xs
xsm
sm
md
lg

หมูกระทะนักมวย เส้นทาง“รวย”นอกสังเวียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : รสพร จิรประณีต

ในอดีต...

นักมวยส่วนใหญ่หลังแขวนนวมอำลาผืนผ้าใบ ชะตาชีวิตมักไม่แตกต่างอะไรจากหมาล่าเนื้อที่ถูกทอดทิ้งโดดเดี่ยวไร้คนเหลียวแล งาน เงิน แทบไม่มีย่างกรายมาให้พานพบ

นักมวยหลายๆคนถ้าไม่ขายแรงงานก็กลับบ้านไปทำไร่ทำนา ในขณะที่นักมวยบางคนเดินทางเข้าสู่สายมิจฉาชีพ คุมบ่อน ซ่อง บางคนเลือกขายยา ส่วนบางคนชีวิตตกอับสุดๆถึงขนาดต้องจำยอมเป็นขอทาน!!!

ปัจจุบัน...

จากบทเรียนในอดีตของนักมวยรุ่นพี่ ที่นิยมเที่ยวกินมากกว่าเก็บหอมรอมริบ ทำให้นักมวยยุคใหม่บางคนรู้จักเก็บ รู้จักจ่าย พอแขวนนวมอำลาผืนผ้าใบก็ยังมีเงินหลงเหลือมาประกอบอาชีพทำธุรกิจต่างๆ และก็เหมือนว่าธุรกิจของนักมวยหลังอำลากลิ่นสาบนวมในยุคนี้คงจะไม่มีธุรกิจไหนฮอตฮิตเท่าการเปิดร้านขาย“หมูกระทะ” ที่ดูเหมือนว่าธุรกิจหมูกระทะนี้ได้กลายเป็นอาชีพแฟชั่นของเหล่านักมวยไปเสียแล้ว

“นำพล หนองกี่พาหุยุทธ” ผู้จุดประกายธุรกิจหมูกระทะในวงการนักมวย

หากสืบสาวราวเรื่องลึกลงไปว่านักมวยคนไหนที่เป็นผู้บุกเบิกการทำธุรกิจหมูกระทะจนโด่งดัง และกลายเป็นต้นแบบของร้านหมูกระทะนักมวยในรุ่นต่อๆมาก็คงจะหนีไม่พ้นร้านหมูกระทะของ นำพล หนองกี่พาหุยุทธ” หรือ “นำพล สีจันทึก” เจ้าของฉายา“ขุนเข่าหน้าเปื่อย” อดีตยอดมวยไทยดีกรีหลายแชมป์ ที่หลังจากแขวนนวมก็เบนเข็มชีวิตมาประกอบธุรกิจหมูกระทะจนมีชื่อเสียงโด่งดังชนิดหาตัวจับยากไม่แพ้สมัยที่ต่อยมวย ที่ว่าหากใครไปเยือนโคราช(นครราชสีมาแล้ว) หากถามหาร้านหมูกระทะที่ชื่อว่า “นำพล เนื้อย่างเกาหลี” แล้วล่ะก็ คนส่วนใหญ่ในเมืองโคราชต่างรู้กันกันดี

นำพล เล่าย้อนอดีตถึงความเป็นมาของร้านนำพล เนื้อย่างเกาหลี ให้ฟังว่า ที่จริงแล้วตัวเขาคลุกคลีอยู่กับอาชีพหมูกระทะนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ยังชกมวยอยู่เลย เพราะว่าแฟนของเขาเปิดร้านหมูกระทะทำร่วมกับพี่สาวแฟนมานานแล้ว ในช่วงที่เขายังเป็นนักมวยอยู่ก็มีไปช่วยบ้าง จนกระทั่งพอเขาคิดแขวนนวม เขาก็มองว่าน่าจะหันมาธุรกิจของตัวเอง ก็เลยตัดสินใจทำธุรกิจหมูกระทะกับแฟน

