xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยว“มาเก๊าเฮอริเทจ”มรดกโลกน้องใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : หมวยเกี๊ยะ

จากตอนที่แล้วที่ฉันพาทุกคนไปเที่ยว “มาเก๊า” ในมุมมองใหม่ที่แตกต่างไปจากมุมมองของเมืองแห่งบ่อนคาสิโนกันไปแล้ว และก็ได้บอกไว้ว่ามาในตอนหน้าฉันจะพาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจของเมืองมาเก๊ากันต่อ แถมยังบอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับมรดกโลกเลยทีเดียว

เรื่องนี้ฉันไม่ได้กล่าวโม้โอ้อวดเกินจริงแต่อย่างใด เพราะว่าฉันจะพาไปทำความรู้จักกับ "ศูนย์ประวัติศาสตร์มาเก๊า" (The Historic Centre of Macau) ที่ได้ถูกขึ้นบัญชีให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2548 ที่ผ่านมา จากองค์การยูเนสโกภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก

สำหรับ "ศูนย์ประวัติศาสตร์มาเก๊า" จัดได้ว่าเป็นแหล่งรวมมรดกทางสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างดั้งเดิมของเมืองมาเก๊า รวมไปถึงวัฒนธรรมแรกเริ่มระหว่างเมืองจีนและโลกตะวันตกที่ยังคงยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้ โดยแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนประกอบไปด้วยทัศนียภาพของถนนและจัตุรัสที่คงคุณค่าทางวัฒนธรรม อย่างจัตุรัสบาร์รา (Barra Square) จัตุรัสลีเหล่า (Lilau Square) จัตุรัสเซนต์ออกัสติน (St.Augustine's Square) จัตุรัสเซนาโด้ (Senado Square) จัตุรัสคาดรัล (Cathedral Square) จัตุรัสเซนต์โดมิมิก (St.Dominic's Square) จัตุรัสคอมพานีออฟจีซัส (Company of Jesus Square) จัตุรัสคาโมส (Camoes Square) และจัตุรัสเหล่านี้ได้เชื่อมต่อไปยังอนุสรณ์สถานที่ล้วนแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ มากกว่า 20 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น

ศาลจ้าแม่ทับทิม (A-Ma Temple) ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมาเก๊า สร้างขึ้นเพื่อเป็นการถวายสักการะแด่อาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล ภายในมีก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงว่า เป็นจุดที่เจ้าแม่อาม่าย่างเท้าก้าวขึ้นสู่ผืนดินมาเก๊า

ค่ายทหารของชาวมัวร์ (Moorish Barracks) สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1874 เพื่อรองรับทหารหาญจากเมืองกอ ของประเทศอินเดียที่ส่งเข้ามาเสริมกำลังให้กองตำรวจมาเก๊า ปัจจุบันคือกองบังคับบัญชาของคณะบริหารฝ่ายการเดินเรือของมาเก๊า ตัวอาคารโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่ได้รับอิทธิพลของพวกโมกุลผสมผสานกัน

แมนดารินเฮาส์ (Mandarin’s House) บ้านของนักประพันธ์จีนผู้ยิ่งใหญ่นามว่า เจิ้ง กวนยิ่ง สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1881 เป็นตัวอย่างบ้านอยู่อาศัยของชาวจีนโบราณ ที่ประกอบด้วยเรือนหลายเรือน มีอาณาบริเวณ และลานหน้าบ้าน ผสมผสานรายละเอียดความเป็นจีนและตะวันตกได้อย่างลงตัว

โบสถ์เซนต์ลอเรนซ์ (St. Lawrence’s Church) ถูกสร้างขึ้นโดยคณะนักบวชเยซูอิตเมื่อตอนกลางศตวรรษ 16 เป็นหนึ่งในสามโบสถ์เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า มีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างสไตล์นีโอคลาสสิกและการตกแต่งอย่างบารอก

โรงเรียนและโบสถ์เซนต์โจเซฟ (St. Joseph’s Seminary and Church) สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีการตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมสไตล์บารอค ที่งดงามและดูโอ่อ่า ภายในมีที่ประดิษฐานบูชากระดูกแขนของ เซนต์ฟรานซิสซาเวีย ซึ่งเป็นนักบุญที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในเอเชีย และเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1552

