"แก่งภูเกาะ"จ.สระบุรี ร้อนนี้ไม่มีแล้งน้ำ

หน้าร้อน คนส่วนใหญ่มักจะหนีร้อนไปเที่ยวทะเล สัมผัสบรรยากาศ หาดทราย สายลม สองเรา(และมันซึ่งเป็นเป็นมือที่สามสำหรับบางคู่)

ในขณะที่หลายๆคนก็เลือกไปสัมผัสความชุ่มฉ่ำของน้ำตก แต่ประทานโทษน้ำตกหลายๆแห่งน้ำแห้งขอด เพราะฉะนั้นใครที่จะไปเที่ยวน้ำตกควรสอบถามสภาพของน้ำก่อน

ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนว่าการหนีร้อนไปพึ่งเย็นเที่ยวสัมผัสความชุ่มฉ่ำของสายน้ำ ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในทางเลือกของการเที่ยวช่วงหน้าร้อนที่คนส่วนใหญ่นิยมทำกัน

แต่หากว่าถ้าพูดถึงการเที่ยวแบบหนีร้อนไปพึ่งน้ำด้วยการไป"ล่องแก่ง"ตะลุยสายน้ำในช่วงหน้าร้อนแล้วละก้อ หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า "ผู้จัดการท่องเที่ยว"เพี้ยนหรือเปล่าที่จะไปล่องแก่งในช่วงนี้ เพราะตามพื้นที่ล่องแก่งต่างๆมีน้ำไหลกันกระปิดกระปรอย บางแห่งถึงกับร้อนแล้งแดงเพลิงดูแทบไม่ต่างจากที่ดอนแต่อย่างใด

แต่ช้าก่อน มิตรรักนักเที่ยวทั้งหลาย หากสอดส่ายหาสายน้ำเพื่อไปผจญแก่ง สัมผัสความเร้าใจของสายน้ำในช่วงหน้าร้อนนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยเสียทีเดียว อย่างกับที่"แก่งภูเกาะ" จ.สระบุรีนี่ ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่ไม่ว่าหน้าเหลี่ยม เอ้ย!!! ไม่ใช่ หน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาว นักท่องเที่ยวต่างก็สามารถไปท่องเที่ยวล่องแก่งกันได้อย่างไม่เคอะเขิน

แก่งภูเกาะ ตั้งอยู่ในอำเภอมวกเหล็ก นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวผจญภัยทางสายน้ำแห่งใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบ ส่วนอำเภอมวกเหล็กนั้นมีชื่อมานานแล้ว ในเรื่องของสภาพภูมิประเทศที่แวดล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติอันร่มรื่น มีอากาศเย็นสบาย

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของมวกเหล็กอำเภอนี้ก็คือ อำเภอนี้เต็มไปด้วยไร่ สวน ไร่องุ่น และมีฟาร์มอยู่ทั่วไปทั้งฟาร์มม้า และฟาร์มโคนม จนหลายๆคนยกให้มวกเหล็กเป็นหนึ่งในเมืองโคบาลของเมืองไทย

นอกจากนี้มวกเหล็กยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง อุโมงค์ต้นไม้ น้ำตกมวกเหล็ก น้ำตกดงพญาเย็น และน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ที่สายน้ำจากน้ำตกแห่งนี้ได้ไหลไปก่อกำเนิดเป็นแก่งภูเกาะขึ้น

ทรงศักดิ์ ศรีเคลือบ แห่งฟูจิทัวร์หนึ่งในผู้บุกเบิกกิจกรรมล่องแก่งที่นี่ บอกกับ "ผู้จัดการท่องเที่ยว"ว่าเหตุที่ชาวบ้านเรียกพื้นที่แถบบริเวณล่องแก่งว่า"แก่งภูเกาะ" เป็นเพราะแถบนี้มากไปด้วยภูเขาที่เกาะเกี่ยวกันเป็นเสมือนดังภู(เขา)เกาะ(เกี่ยวกัน)

เราฟังแล้วก็รู้สึกว่าชาวบ้านแถบนี้ช่างคิดดีจริง ส่วนบรรยากาศการผจญแก่งภูเกาะจะสนุกแค่ไหนเห็นทีจะต้องออกไปตะลุยกันเสียแล้วสิ

สำหรับจุดเริ่มต้นลงล่องแก่งภูเกาะนั้นอยู่ที่"แก่งท่าข้าม" ซึ่งเมื่อคนพร้อม เรือพร้อม อุปกรณ์พร้อม และที่สำคัญก็คือใจพร้อม "ผู้จัดการท่องเที่ยว" กับเพื่อนๆก็โดดลงเรือและจับพายขึ้นมาซักซ้อมการพายเรือคยัคที่เหนือแก่งท่าข้ามกันในทันที