“เริ่มจากแฟนผมเป็นคนทำกับพี่สาวมานานแล้วกว่า 10 ปี ตอนนั้นผมยังชกมวยอยู่ พอผมเลิกชกมวย แขวนนวม ก็หันมาทำหมูกระทะกับแฟน สำหรับตัวสูตรเนื้อย่างก็ได้สูตรมาจากพี่สาวแฟนเลย เพราะว่าเขาคิดค้นกันมานาน และก็ใช้ชื่อร้านว่า นำพลเนื้อย่างเกาหลี”

“ที่ผมใช้ชื่อนี้ก็เพราะด้วยความที่คิดว่าผมชกมวยอยู่ด้วยและอาจจะมีชื่อเสียง ถ้าหากสมัยนั้นพอบอกว่านำพล-นำขบวน คนก็รู้จัก ก็เลยใช้ชื่อในวงการมวยของตัวเองมาตั้งเป็นชื่อร้าน เพื่อเรียกลูกค้า และมีสัญลักษณ์ร้านเป็นรูปนวม คนก็จะมาถามว่าใช่ร้านเนื้อย่างนำพลที่เป็นนักมวยหรือเปล่า”

นำพลบอกว่าแรกๆ กิจการร้านหมูกระทะของเขาเป็นแค่ร้านเล็กๆ มีแค่ 10 กว่าโต๊ะ แต่ว่าพอกระแสข่าวที่ว่านำพลนักมวยมาเปิดร้านเนื้อย่างหมูกระทะ น้ำจิ้มอร่อย คนมากินกันเยอะก็เลยต้องขยายร้านขึ้นมา จนกระทั่งปัจจุบันนี้มีร้านอยู่ 4 สาขา ที่ตัวเองบริหารเองในเขตโคราช

เรียกว่านำพลเป็นต้นแบบธุรกิจหมูกระทะในวงการนักมวยที่ประสบความสำเร็จ จนทำให้นักมวยคนอื่นๆ หันมาเปิดธุรกิจหมูกระทะเหมือนกันบ้าง ซึ่งตัวเขาเองก็ดีใจและไม่ได้คิดถึงเรื่องการแข่งขันทางธุรกิจแต่อย่างใด

“จุดนี้ผมดีใจมากสำหรับนักมวยรุ่นน้องๆ หรือว่าเพื่อนฝูงที่เขาเปิดเนื้อย่าง ผมต้องบอกเลยว่ายอมรับว่าข้อหนึ่งผมเป็นคนแรกที่เปิด และพอเมื่อนักมวยคนอื่นมาเปิดตามบ้าง ผมรู้สึกดีใจมากเลย ที่ทำให้เขามีอาชีพ และมีการงานทำ แต่ผมไม่ได้คิดเรื่องแข่งขัน เพราะว่าแต่ละคนก็มีสูตรเฉพาะของแต่ละคนไป” นำพลตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมๆกับฝากถึงนักมวยรุ่นน้องๆ ที่คิดอยากจะมีธุรกิจหมูกระทะเป็นของตัวเองด้วยว่า

“ผมมีคำปรึกษาให้ได้ตลอดสำหรับนักมวยรุ่นน้องๆ ที่คิดจะหาเงินทุน ที่อยู่ในเขตไกลๆ ต่างจังหวัดที่อยากจะมีร้านเป็นของตัวเอง ถ้าเกิดชกมวยมาเราก็เก็บเงินไว้มาลงทุน เพราะว่าค้าขายมันได้กินยาวนาน ถ้าหากเรารู้จักเก็บ รู้จักออม มันก็จะได้เงิน อาจจะได้เงินไม่มากเหมือนชกมวย แต่ว่ามันได้กินไปเรื่อยๆ เหมือนน้ำมันเซาะไปเรื่อยๆ ถ้าหากว่ารู้จักเก็บ ถ้าเปรียบเทียบเป็นนักมวยเงินมันเป็นก้อนเดียว ช่วงเห็นเงินเป็นก้อนใช้แป๊บเดียว ไม่กี่วันก็หมดแล้ว แต่ว่าค้าขายมันเห็นเงินทุกวัน ค่าใช้จ่ายจ่ายไป ที่เหลือทุกอย่างจากนั้นเราเก็บ มันก็จะเห็นเงินตรงนี้ล่ะ ถ้าใครมาขอคำปรึกษาผมยินดีให้คำแนะนำ”

