เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดี เนื่องในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หน้าท่องเที่ยวผู้จัดการรายวัน จึงได้ทำการรวบรวมหมายกำหนดการพระราชพิธีและการจัดกิจกรรมต่างๆ มาไว้ ณ โอกาสนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ไปร่วมถวายพระพรชัยแด่องค์ในหลวงและเที่ยวชมงามต่างๆ ที่จัดขึ้น
พระราชพิธี
วันที่ 9 มิ.ย. 2549 “พระราชพิธีบวงสรวง สมเด็จพระบูรพามหากษัตริยาธิราช / เสด็จออกมหาสมาคม” ณ
พระบรมมหาราชวัง ประสาทพระเทพบิดร / พลับพลาพิธี พระที่นั่งอนันตสมาคม / สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม
เวลา 09.00-17.00น. ลงพระนาม และลงนามถวายพระพร และถวายบังคมบูรพมหากษัตริยาธิราชในพระบรมมหาราชวังปราสาทพระเทพบิดร
เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเสด็จ ณ พลับพลาพิธี พระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อประกอบพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช
เวลา 11.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯ ไปที่สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการและประชาชนได้ร่วมลงพระนามและลงนามถวายพระพร รวมทั้งถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ที่ประสาทพระเทพบิดรด้วย ซึ่งสำนักพระราชวังจะเปิดให้ร่วมลงนามได้ในช่วงบ่าย
หมายเหตุ เวลาประมาณ 11.00 น. ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ออกที่สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ได้กำหนดให้มีการยิงสลุตหลวงของทหาร 3 เหล่าทัพ และตำรวจ พร้อมกันทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
และในวันนี้ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. สำนักพระราชวังจะได้จัดที่สำหรับลงพระนาม ลงนามถวายพระพรไว้ที่ในพระบรมมหาราชวัง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดปราสาทพระเทพบิดร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. เพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนได้ถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช
วันที่ 10 มิ.ย. 2549 “พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี” ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ สำนักอาลักษณ์ และเครื่องราชอิสรยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการมีการสถาปนาสมณศักดิ์พระสงฆ์ 69 รูป จากนั้นเจ้าพนักงานกองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนานิมนต์พระสงฆ์ 99 รูป เจริญพระพุทธมนต์ แล้วพระบาทสมเด็จทรงประเคนพัดที่ระลึก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พราหมณ์และโหรหลวงเบิกแว่นเวียนเทียน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ทหาร พลเรือน รับแว่นเวียนเทียน เวียนเทียนครบ 3 รอบแล้ว พระราชครูวามเทพมุณี เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าถวายน้ำเทพมนต์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
วันที่ 9 และ 12 มิ.ย. 2549 “การแสดงขบวนเรือพระราชพิธีประกอบแสง สี แสงและสื่อผสม” ตั้งแต่ท่าวาสุกรีไปจนถึงบริเวณวัดอรุณราชวราราม ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป สำหรับขบวนเรือพระราชพิธีในครั้งนี้ประกอบไปด้วยเรือทั้งหมด 52 ลำ โดยมีเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ นอกจากนี้ก็มี เรือรูปสัตว์ 14 ลำ เรือดั้ง 22 ลำ เรือแซง 7 ลำ เรืออีเหลืองและเรือแตงโม 2 ลำ และเรือตำรวจอีก 3 ลำ ซึ่งผู้สนใจสามารถรับชมได้บริเวณสถานที่สาธารณะหรือร้านอาหารในบริเวณที่ขบวนเรือผ่าน
กิจกรรมน่าสนใจ
วันที่ 9 มิ.ย. 2549 “พิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และงานมหรสพสมโภช” ณ บริเวณมณฑลพิธี ท้องสนามหลวง เวลา 19.19 น. กำหนดจัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ที่ท้องสนามหลวง และมีการจัดงานมหรสพสมโภช
ตั้งแต่วันนี้ ถึง 11 มิ.ย. 2549 “งานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี” ที่สองอาคารนิทรรศการขนาดใหญ่ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เวลา 09.00-21.00 น. (ยกเว้นวันที่ 9 มิถุนายน 2549 จะเปิดเวลา 13.00 - 21.00 น.) โดยในบริเวณงานจะประกอบไปด้วยการจัดนิทรรศการหลายเรื่องราว เกี่ยวกับพระราชประวัติของในหลวงตั้งแต่สืบราชสันตติวงศ์ เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พระคู่พระบารมี พระปฐมบรมราชโอการ อัครศาสนูปถัมภก เสด็จเยี่ยมราษฎร คนของแผ่นดิน พระอัจฉริยภาพ เทิดไว้เหนือเกล้าชาวไทย
