xs
xsm
sm
md
lg

“ผีตาโขน”เสน่ห์เมืองเลยที่ไม่ควรเลยผ่าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผี”ใครว่ามีแต่ความขนพองสยองเกล้า

อันที่จริงผีที่น่ารักน่าชมก็มีอยู่ไม่น้อย อย่างเช่น ผีน้อยแคสเปอร์ ผีจอมกวนบีทเทิ้ลจุ๊ยซ์ หรือที่“ผู้จัดการท่องเที่ยว”ชอบมากเป็นพิเศษก็เห็นจะเป็น ผีสาวโปเยโปโลเยในเวอร์ชั่นหวังจู่เสียนที่แสนจะน่ารักเจ้าเสน่ห์ดูกี่ครั้งกี่ภาคก็ไม่มีเบื่อ

ส่วนผีตามธรรมชาติที่น่าดูก็คงหนีไม่พ้น“ผีเสื้อ”สัตว์ปีกงามที่มากไปด้วยสีสันและลวดลาย หรือหากจะพูดถึงผีที่น่ารักแบบไทยๆ ก็ต้องนี่“เอ๊ดดี้ ผีน่ารัก”(ซึ่งบางคนก็ว่าน่ารัก ส่วนบางคนก็ว่าน่ารักเฉพาะนามสกุลเท่านั้น) แต่ถ้าหากจะพูดถึงผีแบบไทยๆที่น่ารักน่าไปเที่ยวชมและมากันเป็นมวลหมู่มากแล้วละก้อ “ผู้จัดการท่องเที่ยว”ขอยกให้“ผีตาโขน”มาเป็นอันดับหนึ่ง(ในเมืองไทย)

ผีตาโขน ถือเป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในงาน“บุญหลวง”(งานบุญใหญ่ประจำปี) ซึ่งได้รวมงาน“บุญพระเวส”(หรือบุญผะเหวด)และงาน“บุญบั้งไฟ”เข้าไว้ด้วยกัน

อันความเป็นมาของผีตาโขนนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด เพราะต่างฝ่ายต่างก็สันนิษฐานกันไปคนละอย่าง 2 อย่าง แต่สำหรับข้อสันนิษฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดก็เห็นจะเป็น เรื่องเกี่ยวกับตำนานทางพุทธศาสนาที่กล่าวไว้ว่า เมื่อพระเจ้ากรุงสัญชัยกับพระนางผุสสดีไปเชิญพระเวสสันดรและพระนางมัทรีกลับเข้าเมือง ในขบวนแห่เข้าเมืองนอกจากจะมีคนร่วมมาด้วยแล้ว ยังมีผีป่าและวิญญาณของคนตายแล้วที่เคยปรนนิบัติและจงรักภักดีต่อพระเวสสันดรเข้าร่วมขบวนมาส่งด้วย

นับแต่นั้นเป็นต้นมาผู้ที่เลื่อมใสต่างก็พากันระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยการจัดงานเฉลิมฉลองโดยแต่งกายและใส่หน้ากากให้คล้ายกับภูตผีปีศาจ นอกจากนี้ยังเป็นการแฝงไว้ด้วยความเชื่อในเรื่องของการกระตุ้นให้ฝนตกตามฤดูกาล และเป็นการให้ศีลให้พรแก่พืชผลทางการเกษตร ซึ่งเดิมชาวบ้านเรียกประเพณีนี้ว่า“ผีตามคน”ก่อนที่จะเพี้ยนเป็น“ผีตาโขน”ในกาลต่อมา

อนึ่งการละเล่นผีตาโขนในอำเภอด่านซ้ายนั้น แม้ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าเริ่มมีในยุคสมัยใด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะมีขึ้นก่อน พ.ศ.2438 เพราะในบันทึกของ เอเจียน เอมอร์นิเย นักเดินทางชาวฝรั่งเศสได้ระบุว่า ที่อำเภอด่านซ้ายมีการจัดงานใหญ่ในวันเพ็ญเดือน 7 ซึ่งก็น่าจะเป็นงานผีตาโขนนั่นเอง

