การแสดงขบวนเรือพระราชพิธีเพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี เพิ่งผ่านพ้นไปอย่างสง่างามเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งบรรดาพระราชอาคันตุกะจากทั้ง 25 ประเทศ ก็ได้ทรงทอดพระเนตรขบวนเรือนี้อยู่บริเวณราชนาวิกสภา
เชื่อว่าผู้ที่ได้ชมขบวนเรือพระราชพิธีในครั้งนี้แล้วคงจะมีความรู้สึกเหมือนๆ กัน คือมีความประทับใจในความสวยงามของขบวนเรือ รวมทั้งเสียงเห่เรืออันไพเราะก็ยิ่งเพิ่มอรรถรสในการชมให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
และการที่ขบวนเรือเสร็จสิ้นลงได้ด้วยดี ก็เพราะฝีมือของเหล่าบรรดาขุนพลบนเรือพระราชพิธี “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ก็ได้สัมภาษณ์ความรู้สึกของผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งในขบวนเรือหลังจากที่ได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้นลงว่าแต่ละคนมีความรู้สึกอย่างไรกันบ้าง
เรือเอกณัฐวัฏ อร่ามเกลื้อ พนักงานเห่เรือเจ้าของเสียงอันไพเราะที่คอยให้จังหวะกับฝีพาย เล่าว่าก่อนที่จะลงเรือ มีพายุมาแรงมาก แล้วฝนก็ตกตามมา แต่ตนก็สังเกตได้ว่าถ้าพายุมาแรงๆ แบบนี้เดี๋ยวเดียวก็หยุด และเชื่อว่าด้วยบุญบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหลายประเทศและบารมีของในหลวง เพียงประมาณ 15 นาทีทั้งลมและฝนก็สงบเป็นปกติ
“เมื่อวันซ้อมใหญ่วันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ฝนก็ตก ซึ่งผมคิดว่าผู้ใหญ่ตัดสินใจถูกต้องที่ให้ขบวนเรือพระราชพิธีออก เพราะประชาชนมารอดูเป็นจำนวนมาก แม้ฝนจะตกพวกเขาก็ไม่หนียังคงยืนรอดู และเมื่อออกขบวนได้ไม่นานฝนก็หยุด รูปขบวนก็สวย ไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมต้องพยายามหลบฝนเพราะถ้าเปียกจะร้องเสียงไม่ออก”
ร.อ.ณัฐวัฏยังได้เล่าถึงความรู้สึกหลังปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้นว่า “รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เกิดเป็นคนไทยและได้ทำงานนี้ ปลื้มใจมากๆ เชื่อว่าเป็นช่วงที่คนไทยปลื้มใจและมีความสุขที่สุด เหล่าทหารเรือก็ปลื้มใจที่ได้ร่วมจัดงานเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
ส่วนพันจ่าเอกเฉลิม รอดดี พนักงานขานยาว กับเสียงห้าวๆให้จังหวะ กล่าวว่า “ผมภูมิใจมากที่งานสำเร็จด้วยดี ตอนขบวนเรือผ่านหน้าพระพักตร์ก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วภูมิใจมาก ถึงจะได้ทำงานมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้รู้สึกพิเศษกว่าครั้งอื่น เนื่องจากเป็นปีเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีทรงครองราชย์ ซึ่งทุกคนพร้อมใจกันทำงาน โดยไม่บ่นไม่คิดว่าเหนื่อยเลย”
และนอกจากขบวนเรือพระราชพิธีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างสีสันอันงดงามให้แก่แม่น้ำเจ้าพระยาในคืนวันที่ 12 มิ.ย. เป็นอย่างมากก็คือ “กระทงสาย” ทั้ง 60,000 ใบ ที่ตัวแทนจากจังหวัดตากได้นำมาลอยในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเป็นการร่วมฉลองแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ศิริธร มงคลพิทยาธร รองนายกเทศมนตรีเมืองตาก เปิดเผยถึงความรู้สึกที่ได้นำคณะทีมงานกระทงสาย มาร่วมลอยกระทงสายในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ว่า
“ในวันแสดงจริงวันที่ 12 มิถุนายนนี้ พวกเราทีมงามมาเตรียมงานกันตั้งแต่บ่ายสองโมง เรียกว่าไม่ได้กินข้าวกินเที่ยงกันเลย แต่ว่าทุกคนก็อดทน เพื่อที่จะได้ทำงานออกมาให้ได้ดีที่สุด เพื่อในหลวง เพื่อที่ท่านจะได้ทรงทอดพระเนตร”
“ถึงวันนี้แล้วทุกคนที่ได้มาร่วมลอยกระทงในงานครั้งนี้ ก็ยังพูดกันไม่หยุดเลยว่า ภาคภูมิใจ และปลื้มใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมลอยกระทงสายถวายแด่ในหลวง และก็เชื่อว่าในหลวงทรงทอดพระเนตรเห็นถึงในสิ่งที่ชาวจังหวัดตากร่วมใจกันทำ และชาวโลกก็จะได้เห็นถึงการทำงานที่ทุกคนพร้อมใจกันทำถวายในหลวง” ศิริธร กล่าวด้วยความตื้นตันใจ พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า หากมีโอกาสอีกไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตามที่ชาวจังหวัดตากสามารถทำเพื่อประเทศชาติได้ ชาวจังหวัดตากยินดีทำได้ทุกเมื่อ
มาทางด้านของผู้ชมกันบ้าง พลเรือตรีมงคล แสงสว่าง อดีตพนักงานเห่เรือที่เกษียณอายุไปแล้ว กล่าวว่า แม้ตนจะไม่ได้มาดูขบวนเรือพระราชพิธีในวันที่ 12 ณ สถานที่จริง แต่ก็ได้ติดตามทางโทรทัศน์ ซึ่งจากที่ดูทุกอย่างพร้อมหมด ทั้งรูปขบวนเรือ เสียงเห่ ส่วนใหญ่จะลงตัว และแม้ว่าจะไม่ได้ลงร่วมในขบวนแต่สิ่งที่ได้เห็นเป็นการแสดงออกว่าทุกคนตั้งใจกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่องานฉลองครั้งนี้
“ภูมิใจมากที่เป็นคนไทย ที่ได้ร่วมในกิจกรรมต่างๆเพื่อพ่อหลวงของเรา ไม่ว่าต้องทำอะไรก็ยินดี ผมภูมิใจที่สุดที่ได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เป็นความรู้สึกที่หาสิ่งใดมาเปรียบมิได้” พล.ร.ต.มงคล กล่าว