งานนี้ เราไม่ได้พายคยัคคนเดียวโดดๆ แต่ว่ามีเพื่อนสาวในทริปมานั่งพายอยู่ที่หัวเรือ และนั่นก็คือภารกิจที่ 2 เราที่ร่วมลงเรือลำเดียวกันต้องประคองเรือไปให้ตลอดลอดฝั่ง งานนี้จะออกหมู่หรือจ่าคงได้รู้กันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

เรือคยัคค่อยๆเอื่อยๆ ไปตั้งลำกลางลำน้ำนิ่งที่ไหลไม่รู้ว่าลึกหรือเปล่า ให้เรา 2 คนบนเรือนั่งพายไปเบาๆเรียกน้ำย่อย ก่อนสายน้ำจะทักทายเราด้วย แก่งปราบเซียน(เพราะเซียนมักประมาทมาคว่ำที่แก่งนี้ประจำ) ที่เป็นสายน้ำต่างระดับสูงประมาณ 1 เมตร ที่พอเรือเข้าใกล้แก่งมันก็จะไหลไปตามสายน้ำที่เชียงแรงโดยอัตโนมัติ งานนี้เราต้องพยายามประคองให้เรือแล่นไปตามร่องน้ำให้ถูกร่อง ซึ่งก็ได้ผลเรือไม่คว่ำแต่ความต่างระดับก็ทำให้เราก้นกระเด้งกระดอนกันพอสมควร

พ้นจากแก่งปราบเซียนไปสายน้ำไหลเอื่อย ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสดีในการนั่งเรือชมทิวทัศน์รอบข้างที่ร่มรื่นเขียวครึ้ม ส่วนใครที่ล่องเรือไปคนเดียว(ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเพราะหากเป็นผู้หญิงจะมีสตาฟฟ์คอยช่วยพายเรือเป็นเพื่อน) แม้อาจจะเหงาใจบ้างแต่ก็ไม่เหงาหู เพราะมีทั้งเสียงของสายน้ำ สายลมและเสียงของนกร้องขับขานเป็นเพื่อนดังเป็นระยะๆอยู่ทั่วไป

ส่วนมุมมองทางสายตานั้นก็ไม่เหงาเช่นกัน เพราะต้นไม้หลายๆต้นแถบนี้มีลักษณะกิ่งก้านที่ค่อนข้างแปลก ส่วนบางช่วงก็อาจจะเจอชาวบ้านลงแหวกว่ายหาปลาในสายน้ำ และถ้าใครโชคดีบางที่อาจได้เจอกิ้งก่าตัวเบ้อเริ่มสีสันสวยงาม(ชาวบ้านที่นี่เรียกว่าตัวกะทั่ง)เกาะอยู่ตามต้นไม้ริม 2 ฟากฝั่ง

บรรยากาศเหล่านี้ถือการสลับอารมณ์ของการผจญสายน้ำอันดุดัน ตลอดเส้นทางของการล่องลำน้ำมีแก่งในระดับ 1-3 จำนวน 13 แก่ง โดยมีแก่งเด่นๆอย่าง แก่งภูเกาะ ที่มีสายน้ำคดเลี้ยวให้ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงบังคับเรือล่องผ่าน หรือแก่งสไลเดอร์ที่มีลักษณะเป็นแก่งหลายแก่งลดระดับกันไป นอกจากนี้ก็ยังมี แก่งหมาเห่า แก่งกะทั่ง แก่งขวาง แก่งต้นไทรที่ต้องใช้ออกแรงพายงัดบังคับเรือเช่นกัน

เรียกได้ว่าในการล่องแก่งครั้งมีทั้งบรรยากาศอันน่าตื่นเต้นเร้าใจของสายน้ำให้สัมผัส สลับกับบรรยากาศอันเนิบนาบเบาสบายสายน้ำและทิวทัศน์รอบข้าง โดยเฉพาะช่วงที่เรือล่องผ่านกลุ่มต้นไม้ใหญ่ใน 2 ฟากฝั่งโน้มกิ่งก้านแผ่สยายเข้าหากันดูร่มครึ้ม ประหนึ่งดังอุโมงค์ต้นไม้(ที่เป็นหนึ่งในจุดน่าสนใจของมวกเหล็ก)ท่ามกลางสายน้ำที่ระยิบพริบพรายยามต้องประกายกับแสงแดด ดูแล้วช่างเป็นโรแมนติกกระไรปานนั้น