สมัยก่อนผีตาโขนถือว่าเป็นการละเล่นพื้นบ้านจริงๆ แต่ละปีวันจัดงานจะไม่ตรงกัน ขึ้นอยู่กับร่างทรงของ “เจ้าพ่อกวน”หรือ “เจ้ากวน”ที่ชาวบ้านนับถือ ซึ่งส่วนมากจะตกอยู่ในช่วงเดือน 7 ไทย โดยชาวบ้านเชื่อว่าหากปีใดไม่จัดผีตาโขน ปีนั้นจะเกิดภัยพิบัติ ส่วนชาวบ้านพอถึงช่วงงานก็จะพากันแต่งเป็นผีตาโขน พร้อมร้องรำทำเพลงและออกลีลาท่าเต้นกันอย่างสนุกสนาน

แต่ว่างานผีตาโขนก็กร่อยไปอยู่พักหนึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เพราะทางภาครัฐได้นำแนวคิดราชการนิยมไปไปใช้กับงานนี้ จากผีตาโขนที่ออกลีลาท่าเต้นอย่างสนุกสนานออกแนวทะเล้นทะลึ่งนิดๆกลับต้องถูกจับไปยืนเข้าแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยเพียงเพื่อรอประธานมาเปิดงาน(ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่)จนเด็กบางคนที่สวมชุดผีตาโขนถึงกับลมจับ เรียกว่าแนวคิดราชการนิยมทำเอาเสน่ห์ของผีตาโขนหดหายไปมากโข

มาในปัจจุบันนี้ผีตาโขนก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามสมัยนิยม จากเดิมที่เจ้าพ่อกวนเป็นคนกำหนดก็เปลี่ยนมาเป็นในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์หลังวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ทั้งนี้ก็เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมงานและให้เด็กนักเรียนได้มาร่วมการละเล่นผีตาโขนสร้างสีสันให้กับงาน

สำหรับขบวนแห่ผีตาโขนและบรรดาเหล่าผีตาโขนที่ถือเป็นสีสันและไฮไลท์ทางการท่องเที่ยวของงานนั้น ประกอบไปด้วย ผีตาโขนใหญ่และผีตาโขนเล็ก

ผีตาโขนใหญ่แต่ละปีจะทำกันไม่กี่ตัวและจะทำเฉพาะบ้านของผู้ที่ทำมาหลายปี ขนาดรูปร่างนั้นก็ใหญ่กว่าคนธรรมดาประมาณ 2 เท่า

ส่วนผีตาโขนเล็กหรือผีตาโขนทั่วไป จะมีหน้ากากผีที่ทำจากหวดนึ่งข้าวเหนียว แล้วเขียนหน้าตาตามความชอบของแต่ละคน พร้อมทำจมูกยื่นยาวออกมา ส่วนชุดแต่งกายของผีก็จะเน้นที่สีฉูดฉาดบาดตาแต่ต้องปิดร่างกายให้มิดชิด สำหรับชุดของผีตาโขนยุคใหม่นั้นถือว่ามากไปด้วยสีสันลวดลาย หรือบางครั้งก็เป็นการนำผ้าพื้นเมืองมาแต่งตัวเป็นผี ที่ก็ดูกิ๊บเก๋ไปอีกแบบ ซึ่งไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ชายหรือหญิงต่างก็สามารถเข้าร่วมสนุกได้ งานนี้หนุ่มๆเวลาไปเที่ยวงานก็อย่าเผลอสุ่มสี่สุ่มห้าไปสวมกอดผีตาโขนโดยไม่พินิจพิจารณา เพราะบางทีอาจไปเจอผีตาโขนสาวเข้าก็เป็นได้

นอกจากนี้ผีตาโขนยังมีอาวุธประจำตัวคือ คือ “หมากกะแหล่ง”ที่ดูคล้ายกระดึงผูกคอวัว มีทั้งที่เป็นกระพรวนหรือกระป๋องนมเล็กๆใส่ก้อนหิน เพื่อให้เกิดเสียงดังเวลาเดิน ผีตาโขน(ชาย)ยังมีดาบและกระบองที่มองดูคล้ายอวัยวะเพศชายที่หนุ่มๆในร่างผีมักจะนำไปแหย่ล้อสาวๆที่มาชมงาน เล่นเอาสาวๆอายม้วนกรี๊ดหน้าแดงกันไปหลายคน ในขณะที่สาวประเภทสองก็กรี๊ดตาโตเช่นกันยามที่เห็นอาวุธของผีตาโขน

