ยิ่งใกล้วันระเบิดแข้งฟุตบอลโลกครั้งที่ 18 (World Cup 2006) ที่เยอรมนี นับวันกระแสบอลโลกฟีเวอร์ก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงมากขึ้น
สำหรับเมืองไทยเรานี้แสนดีหนักหนา แม้ทีมชาติไทยจะไม่ได้ไปเตะฟุตบอลโลก แต่คนไทยก็โชคดีที่จะได้ชมฟุตบอลโลกทุกคู่ ทุกแมตช์ ฟรี!!! ซึ่งในโลกนี้คงมีกี่ประเทศที่ทำเช่นนี้ได้ ใครที่ตั้งหน้าตั้งตารอมา 4 ปี ช่วงนี้ก็ควรฟิตซ้อมร่างกาย พักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อเก็บแรงไว้รอชมมหกรรมแห่งมนุษยชาติที่จะระเบิดแข้งกันในวันที่ 9 มิ.ย. นี้
หันมาดูที่เมืองที่ใช้แข่งขุนฟุตบอลโลกกันบ้าง คราวนี้เยอรมนีเจ้าภาพส่ง 12 เมืองเข้าร่วมศึกโม่แข้ง ซึ่งในตอนแรกเราได้นำเสนอ 3 เมืองที่น่าสนใจไป นั่นก็คือ มิวนิค(เมืองเปิดบอลโลก) โคโลญจน์ แฟรงค์เฟิร์ต
มาในตอนนี้จะมีเมืองไหนที่น่าไปเที่ยวกันบ้าง ขอเชิญทัศนากันได้
ฮัมบูร์ก เมืองท่าอันดับหนึ่ง
ฮัมบูร์ก(Hamburg) เมืองท่าใหญ่อันดับ 3 ของโลกและใหญ่ที่สุดในเยอรมนี เมืองนี้คือเมืองแห่งชีวิตชีวาและสีสันของสายน้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมเมืองไปตามลำคลองหลายสาย ในขณะที่สีสันการขนส่งสินค้าของท่าเรือเมืองนี้ก็นับเป็นหนึ่งในไฮไลท์ทางการท่องเที่ยวที่คนนิยมมาเที่ยวกันไม่น้อย โดยเฉพาะที่ย่านท่าเรือ เซนต์ เปลาลีลานด์อุงส์บรึคเค่น (ST Pauli Landungsbrücken) ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีเรือน้อยใหญ่แวะเวียนเข้าเทียบท่าอย่างต่อเนื่อง
ส่วนสิ่งที่ยืนยันความเป็นเมืองท่าอันดับ 1 แห่งเยอรมนีได้เป็นอย่างดีก็คือ สไปเค่อร์ชตัดท์ (Speicherstadt) ที่เป็นอาคารเก็บสินค้าใหญ่ที่สุดในโลก มีลักษณะเป็นอาคารอิฐสไตล์นีโอโกธิค ที่มีความพิเศษตรงที่สามารถเก็บรักษาสินค้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ก็ยังมี สะพานคืทล์บรานด์ (Köhlbrandbrücke) เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์แห่งสายน้ำที่ดูโดดเด่นมีเสน่ห์ทอดยาวข้ามแม่น้ำเอลเบ้อ สะพานแห่งนี้รองรับการจราจรอันคับคั่งของถนนออโต้บาร์น ที่วงดนตรีป๊อบแจ๊ซบ้านเรานำมาใช้เป็นชื่อวง ส่วนใต้สะพานก็เต็มไปด้วยสีสันของเรือมากมายหลายหลากชนิดที่แล่นลอดไปมา
จากแม่น้ำขึ้นบกมาชมเมืองกันบ้าง ฮัมบูร์กมีศาลากลางจังหวัด (สร้าง 1886-87)ในย่านจัตุรัสกลางเมืองที่ภายนอกดูโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ มีหอคอยสูงตระหง่าน ส่วนรูปปั้นและลวดลายตกประดับนั้นก็ดูละเมียดละไมน่ามอง
ใกล้ๆกับศาลากลางจังหวัดมี ทะเลสาบบินเน็นอัลสเตอร์ เป็นจุดพักผ่อนสำคัญ โดยมีอัลส์เตอร์อาเขต เป็นที่เหมาะสำหรับนั่งชมวิวจิบเบียร์เย็นๆ หรือไม่ก็เลือกช้อปสินค้าที่ระลึกได้รอบๆทะเลสาบแห่งนี้ หรือจะออกล่องเรือชมเมืองก็สามารถไปเริ่มต้นได้ที่อัลสเตอร์พาวิลเลี่ยน