แต่ก็อย่างว่าไม่งานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา เมื่อเรือแล่นมาถึงยังแก่งสุดท้าย นั่นก็คือแก่งวัดใจ ที่มีความต่างระดับของแก่งถึง 3 เมตรทีเดียว

จะว่าไปแล้วแก่งวัดใจมันก็คือน้ำตกเล็กๆดีๆนี่เอง ซึ่งก่อนที่เรือจะถึงแก่งสายน้ำได้ทวีความดุดันมากขึ้นก่อนที่จะดึงเรือคยัคให้ไหลไปตามล่องน้ำที่เชี่ยวกรากฟองขาวฟูฟ่อง

น้ำไหลแรง เรือแล่นเร็ว ก่อนที่ค่อยๆเหินทะยานฝ่าสายน้ำลงมา น้องที่นั่งเป็นแม่ย่านาง เอ้ย!!! นั่งบนหัวเรือกรี๊ดสนั่น ส่วน "ผู้จัดการท่องเที่ยว"ชูพายขวางเพื่อให้ทางสตาฟฟ์ถ่ายรูป(แบบว่ากะเท่เต็มที่) พร้อมกับเตรียมไปฟุ้งว่า เราสามารถฝ่าแก่งนี้ไปได้อย่างสะดวกโยธิน แต่อนิจจาพอเรือเหินบินลงมา ความรุนแรงของสายน้ำได้เหวี่ยงเรือไปกระทบกับโขดหินใต้น้ำ เรือเอียงกระเทเร่และพลิกคว่ำหงายแก๋งในชั่วอึดใจต่อมา ทำให้ผมและสาวเจ้าต่างพร้อมใจกันตกน้ำอย่างพร้อมเพรียงกันแบบต่างคนต่างไป

เรียกว่าทริปนี้มาเสียฟอร์มเอาตอนจบ นี่ล่ะหนาแก่งวัดใจ ที่หากใครไปล่องแก่งภูเกาะแล้วไม่ลงแก่งวัดใจก็ถือว่าน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่แก่งวัดใจถึงแม้สายน้ำจะเชี่ยวแรงออกแนวน้ำตกเล็กๆ แต่ว่าหากล่องเรือผ่านแล้วก็จะเกิดความภูมิใจเล็กๆตามมาด้วย แต่หากเรือพลิกคว่ำก็น่าจะเกิดการภูมิใจเล็กๆตามมาอีกเช่นกัน เพราะนั่นแสดงถึงความกล้าในจิตใจของเราที่กล้าสู้ต่ออุปสรรคที่พบเจอ ซึ่งหากใครอุปกรณ์ป้องกันแล้วก็จะไม่มีอันตรายใดๆ มีเพียงแค่กินน้ำไปคน 2-3 อึกเท่านั้นเอง

สำหรับหน้าร้อนนี้ หรือหน้าร้อนหน้า หรือหน้าไหนๆก็ตาม แก่งภูเกาะถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ชื่นชอบในรูปแบบการท่องเที่ยวผจญภัยเบาๆเคล้าสายน้ำและธรรมชาติอันรื่นรมย์ และนี่ก็คือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของธรรมชาติ ที่"ผู้จัดการท่องเที่ยว"ขอคารวะโดยดุษฎี

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

แก่งภูเกาะ ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก สำหรับจุดเริ่มต้นล่องหรือแก่งท่าข้าม อยู่ห่างจากน้ำตกเจ็ดสาวน้อยประมาณ 8 กม. ส่วนจุดสิ้นสุดของการล่องแก่งจะอยู่ใกล้ๆกับไร่บุญรอด ราคาค่าล่องแก่งอยู่ที่ 390 บาท/คน ใช้เวลา 1.5-2 ชม. ระยะทางประมาณ 8 กม. ซึ่งนอกจากการล่องแก่งแล้วในพื้นที่นี้ยังมีกิจกรรม ขับรถ ATV ขี่เสือภูเขาโดยในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะมีการทำที่พักแบบฟาร์มสเตย์ขึ้นในพื้นที่แถบนี้

ผู้สนใจข้อมูลล่องแก่งภูเกาะติดต่อได้ที่ ฟูจิทัวร์ 0-2918-6067 – 8 หรือที่ สโมสรนักเดินทาง 0-1191-4938

ที่พัก                ร้านอาหาร

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

“ตักบาตรดอกไม้”อันซีนประเพณีไทยที่สระบุรี
ตามรอยพระพุทธบาท ที่จ.สระบุรี
สระบุรี…เมืองนี้มิใช่แค่ทางผ่าน