โรงละครดอม เปโดรที่ห้า (Dom Pedro V Theatre) ถือว่าเป็นโรงละครตะวันตกแห่งแรกของเมืองจีนที่จุผู้เข้าชมได้ 300 ที่นั่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1860 เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดสำหรับชุมชนชาวมาเก๊า ปัจจุบันยังจัดแสดงงานสำคัญและการเฉลิมฉลองต่าง ๆ อยู่

หอสมุดเซอร์โรเบิร์ต โฮ ตุง (Sir Robert Ho Tung Library) สร้างขึ้นก่อนปี 1894 เป็นที่พักอาศัยของโคนา คาโรลีนา คุนย่า แต่นักธุรกิจชาวฮ่องกง เซอน์โรเบิร์ต ตุง ได้ซื้อไว้ในปี 1918 เพื่อเป็นที่รักษาตัวของเขา และเมื่อเขาเสียชีวิตลงในปี 1955 รัฐบาลมาเก๊าได้รับมอบอาคารหลังนี้เพื่อใช้เป็นหอสมุดสาธารณะตามความประสงค์ของเซอร์โรเบิร์ต

โบสถ์เซนต์ออกัสติน (St. Augustine’s Church) สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1591 โดยคณะนักบุญออกัสติเนียนชาวสเปน มีอีกชื่อที่ชาวจีนท้องถิ่นมักเรียกว่า วัดมังกรหนวดยาว (Long Song Miu)

อาคารลีล เซนาโด (Leal Senado Building) มีสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1784 จัดว่าเป็นหอประชุมเทศบาลมาเก๊าแห่งแรกและยังใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้

วัดซำไก (Sam Kai Vui Kun Temple) ตั้งอยู่ใกล้ย่านบาซาร์จีนเก่า ซึ่งตอนนี้คือตลาดเซนต์โดมินิก ที่ยังคงเก็บกลิ่นอายย่านบาซาร์ไว้ได้อย่างครบถ้วน และวัดนี้มีความข้องเกี่ยวโดยตรงกับหอการค้าจีนที่มีมาช้านาน

โฮลีเฮาส์ (Holy House of Mercy) นับว่าเป็นคลินิกการแพทย์แบบตะวันตกแห่งแรกในมาเก๊า สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1569 โดยบิชอปองค์แรกของมาเก๊า

มหาวิหาร (Cathedral) วิหารที่โดดเด่นด้วยเสาฝาผนังและหอระฆังคู่ที่ยื่นออกมายังถนน ภายนอกอาคารหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์จากเซี่ยงไฮ้ช่วยให้อาคารโบสถ์ขนาดใหญ่แห่งนี้ดูอ่อนโยนลง

แมนชั่นตระกูลหลู่ (Lou Kau Mansion) เป็นบ้านของหลู่ เกา พ่อค้าชาวจีนที่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในเมือง ตัวแมนชั่นเป็นอาคารสองชั้น ก่ออิฐสีเทาแบบโบราณ มีสถาปัตยกรรมแบบ ‘ซิกวน-xiguan’ อันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านพักอาศัยแบบจีนดั้งเดิม

โบสถ์เซนต์โดมินิก (St. Dominic’s church) สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1590 ได้รับยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่มีศิลปกรรมทางศาสนาที่งดงามที่สุด มีลักษณะผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลและบารอก ภายในหอระฆังด้านหลังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก แสดงงานศิลป์เกี่ยวกับศาสนากว่าราว 300 ชิ้น

ซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า ถึงแม้ว่าจะเหลือเพียงซากประตูด้านหน้าและบันไดทางขึ้น แต่ก็ยังไว้ซึ่งความงดงามของสถาปัตยกรรม

วัดนาช่า (Na Tcha Temple) สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1888 เป็นวัดที่แสดงให้เห็นถึงตรรกะแห่งอุดมคติของชาติตะวันตกและจีน เป็นหนึ่งตัวอย่างชั้นเยี่ยมของการมีวัฒนธรรมหลากหลายและอิสรภาพทางศาสนาของมาเก๊า