“นำขบวน” เจริญรอยตามพี่ชาย ไปได้ดีกับร้านหมูกระทะ

และเมื่อพูดถึงหมูกระทะนักมวยที่โด่งดังเป็นที่รู้จักของคนโคราช นอกจากร้านหมูกระทะของนำพลที่ถือว่าเป็นต้นแบบแล้วนั้น ก็ต้องไม่พลาดที่จะต้องกล่าวถึงร้านหมูกระทะของน้องชายนำพล นั่นคือ “จอมไถนา :นำขบวน หนองกี่พาหุยุทธ” หรือ “เพียว สีจันทึก” ยอดมวยเงินแสนดีกรีหลายแชมป์ระดับตำนาน ที่เปลี่ยนจากจอมไถนาหันมาเดนตามรอยพี่ชายนำพล หนองกี่พาหุยุทธ เปิดร้านนำขบวนเนื้อย่างเกาหลีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กัน

“ตอนแรกหลังจากแขวนนวม ผมคิดไว้ 2 อย่าง คือ ไม่ชกมวยต่อ ก็คิดอยากเปิดร้านมินิมาร์ท เพราะเป็นคนชอบซื้อของ ก็เลยอยากมีร้านมินิมาร์ทเป็นของตัวเอง แต่ว่าพอเห็นพี่ชายเปิดร้านหมูกระทะแล้วมีรายได้ดี ดูมีความเสี่ยงน้อยก็เลยสนใจ หันมาเปิดร้านหมูกระทะเหมือนพี่นำพลดีกว่า โดยไปขอคำปรึกษาจากพี่นำพล”

“แล้วก็ได้สูตรมาจากพี่ชาย จนเปิดเป็นร้านหมูกระทะขึ้นมาได้ และใช้ชื่อร้านว่า นำขบวนเนื้อย่างเกาหลี

เพราะคิดว่าชื่อเสียงทางนักมวยก็ยังพอคนรู้จักอยู่ ก็เลยใช้ชื่อเสียงตรงนี้เป็นตัวช่วย ตอนนี้กิจการที่ร้านที่มีอยู่ 7 สาขาทั่วโคราช มีทั้งที่ผมดูแลเอง และให้ญาติๆ พี่น้องดูแล กิจการก็เรื่อยๆ ไปได้ด้วย และในอนาคตผมมีแผนการที่คิดจะไปลงทุนเปิดร้านหมูกระทะที่สิงค์โปร์ เพราะพอดีผมมีเพื่อนอยู่สิงค์โปร์ ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างตัดสินใจ โดยถ้าไปที่นั่นก็จะใช้ชื่อว่านำขบวนเนื้อย่างเกาหลีนี่แหละ” นำขบวนอธิบายให้ฟัง ก่อนเล่าต่อว่า

“การทำหมูกระทะสำหรับผมมันไม่ยากเท่าไหร่ เพราะไม่ต้องลงทุนเยอะ แถมยังประสบความสำเร็จง่าย ผมว่าทำหมูกระทะเป็นอะไรที่ดีกว่าการเป็นนักมวยเยอะ เพียงแต่ว่าเป็นนักมวย มันสร้างชื่อเสียงไม่ต้องลงทุน มีแต่ขาดทุนกับร่างกายที่ขาดทุนเท่านั้นเอง แต่พอมาขายหมูกระทะเงินก็ได้ใช้ ได้ทำทุกอย่างตามที่ต้องการ”

นอกจากนี้นำขบวนยังให้ความเห็นต่อแวดวงการทำหมูกระทะที่มีคนนิยมทำกันมากในปัจจุบันว่า หมูกระทะเป็นธุรกิจที่เริ่มใหญ่ขึ้น ใครๆ ก็ต่างหันมาทำหมูกระทะขายกัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการแย่งลูกค้าขึ้นมาได้ และยังมองว่าในอนาคตธุรกิจร้านหมูกระทะคงจะมีจำนวนร้านที่เปิดขายกันเป็นจำนวนมาก เหมือนกับร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ทั้งนี้แต่ละร้านที่เปิดขายจะอยู่รอดได้ก็ต้องรักษามาตรฐานของแต่ละร้านเอาไว้ให้ดีที่สุด

