xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวเขาดินมิติใหม่ ชมไนท์ซาฟารีกรุงเทพฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

บางคนอาจจะแปลกใจ ว่าทำไมแค่ในเวลาเพียงครึ่งปีนี้ฉันมาเที่ยวเขาดินตั้งสองรอบเข้าไปแล้ว รอบแรกก็เมื่อวันเด็กแห่งชาติเดือนกุมภาพันธ์ ผ่านมาแค่ 6 เดือน คราวนี้ก็พามาเที่ยวอีกแล้ว มีอะไรติดใจนักหนาหรืออย่างไร

ก็อย่างที่ฉันทิ้งท้ายไว้ครั้งก่อนว่า ทางสวนสัตว์ดุสิตยังมีเมกกะโปรเจกต์ที่ตั้งใจไว้ว่าจะเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวแบบไนท์ซาฟารีด้วยการขยายเวลาปิดไปจนถึงสามทุ่ม และมีการส่องสัตว์ในตอนกลางคืนให้ผู้ชมได้เห็นวิถีชีวิตของสัตว์ที่หากินในช่วงหัวค่ำ เช่น หมี เสือ สิงโต ฯลฯ มาคราวนี้โปรเจกต์นั้นก็พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าชมเรียบร้อยแล้ว

การเข้าชมสวนสัตว์ตอนกลางคืน หรือที่ทางสวนสัตว์ดุสิตเขาเรียกว่า Dusit Evening Zoo นี้ ก็ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมแล้ว โดยมีคอนเซปต์ว่า "ยามเย็นเดินเล่นที่...เขาดิน" เป็นบริการใหม่ในการเที่ยวชมสวนสัตว์ทั้งกลางวัน และสัมผัสบรรยากาศพลบค่ำแสนสบาย ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ ฉันถึงต้องมาเที่ยวสวนสัตว์ดุสิตอีกเป็นครั้งที่สองไงล่ะ

ตอนที่ฉันไปถึงสวนสัตว์ก็เป็นเวลาหกโมงกว่าๆ แดดกำลังร่มลมกำลังตกพอดี การเข้ามาชมสวนสัตว์ในยามค่ำคืนนี้เขาก็มีให้เลือกสองแบบคือ เดินชมสัตว์ต่างๆ และบรรยากาศภายในสวนสัตว์ด้วยตัวเอง หรือจะนั่งบนรถพ่วงและมีวิทยากรพาชมก็ได้ ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉันจึงเลือกการนั่งรถพ่วงชมสวนสัตว์ด้วยค่าบริการเพียง 20 บาท เท่านั้น

มีเวลาเหลืออีกเล็กน้อยก่อนที่รถพ่วงจะเริ่มเคลื่อนขบวนตอนหนึ่งทุ่ม ฉันจึงออกมาเดินสำรวจสวนสัตว์ตอนพลบค่ำเสียหน่อย ผู้คนบางตาน่าดูเมื่อเทียบกับตอนกลางวัน แถมบรรยากาศในสวนสัตว์ยังเงียบเชียบ เพราะปลอดจากเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ มากมายอย่างในตอนกลางวัน ความมืดและความเงียบเช่นนี้ก็ทำให้ดูน่ากลัวมิใช่น้อย แต่ก็นับว่าเป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่แตกต่างไป ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยนั้นทางสวนสัตว์ก็เตรียมดูแลเต็มที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ขี่จักรยานและมอเตอร์ไซค์ตรวจตราอยู่อย่างขันแข็ง ถ้าใครที่กลัวคนก็สบายใจได้ แต่ถ้ากลัวสิ่งที่ไม่มีชีวิต อันนี้ก็ตัวใครตัวมัน

เมื่อได้เวลาหนึ่งทุ่ม รถพ่วงก็พาฉันและเพื่อนร่วมคันอีกประมาณ 20 กว่าชีวิต ออกเดินทางไปพร้อมกัน โดยมีวิทยากรหนึ่งคนคอยบรรยาย รวมทั้งคอยส่องสปอร์ตไลท์ไปยังกรงสัตว์ต่างๆ ที่ผ่านให้เราได้เห็นกันอีกด้วย ผู้บรรยายเล่าเท้าความไปถึงตั้งแต่ที่เมื่อสวนสัตว์ดุสิตยังเป็นเขาดินวนา หรือเป็นพระราชอุทยานของพระราชวังดุสิตนั่นเอง

