เนื่องด้วยภาระหน้าที่การงานทำให้วิถีชีวิตของ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ห่างเหินจากวัดไปพอสมควร ครั้นพอมีโอกาสเราจึงเลือกเฟ้นหาจังหวัดใกล้กรุงฯทัวร์ธรรมะ เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และเพื่อเป็นการพักผ่อนจิตใจที่เหนื่อยล้าไปในตัว
สำหรับจังหวัดที่เราโฟกัสไปในทริปนี้ คือ สระบุรี จังหวัดที่มีร่องรอยของพระพุทธเจ้าให้เราได้กราบไหว้อยู่ในหลายจุด ว่าแล้วก็อย่ามัวรีรอ ออกเดินทางไปกราบรอยพระพุทธเจ้ากันเลยดีกว่า
สักการะพระพุทธบาทลือนาม
จุดแรกเราประเดิมทริปทัวร์ธรรมะกันที่ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ที่มีรอยพระพุทธบาทเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่โด่งดังก้องฟ้าเมืองไทย
ตามตำนานบันทึกไว้ว่า รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ.2153-2171) ที่ในปัจจุบันรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ในพระมณฑปบนเนินเขา ซึ่งดูโดดเด่นไปด้วยมณฑปทรงปราสาทสมส่วนสวยงาม มีบันไดขึ้น 3 ทาง คือ ด้านบันไดประตูยักษ์ บันไดพิกุล และบันไดทางตะวันตกคือบันไดนาค ซึ่งเป็นด้านที่สวยงามและคลาสสิคที่สุดด้วยพญานาค 7 เศียร 3 สาย(ตัว)บนราวสะพาน ที่ลำตัวเลื้อยยาวออกมาจากระเบียงมณฑปด้านบน
และเมื่อเราเข้าไปในมณฑป บรรยากาศอันขรึมขลังกรุ่นกลิ่นบุญก็จับหมับเข้าที่กลางดวงใจกับ รอยพระพุทธบาท มีลักษณะเป็นหลุมลึกคล้ายรอยเท้าคน กว้าง 21 นิ้ว ยาว 5 ฟุต ลึก 11นิ้ว
รอยพระพุทธบาทแห่งนี้เชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย ที่หากสังเกตจะพบว่ารอบรอยพุทธบาทนั้นมีพุทธศาสนิกชนมาปิดทองกันเหลืองอร่ามไปทั่ว ซึ่งถือเป็นดัชนีชี้วัดแรงศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันว่าหากใครได้มีโอกาสไปสักการะรอยพระพุทธบาทครบ 7 ครั้ง ผลบุญจะส่งให้ขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทีเดียว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ที่วัดพระพุทธบาทมี "เตี๊ยบ" หรือพาสสปอร์ตสู่สวรรค์ขาย
ไม่เพียงแค่รอยพระพุทธบาท ที่วัดแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระพุทธบาท ซึ่งเป็นที่เก็บรวบรวมศิลปวัตถุอันมีค่ายิ่ง อาทิ เช่น เครื่องทรงของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองสำริดโบราณ ศาสตราวุธโบราณ รอยพระพุทธบาทจำลอง ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่า พัดยศของพระสมัยต่างๆ และท่อประปาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รวมถึงข้าวของเครื่องใช้อื่นๆให้ผู้สนใจได้ชมกัน
ส่วนในโบสถ์หลังเล็กใกล้ๆทางออกก็มีช้างเสี่ยงทาย ให้ผู้ที่สนใจไปตั้งจิตอธิษฐานยกช้างกัน โดยถ้าเป็นผู้หญิงให้ใช้นิ้วกลางข้างขวายก ส่วนผู้ชายใช้นิ้วก้อยข้างซ้ายเกี่ยวตะขอกลางตัวช้างขึ้น ใครที่ยกขึ้นว่ากันว่าจะสมมารถปรารถนาตามที่ตั้งจิตอธิษฐาน
เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร ไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือ เรายกช้างเสี่ยงทายขึ้น ซึ่งนั่นก็ถือเป็นฤกษ์ดีในการเปิดทริปทัวร์ธรรมะครั้งนี้ ก่อนที่เราจะจรลีต่อไปกันที่ วัดพระพุทธฉาย เพื่อชมและสักการะร่องรอยมหัศจรรย์บนชะง่อนผาในวัดแห่งนี้