รวมไปถึงยังมีการจัดแสดงนิทรรศการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยแบ่งเป็น 5 โซน คือ 1.ห้อง 60 ปีภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ 2.แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ 3.แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาทรัพยากรน้ำ 4.แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาทรัพยากรดิน
5.เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่
นอกจากนี้ยังมีการแสดงที่เรียกว่า มหานาฏกรรมเฉลิมพระเกียรติพระมหาชนก ที่อาคารอิมแพคอารีนา เพื่อแสดงให้ผู้สนใจเข้าชม วันละ 2 รอบ คือ 14.00 น. และ 19.00 น. ตลอดช่วงเวลางาน บัตรราคา 100 บาททุกที่นั่ง พร้อมรับเข็มกลัดที่ระลึกการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเป็นการอัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก มาจัดทำเป็นละครเพลงร่วมสมัย ประกอบด้วยนักแสดงหลายร้อยชีวิต
วันที่ 9 มิ.ย. 2549 “การจุดพลุประกอบการบรรเลงวง ORCHESTRA” จะจุดที่บริเวณทะเลสาบสวนเบญจกิตติ ในศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็น บริเวณสระน้ำของสวนเบญจกิตติ เวลา 18.00-21.00 น. ซึ่งพลุที่จะใช้จุดมีทั้งหมด 5 ชุด โดยมีความสูงระหว่าง 100-200 เมตร ซึ่งพลุส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน เป็นพลุที่มีจังหวะขึ้นลงตามเสียงดนตรี มีสีสันสดใส สว่าง สวยงาม และมีชีวิตชีวา สะบัดเส้นสายไปมาได้ อาทิ ชุด มงกุฎเงิน มงกุฎทอง ที่มีทั้งรูปดาวพระศุกร์ ดาวพระเสาร์ รูปจักรวาลต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ระหว่างการจุดพลุจะมีดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์พร้อมฉายพระบรมฉายาลักษณ์ พระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระองค์ท่านตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนถึงปัจจุบัน ผ่านจอม่านน้ำ แบ่งการแสดงออกเป็น 5 ช่วงดังนี้ ช่วงที่1 พระภูมินทร์แห่งสยาม ช่วงที่2 เถลิงราชย์ บาทบงกช ช่วงที่3 เย็นศิระเพราะพระบารมี ช่วงที่4พระบารมีจักรีเกริกฟ้า และช่วงที่5 สดุดีมหาราชารายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน
วันที่ 10 มิ.ย. 2549 “การแสดงจุดพลุกลางแม่น้ำเจ้าพระยา” ณ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้ากับสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เวลาประมาณ 20.30 น. จัดการแสดงจุดพลุกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้ากับสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เป็นพลุที่มีสีสันสวยงามตระการตา โดยได้รับการสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีหน่วยงานกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกเป็นผู้ดูแลการจุด โดยจะเริ่มจุดจากเรือท้องแบนของกรมขนส่งทางบก 4 ลำ ขนาบซ้ายขวา มองเห็นได้จากเรือว่าพลุจะมาทิศทางไหน ซึ่งจะวิ่งเข้าหากันเป็นรูปตัววี ยิงเรียบแม่น้ำเข้ามาแตกตัวบริเวณกลางลำน้ำเจ้าพระยา โดยจะจุดต่อเนื่องเป็นเวลา 15 นาที ไม่มีเว้นช่วง โดยพลุจะเปลี่ยนทุก 5 วินาที จะเริ่มจากพลุที่มีความสูงจากพื้นน้ำจนถึงท้องฟ้า 150 ม. มีระดับจังหวะที่แตกต่างกันออกไป เป็นพลุที่มีชีวิตเคลื่อนที่ไปมาได้ รวมกว่า 200 ชนิด รวม 20,000 กว่านัด ถือเป็นการจุดพลุครั้งประวัติศาสตร์ที่มีความสวยงามใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเข้าร่วมด้วยเป็นครั้งแรกในเมืองไทย
วันที่ 11 มิ.ย. 2549 “การจุดพลุ ดอกไม้ไฟที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น” ณ บริเวณกลางสนามราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง) เวลา 20.30-21.30 น. การจุดพลุนี้ ได้รับการออกแบบและผลิตเป็นพิเศษเพื่อโอกาสนี้โดยเฉพาะมีรายการแสดงต่างๆ ดังนี้ โหมโรงเชิดชูดอกไม้จากใจชาวญี่ปุ่น ทุ่งทองแห่งสวนสวรรค์ รอยยิ้มยามค่ำคืน สวนดอกไม้สีเหลืองแห่งการเฉลิมฉลอง ช่อดอกไม้มหัศจรรย์ มรกตตระการตา คาไลโดสโคปตระการตา มกุฎทองแด่องค์ราชันย์ และรายการสุดท้านฟินาเล่ (Finale) ซึ่งเป็นพลุขนาด 8, 10 และ 12 นิ้ว สูง 100-350 เมตร จำนวน 1,010 นัด ใช้เวลาจุดนานถึง 20 นาที เป็นตัวเลขไทย และอารบิค "60" บนท้องฟ้า มีสีสันสวยสดงดงาม