“ในความคิดเห็นของผม ใครที่คิดจะเปิดร้านหมูกระทะ จะทำแล้วต้องตั้งใจทำ ต้องคลุกคลีกับมัน ต้องเป็นมาก่อน ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วไปลงทุน โดยไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการทำ”นำขบวนเล่าประสบการณ์

เรียกว่านำขบวนเนื้อย่างเกาหลี ของนำขบวนประสบความสำเร็จอย่างสูงไม่แพ้ร้านของนำพลพี่ชาย หากบอกว่าถ้าใครมีโอกาสผ่านไปที่โคราชแล้วถามหาร้านหมูกระทะในโคราชขึ้นมา ก็จะมีแต่คนพูดถึงร้านหมูกระทะของสองพี่น้องนำพลและนำขบวน เนื้อย่างเกาหลี

“ผจญ มูลสัน ย่างเกาหลี” หมูกระทะร้านภูมิใจของผจญ

ผจญ มูลสัน อดีตนักมวยเจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เป็นอีกผู้หนึ่งที่หันเหชีวิตจากสังเวียนผืนผ้าใบหลังจากที่ได้เหรียญ และแขวนนวมอำลาวงการมาเอาดีกับธุรกิจหมูกระทะเช่นเดียวกันกับเพื่อนพ้องวงการนักมวย

ซึ่งการหันมาเอาดีทางด้านธุรกิจหมูกระทะของผจญนั้นมีความน่าสนใจ เรียกว่ากว่าเขาจะตัดสินใจเปิดร้านหมูกระทะ ที่ชื่อว่า “ผจญ มูลสัน ย่างเกาหลี” นี้ได้เขาใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน สั่งสมและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการไปตระเวนกินร้านหมูกระทะของคนเพื่อนนักมวยที่เปิดร้านหมูกระทะอยู่หลายร้าน ศึกษาดูงาน ดูการตลาดดูระบบการทำธุรกิจหมูกระทะของเพื่อนๆ อยู่นานพอสมควร พร้อมทั้งขอคำแนะนำจากเพื่อนพ้องที่เปิดหมูกระทะจนประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างสมรักษ์ คำสิงห์ เขาทราย แกแลคซี่ และวิชัย ราชานนท์ จนกระทั่งตัวเมื่อตัวเขามีความพร้อมเต็มที่ และคิดที่อยากจะมีธุรกิจร้านหมูกระทะเพื่อเป็นอาชีพของตัวเองที่มั่นคง จึงได้ตัดสินใจเปิดร้านหมูกระทะแห่งนี้เมื่อประมาณปลายปี 47 ที่ผ่านมา

“ผมตระเวนชิมของเพื่อนๆ และไปดูหลักการตลาด ไปดูการขาย การทำบัญชี การทำกลายๆสิ่งหลายๆอย่าง ไปดูระบบ และไปดูความบกพร่องของเขาว่าถ้าเราเปิดแล้ว เราต้องไม่มีตรงปัญหาอย่างนี้ ส่วนสูตรผมได้มาจากวิชัย ราชานนท์ แต่ได้มาแค่ 80 เปอร์เซ็นต์ และผมก็เอาประยุกต์อีกที โดยน้ำจิ้มผมจะเอามาทำใหม่เป็นแบบสูตรฉบับของผมเอง อย่างน้ำจิ้ม น้ำจิ้มสุกี้น่าจะเป็นแบบนี้ ซีฟู้ดน่าจะรสชาติแบบนี้ แจ่วก็น่าจะเป็นแบบนี้ มันก็หลากหลาย แล้วผมก็ชิมนู่น ชิมนี่มาเรื่อย ๆ และก็เปลี่ยนปรับปรุงประยุกต์ใหม่หมดเลย” ผจญ เล่าที่มาที่ไปให้ฟัง

