xs
xsm
sm
md
lg

“ตานาคา”แป้งพม่ามหาเสน่ห์/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี

นับแต่บรรพกาลนานมา อิสตรีกับความรักสวยรักงามถือเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะกับความงามทางกายภาพของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น สรีระ เรือนร่าง ผิวพรรณ หน้าตา ที่ดูเหมือนว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ในโลกต่างให้ความใสใจเป็นพิเศษ

กระนั้นในแต่ละพื้นที่ แต่ละสังคมวัฒนธรรม ต่างก็มีรสนิยมด้านความงามของผู้หญิงแตกต่างกันออกไป

ในเมืองไทยนอกจากความงามตามจารีตของกุลสตรีไทยที่ นุ่มนวล อ่อนโยน หน้าหวาน ชดช้อยแล้ว งามแบบ “ผิวพม่า นัยน์ตาแขก” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งรสนิยมทางความงามที่คนไทยใช้ยกย่องต่อสาวงามผู้เลอโฉม โดยเฉพาะเมื่อ 30-40 ที่แล้ว เทรนด์ผิวพม่าตาแขกถือว่ามาแรงมาก ส่วนปัจจุบันก็ยังมีคนนิยมในเทรนด์นี้อยู่ แต่ว่าความแรงยังไงก็คงรู้เทรนด์เกาหลี หรือพิมพ์นิยมขาว สวย หมวย อึ๋ม หรือเซ็กซี่แบบน้องอั้ม น้องเมย์ไม่ได้

อันนัยน์ตาแขก ถือว่าธรรมชาติได้สรรค์สร้างให้ตากลมคมเข้ม เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ที่สามารถทำให้หัวใจของชายที่เจอดวงตาแบบนี้ละลายได้ ส่วนผิวพม่า เป็นผิวที่ละเอียดเนียน ผ่องตึง มีน้ำมีนวล จัดเป็นหนึ่งในผิวพรรณที่หญิงสาวปรารถนา ผู้หญิงคนใดหากธรรมชาติให้ผิวพม่ามานับว่าโชคดีไม่น้อย แต่สำหรับผู้หญิงพม่าแล้ว ผิวที่ดีเต่งตึงและหน้าที่เนียนผ่อง ต้องคู่กับการดูแลรักษาผิวพรรณที่ดีด้วย

ออง ซาน ซู จี สตรีเหล็กประชาธิปไตยชาวพม่า(เคย)กล่าวถึงความงามของผิวพม่าไว้ในบทความของเธอว่า

“...ผู้หญิงพม่ามีชื่อเสียงว่ามีผิวหน้าเนียน เข้าใจว่าสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะพวกเธอใช้ตานาคา(Thanakha) ตานาคาเป็นแป้งชนิดหนึ่งที่ได้มาจากการนำเปลือกของต้นตานาคามาบดให้ละเอียด แป้งชนิดนี้ป้องกันผิวจากแสงแดด และเข้าใจว่าจะมีคุณสมบัติของยาอีกด้วย ตานาคาเป็นผงสีเหลือง ออกเทาๆแดงๆ เวลาพอกหน้าดูเหมือนถูกละเลงเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน แต่กระนั้นตานาคาก็ยังเป็นเครื่องประทินผิวที่สำคัญที่สุด ในการดูแลรักษาความงามของผู้หญิง และถึงแม้ว่าเครื่องสำอางที่ทันสมัยจะแพร่เข้ามาในพม่า ตานาคาก็ยังได้รับความนิยมอยู่ไม่เสื่อมคลาย...”

จะเห็นได้ว่าแป้ง“ตานาคา”(บ้างก็เรียกทานาคา บ้างก็เรียกตะนะคา) ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผู้หญิงพม่าใช้ถนอมผิวพรรณและผิวหน้า นอกจากนี้แป้งตานาคายังเป็นเครื่องประทินผิวยอดนิยมอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลที่ชาวพม่าใช้ต่อกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณจนถึงปัจจุบันนี้

ต้นกำเนิดของการเริ่มใช้ตานาคาในพม่านั้นค่อนข้างมีหลายที่มา บ้างก็ว่า ชาวพม่ารับอิทธิพลการใช้ตานาคามาจากมอญในขณะที่มอญรับอิทธิพลมาจากอินเดียอีกทอดหนึ่ง บ้างก็ว่า ชาวพม่าเริ่มใช้ตานาคามาตั้งแต่ยุคตะกอง(เชื่อว่าเป็นเมืองเก่าแห่งแรกของชนชาติพม่า) เพราะตามตำนานได้อ้างถึงเรื่องนี้ไว้ว่า ในรัชสมัยของพระเจ้าอะลองสี่ตู พระองค์ได้เสด็จไปยังดอยฉิ่งมะต่องที่มากไปด้วยต้นตานาคา แล้วก็ให้บังเอิญเหลือเกินว่าพระมเหสีได้ทำผอบเครื่องหอมตก ต้นตานาคาที่เกิดขึ้นมาใหม่จึงได้รับอานิสงส์ของเครื่องหอมทำให้ไม้ตานาคามีกลิ่นหอมไปด้วย ชาวพม่าจึงทดลองนำไปใช้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