รถพ่วงเดินทางข้ามสะพานปลา ซึ่งมีทั้งปลาสวาย ปลาตะเพียน ปลาแรด ฯลฯ เป็นจุดแรก ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโซนสัตว์แอฟริกา ซึ่งมียีราฟ สัตว์ที่ตัวสูงที่สุดในโลก ที่เมื่อฉายสปร์อตไลท์ส่องไปก็เห็นมันกำลังเคี้ยวใบไม้หยับๆ อยู่อย่างเอร็ดอร่อย และในกรงเดียวกันนั้นก็ยังมีม้าลาย สัตว์สายตาสั้นแต่จมูกไวมาก และนกกระจอกเทศ สัตว์ปีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่รวมกันด้วย

ก่อนจะผ่านไปที่น้ำพุขนาดใหญ่หน้าประตูทางเข้าฝั่งถนนราชวิถี ซึ่งเป็นน้ำพุเก่าแก่ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นพระราชอุทยานเช่นกัน ติดๆ กับน้ำพุจะเป็นโซนของบรรดาลิงค่างบ่างชะนีทั้งหลายซึ่งพากันเงียบเสียงไปบ้างแล้ว สงสัยว่ากำลังจะเตรียมตัวเข้านอนกันพอดี ส่วนด้านหลังกรงลิงเหล่านี้ก็เป็นที่อยู่ของแพนด้าแดงและไฮยีนา สมาชิกใหม่ที่น่ารักของสวนสัตว์ แต่การนั่งรถพ่วงชมนี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ ต้องเดินไปดูเอาเอง

ดูลิงเสร็จคราวนี้มาดูเสือกันบ้าง ที่กรงเสือขาวซึ่งเป็นเสือที่หายาก ในโลกนี้เหลือไม่ถึง 200 ตัวแล้ว แต่ตอนนี้ทางสวนสัตว์ดุสิตสามารถเพาะพันธุ์ลูกเสือขาวเกิดใหม่มาได้ 2 ตัวด้วยกัน เป็นตัวเมียทั้งคู่ ถ้ามองจากภายนอกคงจะไม่เห็นเพราะแม่เสือยังไม่พาลูกออกมาโชว์ตัว ต้องดูผ่านจอโทรทัศน์ที่เขาฉายกล้องวงจรปิดให้ดู ฉันเห็นมันกำลังดูดนมแม่สบายใจอยู่พอดี

นั่งในรถพ่วงมานาน ทีนี้ก็ได้ยืดแข้งยืดขากันบ้าง ด้วยการเดินลงมาชมบรรดาสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ในอาคารสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว ภายในอาคารก็มีทั้งเต่า จระเข้น้ำจืดน้ำเค็ม กิ้งก่า อีกัวน่า งู คางคก ฯลฯ ฉันว่าสัตว์พวกนี้ดูตอนกลางวันก็น่ากลัวพออยู่แล้ว ยิ่งเมื่อมาดูตอนกลางคืนใช้ไฟส่องจ้องตากันในความมืดก็ยิ่งดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่

ใช้เวลาอยู่กับสัตว์เลื้อยคลานเหล่านี้อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็กลับออกมาข้างนอก มาดูกรงหมีคน หรือหมีหมากันต่อ ที่เรียกหมีชนิดนี้ว่าหมีคนก็เพราะมันสามารถยืนสองขาได้เหมือนคน แถมยังมีรอยเท้าเหมือนคนอีกต่างหาก แต่อีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่าหมีหมาเพราะเวลาที่มันต่อสู้กัน จะส่งเสียงร้องเหมือนหมานั่นเอง ที่นี่ฉันได้เห็นคนดูแลกำลังให้อาหารพวกมันอยู่พอดี