ผจญยังเล่าให้ฟังอีกว่า การที่เขามาเปิดธุรกิจหมูกระทะจนตอนนี้ก็มีผู้คนให้ความสนใจร้านหมูกระทะของเขาไม่ใช่น้อย เขามาดูแลกิจการหมูกระทะของเขาด้วยตัวเอง โดยเข้ามาดูแลร้านทุกวัน มาคอยต้อนรับ ดูแลลูกค้าที่เข้ามากินหมูกระทะที่ร้าน เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจหมูกระทะนี้เหมือนกับเพื่อนๆนักมวยคนอื่นและก็ภูมิใจธุรกิจหมูกระทะที่สร้างรายได้ให้กับตัวเขาและครอบครัว

“จริงๆ แล้วทำร้านหมูกระทะมันก็เหนื่อย แต่ถ้าถามว่าผลตอบแทนมันคุ้มไหม ผมว่าที่เปิดมาในวงการธุรกิจค้าขายอาหาร สามสี่เดือนจะรู้ผลทันทีเลยว่าตัวเองจะอยู่ได้ หรืออยู่ไม่ได้ ถ้าเลย 1 ปีไปแล้วอยู่ได้แน่นอน เพราะอย่างน้อยเรามีดีของเรา น้ำจิ้มเราทานได้ โลเกชั่นเราได้ รูปร้านเราดี ดูโอ่โถง ดูสะอาด มีดนตรีให้ฟัง พอหลายๆอย่างโดยรวมในร้านดี ลูกค้าสนใจ ลูกค้าชอบรสชาติอาหาร ผมถือว่าผมดวงดีคนหนึ่งที่ว่าพอเปิดแล้วไม่เคยควักทุน คือพอเปิดแล้วร้านก็เลี้ยงตัวเองได้ตลอด เดือนนี้เลี้ยงค่าเช่าได้ เลี้ยงพนักงานได้ เลี้ยงค่าน้ำค่าไฟได้นี่ถือว่าสุดยอดแล้ว ซึ่งรายได้หลักๆ ที่ได้ทุกวันนี้ก็มาจากร้านนี้ ” ผจญ บอกแบบภูมิใจ

ถึงตรงนี้เรายิงคำถามถามผจญว่า คิดอย่างไรที่ดูเหมือนว่านักมวยหันมานิยมเป็นร้านหมูกระทะกันเยอะมากหลังจากเลิกชกมวย ดูเหมือนเป็นแฟชั่นหรือเปล่า ผจญกลับบอกว่า “ถ้าบอกว่าเป็นอาชีพแฟชั่นของนักมวยก็คงจะไม่ใช่ เพราะว่ามันก็ลงทุนสูงมาก แต่ถ้าบอกเป็นอาชีพที่ถูกกับนักมวย ผมว่าน่าจะใช่ เพราะว่าเราให้คำแนะนำต่อๆ กันไปเรื่อยๆ แล้วทุกคนที่ทำก็ประสบความสำเร็จหมด ถือว่าเป็นอาชีพที่ถูกโฉลกกับนักมวย”

ผจญยังได้ฝากข้อคิดดีๆ ถึงนักมวยรุ่นน้องๆ ที่กำลังคิดอยากจะมีกิจการธุรกิจหมูกระทะเป็นของตัวเองบ้าง ด้วยว่า

“ผมว่าเรื่องการต่อยมวย ผมว่าผมเป็นคนตั้งใจ พยามทำให้ได้ที่สุด เพราะคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ พอมาเปิดธุรกิจทางร้านอาหารตรงนี้ เหนื่อยมาก เหนื่อยแสนเหนื่อย แต่ผมก็พยายามต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างมา มันก็ไปได้ ผมว่ามันก็รวมกับดวงวาสนาของคนด้วย เพราะถ้าเราทำดี ใฝ่ดี ไม่เบียดเบียนคนอื่น และตั้งใจให้มากที่สุด ผมคิดว่าสักวันน่าจะเป็นวันของเราบ้าง ก็อยากให้ทุกคนตั้งใจไปให้ถึงฝัน แต่ละคนที่ฝันไว้” และสุดท้ายได้ฝากถึงลูกค้าที่อยากจะลองแวะเวียนมาอุดหนุนร้านหมูกระทะด้วยว่า

