ยล"สระแก้ว" เมืองงามริมชายแดนตะวันออก

ในการเดินทางแต่ละครั้ง"ผู้จัดการท่องเที่ยว"มักจะได้พบกับสีสันชีวิตที่แปลกใหม่อยู่เสมอๆ ในทุกที่ ที่ได้ไปประสบพบเจอ แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ทุกย่างก้าวที่เคยเดินผ่าน ต่างก็ยังตราตรึงในจิตใจยากที่จะลืมเลือน

จังหวัดสระแก้ว ถ้าจะพูดว่าเป็นจังหวัดน้องใหม่ก็คงไม่ผิด เพราะสระแก้วพึ่งจะแยกตัวออกมาจากปราจีนบุรีและได้รับการประกาศให้เป็นจังหวัดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 นี่เอง โดยถือเป็นจังหวัดที่ 74ของเมืองไทย แต่หากจะพูดถึงความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้วล่ะก็ สระแก้วก็ไม่ได้เป็นรองใครเลย

อย่างกับปราสาทสด็กก๊อกธม ปราสาทยุคขอมโบราณที่เราประเดิมเที่ยวในสระแก้วเป็นที่แรก นับได้ว่าเป็นโบราณสถานที่ใหญ่และสำคัญยิ่งของจังหวัดนี้ ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 14 คำว่า"สด็กก็อกธม" หมายถึง"เมืองที่มีต้นกกขึ้นรกในหนองน้ำใหญ่"



ปราสาทสด็กก๊อกธม มีองค์ปราสาทอยู่ 3 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีคูน้ำล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน มีกำแพงแก้ว 2 ชั้น ชั้นนอกทำด้วยศิลาแลง ชั้นในทำด้วยหินทราย มัคคุเทศก์ท้องถิ่นได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ศิลาแลงนั้นเปรียบไปก็เหมือนกับโลกมนุษย์ ส่วนหินทรายก็คือสรวงสวรรค์

สด็กก๊อกธมเป็นปราสาทขอมแห่งเดียว ที่พบหลักฐานเคยโดนทำลายโดยโจรสลัด นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี้ไม่ควรจะพลาดการขอพรกับยอดปราสาทประธาน ซึ่งตอนนี้ได้นำลงมาตั้งไว้เบื้องล่างเป็นการชั่วคราว เพราะองค์ปราสาทประธานอยู่ในระหว่างการปรับปรุง ที่นี่ก่อนจะเดินเข้าปราสาทจะต้องท่องคาถาก่อนทุกครั้ง เพื่อนำโชคชัยมาสู่ตัวเอง เป็นคำเพียงแค่ 8 คำง่ายๆ "ชัยยะ ลาภะ ฤทธะ สวัสดี" ท่องแล้วจึงก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไปชมความงามด้านใน

ปราสาทแห่งนี้กรมศิลปากรได้ทำการบูรณะด้วยวิธีอนัสติโลซิส ซึ่งก็คือ การพยายามค้นหาชิ้นส่วนหิน ที่ตกหล่นกระจัดกระจายอยู่ มาทดลองประกอบกลับคืนตำแหน่งเดิม แล้วจึงรื้ออาคารลงเสริมฐานรากใหม่ ต่อจากนั้นจึงนำชิ้นส่วนกลับขึ้นไปประกอบใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยเสริมส่วนที่สูญหายไปด้วยวัสดุชิ้นใหม่

เมื่อเดินชมตัวปราสาทเสร็จแล้ว ก็ไม่ควรลืมที่จะเขียนสมุดเยี่ยมชม ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ มัคคุเทศก์ท้องถิ่นบอกกับเราว่า การเขียนสมุดเยี่ยมสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยเป็นหลักฐานยืนยันว่า คนไทยยังสนใจในตัวปราสาทเล็กๆอย่างสด็กก๊อกธม ที่แม้ไม่ยิ่งใหญ่อลังการเท่า นครวัด นครธม แต่ก็สามารถทำให้ประเทศกัมพูชาเกิดความคิดที่จะทวงคืนได้ ฉะนั้นการเขียนสมุดเยี่ยมเท่ากับเป็นการการันตีว่า คนไทยก็รักและหวงแหน สนใจจะมาเยี่ยมชม และต้องการอนุรักษ์ไว้ให้คู่กับผืนแผ่นดินไทยเช่นกัน

จากปราสาทขอมโบราณเราเดินทางต่อกันมาที่ "บ้านคลองยาง" เพื่อชม "ละลุ" ประติมากรรมอันงดงามทางธรรมชาติในพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่บ้านเนินขามและบ้านคลองยาง

"ละลุ" เป็นภาษาเขมร แปลว่า ทะลุ ในภาษาไทย เกิดจากการยุบพังทลายของดิน เนื่องจากสภาพดินแข็งจะคงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อถูกลมกัดกร่อนจึงมีลักษณะเป็นรูปต่างๆ

สำหรับการเที่ยวชมละลุของที่นี่ ชาวบ้านจะให้นั่งท่องเที่ยวนั่งรถอีแต๋น แล้วพาไปจอดตามจุดต่างๆเพื่อให้เดินเท้าลงชมละลุอย่างใกล้ชิด ส่วนเทคนิคการชมละลุให้สนุกก็คือ ต้องคอยจินตนาการว่าดินตรงจุดนี้มีรูปร่างคล้ายอะไร เหมือนอะไร