ฮัมบูร์กมีโบสถ์ที่ชาวเมืองเรียกขานกันว่า “มิเชล” (Michel) เป็นหนึ่งในในสัญลักษณ์ของเมือง โบสถ์หลังนี้ดูโดดเด่นในสไตล์บาร็อค ซึ่งถึงแม้ว่าจะเคยถูกทำลายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ตลอด ส่วนโบสถ์ที่ไม่ควรพลาดการแวะชมก็คือโบสถ์เซนต์จาค็อบ(สร้าง 1340) ที่มีออร์แกนล้ำค่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 และแท่นบูชาลูคัสเก่าแก่(1499)เป็นสิ่งดึงดูด
และหากใครชอบเดินรับลมชมเมือง ตั้งแต่สถานีรถไฟหลักไปจนถึงใจกลางเมืองเต็มไปด้วยตึกรามบ้านเรือนอันน่ายลของฮัมบูร์กที่เหมาะแก่การเดินทอดน่องชมเมืองยิ่งนัก
ไลป์ซิก ปารีสน้อยแห่งเมืองเบียร์
“โยฮันน์ วูล์ฟกัง วัน เกอเธ่”นักประพันธ์นามอุโฆษชาวเยอรมันได้เคยยกย่องเมืองไลป์ซิกว่าเป็น“ปารีสน้อย” เนื่องจากเป็นเมืองที่สวยงาม และเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมของยุโรปสมัยกลาง
นอกจากนี้ไลป์ซิกยังเป็นเมืองที่โด่งดังด้านอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ของเยอรมนี ตั้งแต่ ค.ศ. 1481 และได้ผูกขาดความเป็นเมืองด้านสิ่งพิมพ์เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 19 ในปี ค.ศ. 1842 อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ที่เมืองนี้เฟื่องฟูมาก โดยใครจะสั่ง จะส่ง หรือจะจำหน่ายสิ่งพิมพ์ต่างๆจะต้องมาผ่านที่เมืองไลป์ซิกก่อน
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆในเมืองไลป์ซิกก็มี โบสถ์เซนต์นิโคลัส ในสไตล์โรมานนีสต์ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 ภายในตกแต่งสไตล์โกธิคที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ส่วนฝั่งตรงข้ามโบสถ์เป็นโรงเรียนที่เก่าแก่ที่สุดในไลป์ซิก นั่นก็คือโรงเรียนนิโคไลเก่า ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1512 ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โบราณ
ส่วนโบสถ์ที่น่าสนใจอีกหลังหนึ่งก็คือ โบสถ์เซนต์โธมัส (สร้างปี 1212) โบสถ์หลังนี้เปรียบเสมือนบ้านของ วงเดอะโธมานเนอร์ ซึ่งเป็นคณะนักร้องประสานเสียงที่ดีที่สุดในโลกคณะหนึ่ง เดอะโธมานเนอร์ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อราว 200 ปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นจากนักร้อง(เด็ก)ชาย 12 คน ก่อนจะพัฒนาวงขึ้นตามลำดับและโด่งดังมากในปี 1723 ที่ โยฮัน เซบาสเตียน บาค คีตกวีเอกของโลกมาทำหน้าที่ควบคุมวงและเป็นนักออร์แกน
อีกจุดน่าสนใจในไลป์ซิก ย่านจตุรัสตลาด ที่โดดเด่นด้วยศาลากลางจังหวัดหลังเก่าสมัยเรอเนอซองส์ ส่วนด้านหลังศาลากลางเป็นตลาดนาช ในอาคารสไตล์บาร็อคที่มากไปด้วยสินค้าอิตาเลียนและดัชท์ นับเป็นย่านที่เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคักของเมืองนี้
สตุ๊ดการ์ท เมืองแห่งลีมูซีน
สตุ๊ดการ์ท เมืองหลวงเก่าแห่งแคว้นวอร์ตเทมแบร์ก และเป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญของเยอรมนี เพราะเป็นที่ตั้งของบริษัทรถยนต์เมอร์ซีเดสอันโด่งดัง ซึ่งก็ทำให้สตุ๊ดการ์ทได้รับสมญาว่าเป็น เมืองแห่งลีมูซีน