“ใครที่เคยสนับสนุนกีฬามา หรือเคยได้ยินชื่อผมมา ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ชกมวยแล้ว แต่หันมาทำธุรกิจหมูกระทะ ถ้าหากยังคิดถึงกันอยู่ หรืออยากคุยกัน หากผ่านแวะเวียนมาทางถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี เลยบิ๊กคิงส์ บิ๊กซีบางใหญ่มาไม่ไกล ก็แวะมาคุยและมาให้กำลังใจกัน แฟนคลับเก่าๆ ที่เคยเชียร์ทางด้านมวย ก็อยากให้มาเชียร์ทางด้านอาหารบ้าง ผมก็รับใช้ชาติทางด้านกีฬามานานแล้ว ตอนนี้ก็หันมารับใช้ทางด้านอาหาร ก็อยากให้พี่น้องทุกๆ คนลองมาสนับสนุนผม” ผจญกล่าวทิ้งท้าย

“สมรักษ์ ย่างเกาหลี” มีดี ไม่ได้โม้!!

และถ้าหากให้นึกถึงร้านหมูกระทะของนักมวยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และประสบความสำเร็จที่เปิดขายอยู่ในกรุงเทพฯ ก็เห็นว่าจะต้องถึงนึกร้านหมูกระทะร้านนี้ “สมรักษ์ ย่างเกาหลี” ที่มีอดีตนักมวยฮีโร่นักชกเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของเมืองไทย ฉายานักชกจอมโว ขี้โม้อมตะ ชื่อก้องนามว่า “สมรักษ์ คำสิงห์” หรือเจ้าบาส เป็นเจ้าของร้าน

สมรักษ์ เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของการมาเปิดร้าน "สมรักษ์ ย่างเกาหลี" แห่งนี้ ให้ฟังว่า เมื่อประมาณปี 2545 ที่เขาจะต้องไปชกมวยเอเชี่ยนเกมส์ที่เกาหลี แล้วปรากฏว่าเขาโดนตัดชื่อออกไม่ได้ไปร่วมการแข่งขัน ทำให้มีเวลาว่าง จึงอยากจะหาอะไรทำ เพื่อปั้นปลายชีวิตของเขา ก็เลยมองหาธุรกิจที่สามารถมีเวลามาควบคุมดูแลได้ง่าย และบวกกับความที่ภรรยาของเขาอยากจะเปิดร้านอาหาร เขาจึงตัดสินใจคิดทำธุรกิจร้านหมูกระทะ เพราะเห็นว่าระบบการดูแลและการทำงานไม่มีความยุ่งยากมากนัก

"กว่าผมจะเปิดร้านได้นี่ ก็ต้องคิดค้นสูตรน้ำจิ้มอยู่นาน แค่สูตรน้ำจิ้มอย่างเดียวนะ เพราะว่าผมอยากจะเปิดร้านแต่ว่าไม่มีสูตร เวลาที่ผมไปนั่งร้านอาหารไหนในกรุงเทพฯ ไปแล้วก็ไปถามระบบงานว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าของร้านก็แนะนำดี เพราะเห็นว่าเป็นนักมวย แต่ว่าสูตรน้ำจิ้มนี่ไม่มีร้านไหนให้ เพราะว่าเป็นสูตรของใครของมัน เราก็ว่าไม่เป็นไร กลับมาเราก็มาคิดค้นสูตรเอง"

"คอนเซ็ปต์ผมต้องการอยากจะได้อะไรที่มันแปลก ทั้งตัวร้านและตัวสูตรอาหาร เพราะถ้าทำแบบง่ายๆ มันก็เหมือนธรรมดาไป แล้วที่เห็นส่วนมากร้านหมูกระทะมักจะเป็นเต็นท์ ตั้งริมฟุตบาทมากกว่า และน้ำจิ้มผมก็อยากได้สูตรที่มันแปลกๆ ไม่เหมือนใคร ภรรยาผมใช้เวลาในการลองทำน้ำจิ้มอยู่นานเป็นเดือน ลองทำแล้วทิ้งก็หลายหม้อ ให้นักมวยในค่ายลองชิม เรียกว่าเหมือนเป็นหนูทดลองยาเลย จนในที่สุดก็ได้สูตรน้ำจิ้มที่ถูกใจ และก็เปิดร้านอย่างเป็นทางการ" สมรักษ์ร่ายยาวถึงความเป็นมาของหมูกระทะร้านนี้