ทันทีที่ขึ้นนั่งบนรถอีแต๋นแล้วออกเดินทางมุ่งหน้าไปชมละลุนั้น ตลอดเส้นทางมันช่างตื่นเต้นดีจริงๆ รถแล่นไปตามท้องนาที่ขลุกขลักเอียงไปซ้ายทีขวาที เราอยู่กลางแสงแดดจ้าท้องฟ้าใส เสี่ยงภัยกับหลุมดาวอังคารบนท้องทุ่ง มีให้ใจหายใจคว่ำตลอด สองข้างทางมีชาวไร่ชาวนา บ้างก็หว่านข้าว บ้างก็จับปู ปลา ในนาไปทำกิน ช่างเป็นภาพที่แสนประทับใจ

เมื่อเดินทางมาถึงละลุมันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเรามาก เนินดินสูงต่ำเรียงรายอยู่ทั่วไป ยามสายลมพัดโชยมาก็หอบเอากลิ่นหอมจาง ๆ ของพันธุ์ไม้นาม "สีดาดง" ลอยมาแตะอยู่ปลายจมูก และด้วยความกว้างของพื้นที่ หากจะเที่ยวจริงๆคงต้องใช้เวลาหลายวัน ดังนั้นการเที่ยวละลุในเวลาที่จำกัดจึงควรมาเที่ยวเป็นจุดๆมากกว่า

จากละลุ เราขอไปปิดท้ายกับการช้อปกระจายที่ "ตลาดโรงเกลือ" ตลาดการค้าชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่าง ซึ่งละลานตาไปด้วยสินค้าหลากหลายจากประเทศในแถบอินโดจีนที่ยกมาขายยังตลาดแห่งนี้ในร้านค้าที่เป็นการสร้างแบบโรงเรือนแบ่งเป็นห้องๆ ส่วนใหญ่สินค้าจะนำมาจากฝั่งเขมร ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าใหม่แกะกล่อง หรือเสื้อผ้ามือสอง ผ้าม่าน ถ้วยชาม เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศรัสเซีย เครื่องจักสานปลาแห้ง เป็นต้น

มาตลาดโรงเกลือสิ่งที่คุณต้องเตรียมติดตัวมาด้วยอย่าได้ลืม นั่นก็คือเสื้อคลุมแขนยาวและหมวก เพราะแดดที่นี่ร้อนแรงขนาดที่ว่าสามารถเผาผิวคุณให้เกรียมได้เพียงชั่วข้ามคืน และขอแนะนำว่าถ้าคิดจะเดินเที่ยวจนทั่ว ทางที่ดีที่สุด ควรจะเช่ารถจักรยานที่มีไว้คอยบริการจะดีกว่าไม่เหนื่อยดูได้ทั่ว

จากตลาดโรงเกลือหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า"ตลาดคลองลึก"นั้นเพียง 500 เมตร ก็จะถึงด่านคลองลึกที่เป็นจุดผ่านแดน ไปสู่ตลาดปอยเปตของประเทศกัมพูชา ซึ่งสะดวกมากเพราะจากตลาดคลองลึกจะมีรกตู้และรถปิกอัพของบริษัทนำเที่ยว ให้เช่าเหมาไปยังตลาดปอยเปต งานนี้ได้ของติดไม้ติดมือมาเพียบ เป็นการปิดท้ายการเดินทางที่ทำเอากระเป๋าเงินแฟบลงอย่างทันตาเห็น กระนั้นก็ยังสัญญากับตัวเองว่าจะกลับมาเยือนอีกครั้งแน่นอน

********************************************
********************************************

ปราสาทสด็กก็อกธม อยู่ใน กิ่ง อ.โคกสูง การเดินทางไปยังปราสาทสด็กก็อกธม สามารถใช้เส้นทางสายอรัญประเทศ – ตาพระยาหรือทางหลวงหมายเลข348 ประมาณ25.5กิโลเมตรจะถึงทางหลวงหมายเลข3381เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร จะเห็นสถานีอนามัยโคกสูงอยู่ขวามือ เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทางแยกอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ผ่านโรงเรียนหนองเสม็ด ถึงกิโลเมตรที่ 12 เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2.6 กิโลเมตร จะถึงปราสาทสด็กก็อกธม

ละลุ อยู่ใน อ.ตาพระยา ถ้าเดินทางจากอำเภออรัญประเทศไปตามทางหลวงหมายเลข 348 สายอรัญประเทศ-ตาประยา เลี้ยวซ้ายที่บ้านกุดเตยหลักกิโลเมตรที่ 35-36 ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3486 จากบ้านโคคลาน-บ้านคลองยางระยะทาง 18 กิโลเมตร จากบ้านคลองยางเข้าไปเป็นถนนลูกรังอีก 1 กิโลเมตร สอบถามกิจกรรมท่องเที่ยวละลุได้ที่ บ้านคลองยาง โทร.0-3724-9708-9,0-9098-0772

ตลาดโรงเกลือ ห่างจากตัวอำเภออรัญประเทศไปทางทิศตะวันออกประมาณ 6 กิโลเมตร ติดชายแดนไทย-กัมพูชา การเดินทางใช้เดินทางหลวงหมายเลข33เส้นสระแก้ว-อรัญประเทศ

ผู้สนใจแหล่งท่องเที่ยวใน จ.สระแก้ว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท. ภาคกลางเขต 8 โทร.0-3731-2282

ที่พัก                ร้านอาหาร