แต่สำหรับข้อมูลต้นกำเนิดการใช้แป้งตานาคาในพม่าที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เพราะมีหนังสือหลายเล่มบันทึกไว้ และยังมีการพิมพ์เป็นเอกสารแจกนักท่องเที่ยวตามโรงแรมบางแห่ง ก็คือ การค้นพบแผ่นหินกลมใช้ฝนตานาคา หรือ เจ้าก์ปูยิง(เจ้าก์ปยิง)ที่เจดีย์ชเวมอดอ(เมืองพะโคหรือหงสาวดี) ในปี พ.ศ. 2473 หลังการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเจ้าก์ปูยิงของพระราชธิดากษัตริย์พม่า (ปัจจุบันเจ้าก์ปูยิงแผ่นนี้จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของเจดีย์ชะเวมอดอ)

หลังสืบค้นลึกลงไปก็พบหลักฐานว่า ชาวพม่าเริ่มใช้สมุนไพรตานาคารักษาผิวตั้งแต่ยุคอาณาจักรศรีเกษตร หรือกว่า 2,000 ปีที่แล้วโน่น มาปัจจุบันนี้คนพม่าก็ยังคงใช้แป้งตานาคาอยู่อย่างเหนียวแน่น เพราะสรรพคุณของแป้งตานาคา ไม่เพียงช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึงผุดผ่องเป็นยองใยเท่านั้น แป้งชนิดนี้ยังช่วยรักษาสิวฝ้า รักษาและดูดซับสิ่งสกปรกบนใบหน้า รักษาผดผื่น ช่วยป้องกันแสงแดดให้ผิว ส่วนต้นตานาคานั้นก็สามารถนำไปทำยาพื้นบ้านได้หลายอย่าง อาทิ ใบสดใช้รักษาลมบ้าหมู ผลใช้แก้พิษ เปลือกใช้ดมแก้อาการวิงเวียน ฯลฯ

เรียกว่าไม่ใช่มีดีเฉพาะทางรักษาผิวพรรณเท่านั้น แต่ตานาคายังมีดีในทางยาอีกหลายอย่าง

ในสมัยโบราณเวลาจะใช้แป้งตานาคา ชาวพม่าจะนำท่อนตานาคา(จากต้นตานาคา)ไปฝนกับเจ้าก์ปูยิง โดยเจือน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นจะนำผงแป้งผสมน้ำที่ได้จากการฝนมาทาหน้าทาผิว

แต่ก็อย่างว่าเมื่อฟ้าเปลี่ยน คนเปลี่ยน สรรพสิ่งในโลกหล้าก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง

ตานาคาก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน จากเดิมที่ต้องฝนท่อนไม้กับแผ่นหินก็มีการปรับรูปแบบไปตามสมัยนิยม เป็นแป้งฝุ่น เป็นตลับ เป็นก้อนผสมน้ำ เป็นครีม เป็นสบู่ เป็นน้ำหอมใส่ขวดแบบน้ำอบไทย แถมยังมีการผสมกลิ่นที่หลากหลายให้เลือกซื้อเลือกหา ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นมะนาวยอดนิยมที่สาวพม่าเชื่อว่าสรรพคุณของตานาคานั้นดีอยู่แล้วยิ่งบวกกับผิวมะนาวเข้าไปก็ยิ่งจะทำให้หน้าใสขึ้น ส่วนกลิ่นใหม่ที่กำลังมาแรงตอนนี้ก็คือกลิ่นสปา นอกจากนี้ก็มีกลิ่นจำปา กลิ่นมะลิ กลิ่นกุหลาบ กลิ่นพิกุล สนนราคาก็ตกตลับละ 400 จัต(ประมาณ 13 บาท) ส่วนที่เป็นแป้งฝุ่นผงตานาคาแท้ๆนั้นตกตลับละ 700 จัต (ประมาณ 23 บาท)