ถามสมรักษ์ว่าคิดว่าอะไรที่ทำให้ลูกค้ามาอุดหนุนร้านหมูกระทะของสมรักษ์เยอะ มารอต่อคิวนั่งกินกันแน่นร้านทุกวัน สมรักษ์บอกว่าส่วนหนึ่งคงมาจาก ชื่อของเขาที่ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบ เป็นจุดขาย เพราะด้วยความที่ทุกคนรู้จักเขาในฐานะเป็นนักกีฬาฮีโร่เหรียญทอง และพอเมื่อลูกค้าได้ลองกินเองแล้วก็รู้ว่ารสชาติหมูกระทะร้านเขาก็ใช้ได้ ไม่ได้โม้ เหมือนอย่างชื่อ ก็เลยกลายมาเป็นลูกค้าประจำ

และพอถามสมรักษ์ว่าทำธุรกิจหมูกระทะกับการเป็นนักมวยอย่างไหนดีกว่ากัน สมรักษ์ตอบแบบจริงใจและจริงจังว่า การทำธุรกิจร้านอาหาร มันไม่เหมือนกับการเป็นนักกีฬา นักกีฬาต้องแข่งให้ชนะได้เหรียญ ถ้าแพ้กลับมาก็เหมือนตั๊กแตนทอดตัวหนึ่ง แต่ถ้าชนะก็โอเคได้เงิน ได้ทอง ได้อะไรเยอะแยะ แต่การทำร้านอาหารมันได้เงินทุกวัน

“ผมหันมาทำธุรกิจหมูย่างเกาหลี มั่นใจได้ว่าผมไม่ได้โม้ เพราะคอนเซปต์ผมจะไม่เอาเปรียบลูกค้า ถ้าไม่ดีตรงไหนขอให้บอก ผมไม่ได้เป็นคนโลภมาก ผมแค่พออยู่ได้ แค่มีร้านมีพรรคพวกมานั่ง ผมก็แฮปปี้แล้ว ตรงนี้ผมถือว่าผมคืนกำไรให้กับผู้มาบริโภคมากกว่า มีลูกค้ามานั่งแน่นร้านทุกวัน รายได้ก็ดีมีเงินเข้ามาทุกวัน”สมรักษ์เล่าแบบไม่ได้โม้

และนี่คงจะเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่เหมือนจะบอกเป็นนัยได้ว่าเหตุใดนักมวยจึงนิยมมาเปิดร้านหมูกระทะ หลังจากที่เลิกชกมวยกันแล้ว เพราะอย่างสมรักษ์ที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องหมัดมวย ก็ยังหันมาเอาดีทางด้านธุรกิจหมูกระทะ และก็ประสบผลสำเร็จทำออกมาได้ดีไม่แพ้กับการชกมวยเลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

นำพล เนื้อย่างเกาหลี ตั้งอยู่ที่ 594/7 ถ.ช้างเผือก อ. เมือง จ. นครราชสีมา เปิดทุกวัน เวลา 16.00-24.00 น. โทร. 0-4425-8220

นำขบวน เนื้อย่างเกาหลี ตั้งอยู่ที่ 616/1 ถ.สืบศิริ อ.เมือง จ. นครราชสีมา เปิดทุกวัน เวลา 16.00-24.00 น. โทร. 0-4427-7181

ผจญ มูลสัน ตั้งอยู่ที่ 36/619 หมู่บ้านจันทิมาธานี ซ.9/2 ถ. กาญจนาภิเษก ต.บางรักพัฒนา อ. บางบัวทอง จ.นนทบุรี ร้านเปิดทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 16.00-23.00 น. วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 15.00-24.00 น. โทร. 0-2571-7889, 0-1700-0613

สมรักษ์ ย่างเกาหลี ตั้งติดริมถนน นวมินทร์ (สุขาภิบาล 1) ใกล้วัดบางเตย ย่านบึงกุ่ม เปิดทุกวัน เวลา16.00-24.00 น. โทร. 0-2733-6663-4

กำลังโหลดความคิดเห็น