ต่อมาก็มาถึงที่อยู่ของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก และเป็นขวัญใจของเด็กๆ มาทุกยุคทุกสมัย นั่นก็คือ ฮิปโปโปเตมัสนั่นเอง จากบนรถพ่วงนั้นสามารถมองเห็นฮิปโปแม่ลูก ชื่อว่ามะขามกับถั่วแดงกำลังลอยตัวอยู่ในน้ำอย่างสบายใจเฉิบ

และเมื่อรถพ่วงแล่นมาได้ต่ออีกหน่อยก็มีเสียงหวอดังขึ้นอย่างโหยหวนน่าขนลุกดีแท้ เป็นสัญญาณว่าพวกเราทุกคนบนรถพ่วงจะต้องลงหลุมหลบภัยเพื่อหลบระเบิดกันแล้ว หลุมหลบภัยแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นหลุมหลบภัยสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้หลบเวลามีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด เมื่อเทียบบรรยากาศของหลุมหลบภัยในตอนกลางวันกับกลางคืนแล้ว ฉันให้ตอนกลางคืนเต็มสิบเลย เพราะนอกจากจะมีเสียงหวอช่วยเพิ่มความตื่นเต้นแล้ว ก็ยังมีการทำเอฟเฟคต์เป็นเหมือนไฟกำลังลุกไหม้ รวมทั้งมีการฉายวีดิทัศน์ความเป็นมาของสงครามโลกครั้งที่สองอีกด้วย

นอกจากจะได้ชมบรรดาสัตว์ต่างๆ แล้ว ที่สวนสัตว์ก็ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของพระที่นั่งอนันตสมาคมยามค่ำคืนอีกด้วย ณ บริเวณสระน้ำขนาดใหญ่ที่ในตอนกลางวันใช้เป็นที่ถีบจักรยานน้ำ พอตกกลางคืนผืนน้ำตรงนี้ก็สงบนิ่งสะท้อนเงาพระที่นั่งอนันตฯ ได้อย่างงดงามทีเดียว

รถพ่วงยังคงแล่นพาชมสัตว์ต่างๆ ภายในสวนสัตว์ไปเรื่อยๆ และผู้ชมแต่ละคนรวมทั้งฉันด้วยต่างก็พากันชะเง้อชะแง้มองตามแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ผู้บรรยายส่องไปยังสัตว์แต่ละตัว ดูๆ ไปก็ได้อารมณ์สนุกสนานแบบไนท์ซาฟารีเหมือนกันนะ แถมไม่ต้องไปดูไกลถึงไนท์ซาฟารีเจ้าปัญหาที่เชียงใหม่อีกด้วย ใครที่สนใจ เลิกงานแล้วจะแวะมาชมก็ยังได้ เพราะสวนสัตว์เขาเปิดรออยู่ถึงสามทุ่มแน่ะ

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

สวนสัตว์ดุสิต ตั้งอยู่เลขที่ 71 ถนนพระราม 5 แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพ อยู่ข้างสนามเสือป่า และอยู่ตรงข้ามรัฐสภา เปิดให้เข้าชมในเวลา 08.00-21.00 น. ทุกวัน โดยหลัง 18.00 น. จะเปิดเฉพาะประตูใหญ่ฝั่งถนนราชวิถี และประตูทางเข้าที่จอดรถฝั่งถนนอู่ทองใน ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ประชาสัมพันธ์สวนสัตว์ดุสิต โทร.0-2281-2000 ต่อ 128, 129
      
อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 10 บาท สำหรับการเข้าชมสวนสัตว์ในตอนกลางคืนสามารถเดินชมและสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนได้เอง หรือนั่งชมบนรถพ่วงโดยมีวิทยากรนำชม ใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. ค่าบริการรถพ่วง ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท เด็ก คนละ 10 บาท มีรถพ่วงรอบ 19.00 น. และ 20.00 น. จุดจำหน่ายบัตรรถพ่วงอยู่บริเวณทางเข้าด้านอาคารจอดรถ
      
การเดินทาง มีรถประจำทางสาย 18, 28, 108 และรถประจำทางปรับอากาศสาย 70, 528, 515, 539, 542 ผ่าน

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

จูงมือน้องท่องเขาดิน...ในวันเด็กแห่งชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น