ทางด้านงานบุญและการละเล่นนั้นจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างวิถีเก่ากับวิถีใหม่

วันแรกเรียกว่า“วันรวม”หรือ “วันโฮม”เป็นวันประกอบพิธีเบิกพระอุปคุตจากลำน้ำหมัน ขบวนอัญเชิญพระอุปคุต และขบวนบายศรีสู่ขวัญเจ้ากวนและนางเทียม และพิธีเปิดงานโดยมีผีตาโขนเข้าร่วมขบวนแห่อย่างสนุกสนาน รวมถึงการแสดงแสงสีเสียง

วันที่สอง เป็นพิธีแห่ขบวนแห่พระเวสสันดรและนางมัทรีเข้าเมือง ขบวนแห่บั้งไฟขอฝน

ส่วนวันที่สามวันนี้ไม่มีขบวนแห่ผีตาโขน แต่เป็นวันทำบุญฟังเทศน์จากนั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี พร้อมๆกับความประทับใจที่นักท่องเที่ยวพกติดตัวกลับไป

สำหรับ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” มองว่าหากใครไปเที่ยวชมงานผีตาโขนแล้วหากเวลาและงบประมาณเหลือ ก็น่าที่จะเที่ยวต่อในอำเภอด่านซ้ายสักหน่อย เพราะไหนๆก็ดั้นด้นไปถึงที่นั่นแล้ว

จุดแรกที่น่าไปเป็นอย่างยิ่งก็คือการไปไหว้“พระธาตุศรีสองรัก”พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเลย สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2103 สมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือกันระหว่างพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง เนื่องจากยุคนั้นกรุงศรีอยุธยาถูกพม่ารุกรานบ่อยครั้ง กษัตริย์ทั้งสองจึงเห็นว่าควรจับมือกันเพื่อความมั่นคง โดยได้กระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน

นับได้ว่าพระธาตุศรีสองรัก เป็นพระธาตุแห่งสัจจะไมตรีและศูนย์รวมจิตใจของชาวอำเภอด่านซ้ายอย่างแท้จริง

ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (วันเพ็ญ วิสาขบูชา)ของทุกปี ชาวอำเภอด่านซ้ายจะจัดงานสมโภชพระธาตุศรีสองรักขึ้น โดยจะนำต้นผึ้ง ที่ทำจากไม้ไผ่ทรงสามเหลี่ยมกรุด้วยลวดลายการแทงหยวกและประดับด้วยดอกผึ้ง(ทำจากเทียน)ดอกไม้ มาถวายองค์พระธาตุ ซึ่งแต่ละปีจะมีชาวด่านซ้ายและชาวเลยมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นับเป็นประเพณีที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธายิ่งนัก

ในส่วนขององค์เป็นศิลปกรรมแบบล้านช้าง ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส ย่อมุมไม้สิบสอง องค์ระฆังทรงคล้ายพระธาตุพนม สีขาวเด่นเป็นสง่า ที่ด้านหน้าองค์พระธาตุมีศาลาให้พุทธศาสนิกชนเข้าไปจุดธูปเทียน ดอกไม้ บูชาแด่องค์พระธาตุ โดยมีส่วนปิดทองที่ผู้หญิงห้ามขึ้นไป

นอกจากองค์พระธาตุแล้ว ในวัดพระธาตุศรีสองรักยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรกศิลปะทิเบตให้สักการะบูชา มีพิพิธภัณฑ์รวบรวมโบราณวัตถุ พระพุทธรูป และข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านไว้ให้ชม รวมถึงมีภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถเสด็จประทับบนหลังช้าง(พลายคำหมื่น) เมื่อคราวเสด็จประพาสภูกระดึงในพ.ศ. 2498 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งภาพคลาสสิคที่หากดูได้ยากมาก(อยู่ในศาลาไหว้พระธาตุ)

ใครที่อิ่มบุญจากการไหว้พระธาตุศรีสองรักแล้ว ก็อย่างเพิ่งรีบจรลีหนีหายจากอำเภอด่านซ้าย เพราะใกล้ๆกับพระธาตุศรีสองรักมีวัดเนรมิตวิปัสสนา(หัวนายูง) ถือเป็นอีกหนึ่งจุดน่าสนใจในอำเภอด่านซ้าย