กำแพงเมืองเก่า (Section of the Old City Walls) สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1569 เป็นส่วนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของการก่อสร้างกำแพงป้องกันเมืองแบบโปรตุเกสดั้งเดิม

ป้อมปราการ (Mount Fortress) เคยเป็นปราการทางทหารที่สำคัญของเมือง ครบครันไปด้วยปืนใหญ่ ค่ายทหาร บ่อน้ำ คลังสรรพาวุธที่เก็บอาวุธยุทธภัณฑ์ทรงประสิทธิภาพและเสบียง

โบสถ์เซนต์แอนโทนี (St. Anthony’s Church) หนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของมาเก๊า เมื่อก่อนสร้างด้วยไม้ไผ่และไม้ ปัจจุบันได้รับการก่อสร้างใหม่ด้วยหิน ชาวโปรตุเกสมักมาจัดพิธีแต่งงานที่นี่ และได้รับฉายาว่าโบสถ์ดอกไม้

สวนคาซ่า (Casa Garden) เป็นบ้านของพ่อค้าชาวโปรตุเกส มานูเอล เปไรร่า ผู้มั่งคั่ง ต่อมาให้บริษัท อิงลิช อีสต์ อินเดีย เช่าเป็นสำนักงาน ก่อนที่จะเป็นสำนักงานของมูลนิธิโอเรียลตัลในปัจจุบัน

สุสานโปรเตสแตนต์ (Protestant Cemetery) สถานที่ที่มองทะลุเข้าไปยังชุมชนอันหลากหลายของมาเก๊า และเป็นที่ฝังศพของชาวโปรตุเกสในชุมชนแรกเริ่มของมาเก๊าไว้มากมาย

ปราการเกีย (Guia) ป้อมปราการที่สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1622-1638 ภายในเป็นที่ตั้งของหอสวดเกีย และประภาคารเกีย ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ทางการเดินเรือ การทหาร และการศาสนาครั้งอดีต

และจากการที่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเหล่านี้ของมาเก๊าถูกยกให้เป็นมรดกโลกน้องใหม่ ทำให้การท่องเที่ยวแห่งมาเก๊า ได้ประกาศให้ปี 2549 นี้เป็น “ปีแห่งมรดกวัฒนธรรมโลก” หรือ “Macau World Heritage Year 2006” ของการท่องเที่ยวมาเก๊า พร้อมกับนำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นมรดกโลกของมาเก๊าสู่สายตานักท่องเที่ยว เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้มาเยือน และมาสัมผัสของมาเก๊าด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่า “มาเก๊า ไม่ใช่เมืองแห่งคาสิโนเพียงอย่างเดียว”


*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
 

"มาเก๊า" อยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของสามเหลี่ยม ปากแม่น้ำเพิร์ล ในอดีตมาเก๊าตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสนานถึง 400 ปี และกลับคืนสู่การปกครองของจีนเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1999

มาเก๊าใช้ภาษาจีนและภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการ แต่จะนิยมใช้ภาษาจีนกวางตุ้งในการสื่อสารมากกว่า ส่วนภาษาอังกฤษจะนิยมใช้เป็นภาษาเพื่อทำการค้า และการท่องเที่ยว และใช้เงินสกุล “ปาตากาส์” (Pataca) MOP$ มีค่าประมาณ 1 MOP$ ต่อ 1.3 HK$ หรือประมาณ 5-6 บาท สามารถใช้เงินฮ่องกงจับจ่ายใช้สอยแทนเงินมาเก๊าได้ โดยคิดเป็นอัตรา 1 MOP$ เท่ากับ 1 HK$


นักท่องเที่ยวสัญชาติไทย สามารถเดินทางเข้ามาเก๊าโดยไม่ต้องทำวีซ่า ผู้สนใจอยากจะมาเที่ยวที่ “มาเก๊า” สามารถเข้าไปดูข้อมูลเกี่ยวกับมาเก๊า และแหล่งท่องเที่ยวในมาเก๊า เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์ www.macautourism.gov.mo หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวมาเก๊าในประเทศไทย โทร. 0-2255-5989

หมายเหตุ : รูปจากการท่องเที่ยวมาเก๊าในประเทศไทย


อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

"มาเก๊า" เมืองที่มีดีมากกว่าคาสิโน

กำลังโหลดความคิดเห็น