระนอนชเวตาลยอง ที่ยาว 50 เมตร แต่ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในหงสาฯ ที่ในแต่ละวันจะมีผู้คนแวะเวียนไปสักการะกันไม่ได้ขาด

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ด้านล่าง(ด้านหน้า)ของพระนอนนั้นถือเป็นจุดช้อปสินค้าพม่าชั้นดี โดยสินค้าที่เด่นๆก็เห็นจะเป็น งานไม้และงานฝีมือของพ่อค้าแม่ค้าชาวพม่าที่มีวางขายอยู่ทั่วไป

อีกจุดหนึ่งที่ถือว่ามีความโดดเด่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระนอนชเวตาลยองก็คือ เจดีย์ไจปุ่น ที่มีพระพุทธรูปปางสมาธิ 4 องค์ความสูงประมาณ 30 เมตร นั่งหันหลังชนกันแล้วหันหน้าออกไป 4 ทิศเป็นจุดสนใจสำคัญให้ผู้คนเข้าไปกราบไหว้บูชา

นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจในข้างต้นแล้ว หงสาวดียังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ เจดีย์โกเต็งโกตาน พระหินขาว พระมหาเจดีย์ โดยสิ่งเหล่านี้ถือเป็นมรดกแห่งความรุ่งโรจน์ที่ทำให้อดีตราชธานีเก่านามว่า"หงสาวดี" ดูมีเสน่ห์ชวนเที่ยวอยู่เสมอ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

หงสาวดี เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของพม่า ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองย่างกุ้งไปประมาณ 84 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

อนึ่งการเข้าไปเที่ยวในพม่า ต้องยื่นขอทำวีซ่าเข้าประเทศพม่าก่อน เวลา-ของพม่าจะช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที สกุลเงิน-พม่าใช้เงินจั๊ตที่ประมาณ 30 จั๊ต เท่ากับ 1 บาทไทย(อัตราแลกเปลี่ยนเดือนมิ.ย.)

สำหรับผู้สนใจไปไปเที่ยวพม่า สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่บริษัททัวร์ทั่วไป หรือที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โทร. 0-2265-5770-4

กำลังโหลดความคิดเห็น