วัดแห่งนี้สงบงามและดูโดดเด่นไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยศิลาแลง ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ ซุ้มประตู หอระฆัง รวมถึงอาคารอนุสรณ์พระครูภาวนาวิสุทธิญาน(หลวงพ่อมหาพัน) ผู้ก่อสร้างวัด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเกจิแห่งภาคอีสานที่คนนับถือกันมาก โดยภายในอนุสรณ์มีหุ่นขี้ผึ้ง รูปหล่อ และรูปถ่ายของหลวงพ่อมหาพันจัดแสดงอยู่รวมถึงโลงทองด้วย

ส่วนภายในโบสถ์นั้นก็ดูขรึมขลังเปี่ยมศรัทธาไปด้วย องค์พระพุทธชินราชจำลอง(พระประธาน)ที่ตั้งเด่นเป็นสง่า และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติอันน่าชม รวมถึงลวดลายลงรักปิดทองตามมุมโบสถ์ที่ประณีตงดงาม นอกจากนี้ภายในโบสถ์ยังมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อมหาพันประดิษฐานไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา

ส่วนบริเวณด้านหน้าโบสถ์นั้นมีต้นสาละ ต้นไม้สำคัญทางพุทธศาสนาออกดอกสวยงามให้ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปได้หยิบกล้องมากดชัตเตอร์กันคนละแชะ 2 แชะ หรือหลายๆแชะ

สำหรับสิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งในวัดเนรมิตวิปัสสนาก็คือการจัดสวนที่เป็นระเบียบสวยงามและความสะอาดสะอ้าน ที่เมื่อเข้าไปแล้วทำให้จิตใจสัมผัสได้ถึงความสะอาดและบริสุทธิ์แห่งพุทธศาสนาไปด้วย ทั้งนี้ใครที่ไปเที่ยวชมงานผีตาโขนในอำเภอด่านซ้ายในช่วงวันที่ 1-3 ก.ค.นี้ ยังไงๆก็อย่าลืมแวะไปไหว้พระธาตุศรีสองรักเพื่อเสริมสิริมงคลและแวะไปชมความสงบงามของวัดเนรมิตวิปัสสนากันด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์แห่งเมืองเลยที่ไม่ควรเลยผ่านด้วยประการทั้งปวง
******************************************

ในปีนี้งานบุญหลวงและประเพณีผีตาโขนจะมีขึ้นในวันที่ 1-3 ก.ค.

พระธาตุศรีสองรักตั้งอยู่ที่ ต.ด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย 2 กิโลเมตร สามารถไปได้จากตัวอำเภอ ผ่านตลาดด่านซ้าย ผ่านวัดโพนชัย พอถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวาไป แล้วเลี้ยวซ้ายอีกครั้งจะถึงทางหลวงหมายเลข 2014 พระธาตุศรีสองรัก จะอยู่ทางขวามือ

สำหรับข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการไปไหว้องค์พระธาตุศรีสองรักก็คือ ไม่ควรแต่งกายด้วยชุดสีแดงขึ้นไปนมัสการ ไม่ควรนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นบูชา เพราะองค์พระธาตุสร้างขึ้นเพื่อสัจจะและไมตรี สีแดงถือเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง นอกจากนี้ยังไม่ควรกางร่ม สวมหมวกและรองเท้าขึ้นไป ไม่ควรนำเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีขึ้นไปนมัสการ และถ้าเราจะทำพิธีใดๆควรที่จะปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าองค์พระธาตุก่อน

ส่วนวัดเนรมิตวิปัสสนา จากพระธาตุศรีสองรักเลี้ยวขวาไปจะเจอ 4 แยก ให้เลี้ยวขวาขึ้นเนินไปอีก 200 เมตร ก็จะถึงยังวัดเนรมิตวิปัสสนา

ทั้งนี้ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดงานผีตาโขนและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเลย ได้ที่ สำนักงาน ททท. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5 โทร. 0-4232-5406-7 หรือที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดเลย โทร. 0-4281-2812

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
"งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน" 1-3 ก.ค. 49 
ภาพบรรยากาศงานบุญหลวง-ผีตาโขน ปี 48
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเลย

ที่พักในจังหวัดเลย 
กำลังโหลดความคิดเห็น