สักการะเงาพระพุทธเจ้า
วัดพระพุทธฉาย มีความโดดเด่นตรงที่วัดแห่งนี้มี "รอยพระพุทธฉาย" ซึ่งสันนิษฐานว่านี่คือเงาของพระพุทธเจ้า รอยแห่งนี้มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปยืนอยู่บนชะง่อนผา มีเส้นเงาสีแดง สูงประมาณ 5 เมตร สันนิษฐานว่ารอยนี้ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยา โดยหลังจากนั้นพระองค์ได้โปรดให้สร้างวัดพระพุทธฉายขึ้น ราวพ.ศ.2163 – 2171
สำหรับตำนานของพระพุทธฉาย มีเรื่องเล่าว่า ครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาที่เขาฆาฏกะ (เขาพระพุทธฉาย) เพื่อโปรดนายพรานฆาฏกะจนสำเร็จพระอรหันต์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จกลับ พระฆาฏกะได้ทูลขอให้ประทานสิ่งที่เป็นอนุสรณ์ เพื่อสักการะกราบไหว้ พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ให้เงาของพระองค์ติดอยู่ในเนื้อหิน ที่เงื้อมเขาพระพุทธฉายบรรพต จึงทำให้เกิดเงาพระพุทธเจ้าปรากฏให้เห็นมาจนทุกวันนี้
"ผู้จัดการท่องเที่ยว" หลังจากสักการะรอยพระพุทธฉายแล้ว ก็เดินต่อไปยังลานชมวิวบนยอดเขาที่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่ริมหน้าผา ซึ่งเมื่อมองลงไปจะเห็นทิวทัศน์รอบข้างได้เป็นอย่างดี
นอกจากรอยพระพุทธฉายแล้ว วัดนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอย่าง ภาพเขียนลายเส้นยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บริเวณเชิงผา ที่มีทั้ง ภาพ(คล้าย)กวาง ภาพมือคน ภาพไก่ ภาพพระพุทธรูป และที่กำลังมาแรงก็เห็นจะเป็น รอยพระพุทธบาทที่เชื่อว่าเป็นรอยเบื้องขวา ที่ค้นพบโดยบังเอิญเมื่อประมาณ ปีพ.ศ. 2537 ขณะที่กรมศิลปากรบูรณะซ่อมแซมพระมณฑป
รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา รอยนี้มีรอยธรรมจักรอยู่ตรงกลาง ซึ่งถูกต้องตามลักษณะทุกประการ ทางวัดจึงได้เก็บรักษารอยพระพุทธบาทไว้ด้วยการสร้างกระจกครอบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลงรักปิดทอง เพราะต้องการรักษารอยพระพุทธบาทไว้ให้คงสภาพเดิมมากที่สุด
สักการะภาพพระพุทธเจ้าแสดงธรรม
หลังสักการะ เงาพระพุทธเจ้าและรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ที่วัดพระพุทธฉายแล้ว เราก็ออกตามรอยพระพุทธเจ้าข้ามอำเภอต่อไปยัง วัดถ้ำพระโพธิสัตว์ เพื่อสักการะและรับชมความน่าสนใจของถ้ำพระโพธิสัตว์ ถ้ำเก่าแก่อายุประมาณ 1,600 ปี
ถ้ำพระโพธิสัตว์ หรือ ถ้ำพระงาม หรือถ้ำเขาน้ำพุ มีอายุประมาณ 1600 ปีมาแล้ว สันนิษฐานว่าน่าจะเคยเป็นที่จำศีลภาวนาของนักบวชและฤๅษี เนื่องภายในถ้ำโอ่โถงพอสมควร นอกจากนี้บริเวณที่เชิงเขาตรงหน้าถ้ำนั้นยังมีธารน้ำตกเหมาะกับการตั้งหลักแหล่งพำนักอาศัยของบรรดานักบวชหรือชุมชน
เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำพระโพธิสัตว์ที่เป็นถ้ำหินอ่อน ก็จะพบกับภาพสลักนูนต่ำศิลปกรรมสมัยทวารวดีรูปพระพุทธเจ้ากำลังแสดงธรรม ซึ่งสันนิษฐานว่าจะเป็นภาพตอนที่บรรดาเทพเจ้าเข้าเฝ้าทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อโปรดสรรพสัตว์ในโลกและเมื่อทรงแสดงธรรมก็มีเทพเข้า มนุษย์ อสูร คนธรรพ์ มาเฝ้าเพื่อสดับธรรม
สำหรับสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆภายน้ำพระโพธิสัตว์ก็มี ภาพเทพเจ้าในศาสนาฮินดู เจดีย์ทรงลังกาปิดทองกลางคูหาถ้ำ รวมถึง หินงอก หินย้อยที่น่ามอง ด้วยรูปร่างต่างๆ อาทิ ช้าง สิงโต เต่า หัวจระเข้ ลิ้นพญามัจจุราช และเพชรน้ำหยดหินที่มีลักษณะคล้ายหินปะการัง โดยเฉพาะยามที่ต้องแสงไฟจะเป็นประกายวาววับน่ามองยิ่งนัก
ออกจากถ้ำ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เดินกลับลงไปตามทางเดินที่รายรอบด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ดู ก่อนจะไปแวะพักยังต้นน้ำตก จปร. ที่ก้อนหินที่รัชกาลที่ 5 ทรงสลักพระนามไว้ ความร่มรื่นของแมกไม้และความชุ่มฉ่ำของสายน้ำทำให้เราอดไม่ได้ที่จะนั่งวักน้ำล้างหน้าตาเนื้อตัวให้สดชื่นกระปรี้กระเปล่า ก่อนอำลาจากเมืองสระบุรี เมืองที่หลายๆคนมักพูดแซวเล่นๆว่า เมือง "เนื้อนุ่ม นมดี กระหรี่(ปั๊บ)ดัง" ที่ชื่อฟังออกไปในแนวโลกีย์ แต่สำหรับเราแล้ว สระบุรี คือหนึ่งในเมืองที่น่าท่องเที่ยวเชิงธรรมะเป็นอย่างยิ่ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
วัดพระพุทธบาท ตั้งอยู่ที่ ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จากตัวจังหวัดมุ่งหน้าตรงไปทางจังหวัดลพบุรี ประมาณ 28 กม. จะมีทางเลี้ยวซ้ายเข้าวัดพระพุทธบาทก่อนถึงตัวอำเภอ เข้าไปประมาณ 1 กม. ก็จะพบกับวัดพระพุทธบาท ในวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 15 ค่ำ เดือน 3 รวม 15 วัน และวันขึ้น 8 ค่ำ ถึง 15 ค่ำ เดือน 4 รวม 8 วัน ของทุกๆ ปี ที่วัดพระพุทธบาท จะจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทขึ้น ส่วนในวันเข้าพรรษาของทุกๆปีที่วัดแห่งนี้จะมีการ“ตักบาตรดอกไม้” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเพณีอันโด่งดังของสระบุรี
วัดพระพุทธฉาย วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่ ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จากตัวจังหวัดไปทางเดียวกับอุทยานแห่งชาติพระพุทธฉาย เป็นถนนแยกจากถนนพหลโยธิน ตรงกิโลเมตรที่ 102 (หมู่บ้านโคกหินแร่ ตำบลหนองยาว) เข้าไป 5 กม. (ระยะทางตามถนนจากตัวเมืองสระบุรี ลงทางใต้ 6 กม. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป 5 กม.)
วัดถ้ำพระโพธิสัตว์ ตั้งอยู่ที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จากจังหวัดไปตามทางหลวงหมายเลข 2 เส้นไป จ.นครราชสีมา(ถนนมิตรภาพ) ประมาณ 15 กม. จะมีป้ายบอกชื่อวัดอยู่ทางขวามือ ให้เลี้ยวขวาไปตามทางลาดยางประมาณ 2 กม. จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางลูกรังอีกประมาณ 9 กม. ผ่าน" สำนักสงฆ์เจ้านาคราช" ก่อนจะไปสุดทางที่"วัดถ้ำพระโพธิสัตว์ "
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท. ภาคกลาง เขต 7 โทร. 0-3642-2768-9
ที่พัก ร้านอาหาร
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
"แก่งภูเกาะ"จ.สระบุรี ร้อนนี้ไม่มีแล้งน้ำ
“ตักบาตรดอกไม้”อันซีนประเพณีไทยที่สระบุรี
ตามรอยพระพุทธบาท ที่จ.สระบุรี
สระบุรี…เมืองนี้มิใช่แค่ทางผ่าน