วันที่ 17 มิ.ย. 2549 “งานแสดงมัลติมีเดีย และพลุเฉลิมพระเกียรติ 60 ปีครองราชย์” ณ บริเวณทะเลสาบเมืองทองธานี ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เวลา 17.00-20.10 น. เป็นการแสดงพลุประกอบแสงเสียง โดยนำเสนอผ่านม่านน้ำ ขนาดกว้าง 25 ม. สูง 15 ม. ขนาดใหญ่ 3 จอ สามารถนำเสนอผ่านวิดีโอคลิปและภาพนิ่งได้ สำหรับเรื่องราวที่จัดแสดงเป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนเสด็จขึ้นครองราชย์ มาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 60ปี ในพระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อประชาชนชาวไทยและกองทัพไทย
และยังมีการแสดงคอนเสิร์ตจากวงดุริยางค์ 3 เหล่าทัพ การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินแกรมมี่ การบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ การถวายราชสักการะ และการแสดงประกอบแสงเสียง ในชุด “ดวงประทีปแห่งความหวังและความจงรักภักดี” ซึ่งการแสดงนี้มีเพียงรอบเดียวเท่านั้น และทางกองทัพไทยได้ดำเนินการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ตั้งแต่เวลา 19.00-20.10 น. โดยส่งสัญญาณ TGN ไปทั่วโลกกว่า 170 ประเทศ
วันที่ 9- 11 มิ.ย. 2549 “งานแสดงแสงสีเสียง มหานครใต้ร่มพระบารมี” บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ และโลหะปราสาท เวลา 21.00-21.45 น. เป็นการแสดงแสงเสียง เทคนิคนฤมิตรกลางแจ้ง ชุด “มหานครใต้ร่มพระบารมี” โดยจะเนรมิตให้บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ และโลหะปราสาท ให้เป็นเมืองฟ้าอมร ด้วยเทคนิคพิเศษ เลเซอร์ พลุพะเนียง จอม่านน้ำตกไฮโดรสกรีน เวทีไฮดรอลิกสูงเกือบ 10 ม.ประกอบการแสดงรอบทิศ 360 องศา เป็นครั้งแรก ณ สถานที่แห่งนี้ และนำมหรสพเก่าแก่ในการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์มาแสดง รวมทั้งเรื่องราวแห่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมา โดยเป็นการแสดงลักษณะโรงละครเปิด ผู้ชมสามารถชมได้จำนวนมาก และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยจะแสดงวันละ 1 รอบ
และนอกจากการแสดงชุดมหานครใต้ร่มพระบารมีแล้ว ยังจะจำลองถนนราชดำเนินให้เป็น “มหานครแห่งวัฒนธรรมทองและถนนดนตรี” โดยงานเริ่มตั้งแต่เวลา 18.30-20.00 น. ขับกล่อมดนตรีไทยจากเหล่านางฟ้า ตลอดถนนราชดำเนินกลาง และเวลา 20.00-20.45 น. เป็นการแสดงออเคสตราดนตรีไทยของนักเรียน กทม.หลายร้อยคนบนเวทีรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประกอบแสงและน้ำพลุดนตรี
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชมความงามของ“ซุ้มเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ตั้งแต่บริเวณถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก สนามเสือป่า และมุมถนนสวนจิตรลดา รวมทั้งสิ้น 31 ซุ้ม ซึ่งซุ้มหลักทั้งหมดจะติดตั้งบริเวณถนนราชดำเนินกลาง โดยจะเป็นซุ้มอยู่บริเวณเกาะกลางถนน ขณะที่ถนนราชดำเนินนอกจะมีลักษณะพิเศษเป็นซุ้มที่สร้างคร่อมถนนจำนวน 6 ซุ้ม ซึ่งประกอบด้วย ซุ้มมหาจักรี ซุ้มพญานาค ซุ้มมงคล 8 จำนวน 2 ซุ้ม ซุ้มพระมหาชนก และซุ้มนพรัตน์ โดยจะมีการติดตั้งซุ้มทั้งหมดจะไปสิ้นสุดบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน โดยซุ้มที่ล้อมรอบพระราชวังทั้ง 4 ด้านจะเป็นซุ้มตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งนี้ได้มีการจัดพิมพ์คู่มือชมซุ้มเฉลิมพระเกียรติสามารถขอรับได้ที่ กองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร บริเวณใต้สะพานพระปิ่นเกล้าฝั่งพระนคร สอบถามรายละเอียด โทร.0-2225-7612 ถึง 4 หรือขอรับได้ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต
วันที่ 10 – 30 มิ.ย. 2549 “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี” ที่ อาคารมนุษยนาควิทยาทาน และเขตพุทธาวาส วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เวลาการจัดงาน 09.00 น. – 17.00 น. เป็นการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยแบ่งเป็น 9 ส่วน ซึ่งจะมีทั้งพระราชประวัติ ประมวลภาพพระราชกรณียกิจ โครงการพระราชดำริ และในหลวงกับการทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขณะทรงผนวช รวมทั้งจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารของในหลวงขณะทรงผนวช ฯลฯ และเฉพาะวันที่ 10-11 มิ.ย. 2549 มีการจัดกิจกรรม ตลาดยอนยุค จัดแสดงโดยการทองเที่ยวแหงประเทศไทย บริเวณเขตพุทธาวาส ตั้งแต่ 09.00-17.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์ www.sangharaja.org