ร่องรอยของเมืองหลวงเก่าลัความร่ำรวยของสตุ๊ดการ์ทมีให้เห็นในปราสาทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปราสาทเก่าสมัยศตวรรษที่ 16 บนลานซิลเล่อร์ และปราสาทใหม่ที่อยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกระทรวงวัฒนธรรม
ไม่ไกลจากปราสาทหลังใหม่เป็นโรงละครประจำรัฐ ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นหอศิลป์ประจำรัฐ ที่เป็นแหล่งรวบรวมงานศิลปะชั้นนำแห่งเยอรมนีตอนใต้ไว้
และสิ่งที่ถือเป็นดังไฮไลท์ของคนรักรถในเมืองลีมูซีนแห่งนี้ ก็คือ พิพิธภัณฑ์เดมเลอร์ เบ็นซ์ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำเนคการ์ในเขตบาด ที่นี่เมื่อปี ค.ศ. 1886 คานชตัท ก็อธฟรี้ด เด็มเล่อร์ ได้สาธิตการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันขับเคลื่อนเป็นคันแรกของโลกที่สร้างความฮือฮามาแล้ว ซึ่งก็ทำให้ในทุกๆปีช่วงฤดูใบไม้ร่วง สตุ๊ดการ์ท ได้มีการจัดงาน“คานชตัทเทอร์ วาเซ่น” ขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนกับงานอ๊อคโทเบอร์เฟสต์อันขึ้นชื่อของชาวมิวนิค
สำหรับเมืองอื่นๆที่ใช้แข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ที่เหลืออีก 6 เมืองนั้นจะมีความน่าสนใจอย่างไร โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงเบอร์ลินที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมากมายไปด้วยศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่นและแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รวมถึงเป็นเมืองปิดฟุตบอลโลกในครั้งนี้(นัดชิง) ซึ่งใครจะคว้าแชมป์ไปครองนั้นคอบอลไม่ควรพลาดการลุ้นแชมป์ฟุตบอลโลกด้วยประการทั้งปวง...(อ่านต่อตอนหน้า)
***************************************************
***************************************************
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เป็นประเทศหนึ่งในบรรดาประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก และเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป มีเมืองหลวงคือกรุงเบอร์ลิน ใช้เงินสกุลยูโร จากเมืองไทยมีสายการบินลุฟท์ฮันซ่าบินสู่เยอรมนี
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมนีได้แบ่งเป็นสองส่วน เป็นเยอรมนีตะวันตก และ เยอรมนีตะวันออก ก่อนจะกลับมารวมประเทศกันอีกครั้งในวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1990
เยอรมนีเคยเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกมาแล้วหนึ่งเมื่อปี 1974 ส่วนในปี 2006 นี้ เยอรมนีมีเมืองที่ใช้แข่งขันฟุตบอลโลกทั้งหมด 12 เมือง คือ 1.ฮัมบูร์ก 2.ฮันโนเวอร์ 3.เบอร์ลิน 4.เกลเซ่นเคียร์เช่น 5.ดอร์ทมุน 6.ไลป์ซิก 7.โคโลญจน์ 8.แฟร้งค์เฟิร์ต 9.ไกเซอร์สเลาเทิร์น 10.เนิร์นแบร์ก 11.สตุ๊ดการ์ท 12.มิวนิค