เพื่อนสาวชาวพม่า(สาวสมัยใหม่)บอกกับผมว่า แป้งตานาคาที่ดีที่สุดนั้นก็คือแป้งที่ได้จากการฝนท่อนไม้ แต่ว่าในยุคนี้ที่เวลารัดตัว สาวพม่าส่วนใหญ่ไม่มีเวลามานั่งฝนตานาคา พวกเธอจึงเลือกใช้แป้งแบบสำเร็จตามกลิ่นเหมาะกับผิวหน้าตัวเอง และก็จะใช้ตานาคาผสมกับเครื่องสำอางแบรนด์เนมสมัยใหม่เวลาออกนอกบ้าน เพราะจะทำให้ดูดีมีสีสันและดูทันสมัยขึ้น โดยจะใช้ตานาคาทารองพื้นทุกครั้ง(เธอพกแป้งตานาคาติดประจำกระเป๋าไว้ตลอด) แต่พอกลับบ้านหลังอาบน้ำเธอก็จะจะนั่งฝนท่อนตานาคาทาบำรุงหน้าก่อนเข้านอนทุกวัน

มาวันนี้แม้รูปแบบการใช้ตานาคาของชาวพม่าจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่กระนั้นชาวพม่าก็ยังคงไม่ทอดทิ้งในภูมิปัญญาตานาคาที่มีมาแต่โบราณ ผู้หญิงพม่าไม่ว่าหน้ารูปไข่ หน้ากลม หน้าเหลี่ยม ก็ยังคงใช้บริการของแป้งตานาคามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เด็กเล็กไปจนเฒ่าชะแรแก่ชรา โดยแทบทุกบ้านจะมีแป้งตานาคาติดประจำบ้านไว้ และจะทาตานาคาหลังอาบน้ำเสมอเพื่อบำรุงผิวพรรณ ส่วนผู้ชายก็จะทาตานาคาเพื่อรักษาผดผื่นและให้ร่างกายสดชื่น ซึ่งผมเคยลองทาตานาคามาแล้วรู้สึกว่าแป้งชนิดนี้หอมเย็นดีจริงๆ

ครั้นเวลาออกนอกบ้านสาวพม่าแทบทุกคนจะทาแป้งตานาคาเพื่อรักษาผิวพรรณและผิวหน้ารวมถึงทาเพื่อป้องกันแดด นอกจากนี้สาวพม่าส่วนใหญ่ยังนิยมทาตานาคาเพื่อเสริมเสน่ห์อีกด้วย มีทั้งการป้ายเป็นวง ป้ายเป็นเหลี่ยม ป้ายเป็นริ้ว บางคนนอกจากที่พวงแก้มยังป้ายที่คาง ที่หน้าผาก ที่สันจมูก ซึ่งผมว่าสาวพม่าผิวเข้มยามที่เธอทาตานาคาบนใบหน้าจะดูมีเสน่ห์ชวนมองยิ่งนัก ยิ่งสาวใดหน้าคมเข้มหมดจด เวลาทาแป้งตานาคาแล้วยิ่งชวนมองเหลือหลาย หากเดินสวนกันผมต้องเหลียวหันไปมองคอแทบเคล็ด

นอกจากจะดูมีเสน่ห์ต่อคนทาแล้ว ตานาคายังเสริมเสน่ห์(ชั่ววูบ)ให้กับผมด้วยในแทบทุกครั้งที่ไปเยือนพม่าหรือไปยังชายแดนไทย-พม่า เพราะตานาคาถือเป็นของฝากชั้นดีที่สาวๆเรียกหา แถมยังเป็นของฝากราคาย่อมเยาที่สื่อถึงความเป็นพม่าชัดเจนแถมยังซื้อหาง่ายเพราะมีขายทั่วไปตามตลาดหรือตามแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งก็สามารถการันตีว่าเราไปพม่าหรือไปชายแดนไทย-พม่ามาจริงๆ

ส่วนสรรพคุณของแป้งตานาคานั้น จะดีกว่าหรือด้อยกว่าเครื่องสำอางแบรนด์เนมราคาแพงระยับที่มีขายเกลื่อนในบ้านเรา ผมไม่อาจรู้ได้เพราะว่าไม่ได้เป็นผู้ชายใช้เครื่องสำอาง แต่ที่รู้ก็คือแป้งตานาคานั้นมีราคาถูกกว่าเครื่องสำอางแบรนด์เนมเหลือหลาย ส่วนใครจะใช้แล้วออกมาดูงดงามหรือไม่ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะผมถือว่าความงามภายนอกนั้นยังไงก็สู้ความงามภายในที่ออกมาจากจิตใจไม่ได้
******************************************

ตานาคา มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Limonia acidssima Linn. เป็นไม้เนื้อแข็งชอบอากาศร้อน ทนความแห้งแล้งลำต้นสูงราว 20 – 30 ฟุต มีเปลือกผิวขรุขระ ใบเป็นช่อ เนื้อไม้ตานาคาส่วนที่เป็นเปลือก และผิวเนื้อไม้จะมีกลิ่นหอมเย็น มีสีออกเหลืองนวล พบมากในตอนกลางของพม่า แถบพุกาม ชเวโบ มัณฑะเล รวมไปถึงทางภาคเหนือของไทย และในอัสสัมของอินเดีย
กำลังโหลดความคิดเห็น