เมื่อสังคมเสื่อมทราม จิตใจของผู้คนย่อมถดถอยตาม พร้อมด้วยความหวั่นวิตก ความโศกเศร้า ความท้อแท้ สิ้นหวัง ที่ตามเข้าเกาะกุมในหัวใจ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกตาหากเห็นหลายๆคนหันไปพึงพาสิ่งศักดิ์สิทธ์เพื่อเป็นที่พึ่งยามทุกข์ใจ
หนึ่งในนั้นคือ"พระพรหม" พระผู้สร้างโลก สร้างมนุษย์ และสร้างสิ่งทั้งปวงให้เกิดขึ้นในโลกนี้ ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อในคัมภีร์แห่งศาสนาพราหมณ์ที่เชื่อใน"ตรีมูรติ"หรือพระผู้เป็นเจ้าที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์โดยตรง 3 องค์ อันได้แก่ พระนารายณ์ พระอิศวร และพระพรหม
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า พระพรหมเป็นผู้มีคุณธรรมสูงสุดอันเปี่ยมไปด้วย "พรหมวิหาร 4" คือ เมตตา กรุณา มุฑิตา และอุเบกขา ใครขอพรแล้วไม่ประพฤตินอกลู่นอกทางเป็นต้องสมประสงค์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากนิยมขอพรจากพระพรหม
อนึ่งการกำเนิดของพระพรหมนั้นมีที่มาค่อนข้างหลากหลาย เพราะแต่ละตำนานต่างก็มีที่มาแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าพระพรหมเกิดจากดอกบัวที่ผุดขึ้นมาจากสะดือของพระวิษณุที่บรรทมหลับอยู่บนหลังพระยาอนันตนาคราช ณ เกษียรสมุทร
บ้างว่าเมื่อครั้งที่ยังไม่มีโลก พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีลักษณะสยมภูหรือผู้ที่กำเนิดขึ้นมาเอง ได้ทำการสร้างน้ำแล้วหว่านพืชลงไป โดยพืชนั้นได้ให้กำเนิดไข่ทองขึ้นมาเรียก หิรัณยครรภ์ ซึ่งภายในไข่ทองนั้นก็คือพระพรหมนั่นเอง หลังจากนั้นพระพรหมจึงแบ่งร่างเป็นชาย-หญิง เพื่อสร้างโลกและมนุษย์ต่อมา
ส่วนตำนานที่นับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุด เชื่อว่าพระพรหม เกิดจากการที่พระ ศิวะเอาพระหัตถ์ขวาลูบพระหัตถ์ซ้ายบังเกิดเป็นพระพรหมขึ้น ในขณะที่พระนารายณ์เกิดจาก พระศิวะเอาพระหัตถ์ซ้ายลูบพระหัตถ์ขวา
แต่ไม่ว่าพระพรหมจะถือกำเนิดขึ้นมาอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ตรงกันก็คือ พระพรหมนั้นมี 4 เศียร 4 พักตร์ (ตำนานเล่าว่าเดิมพระพรหมเคยมี 5 เศียร โดย 4 เศียรหันไปใน 4 ทิศ ส่วนเศียรที่ 5 อยู่บนยอด แต่ภายหลังถูกพระศิวะลงโทษทำลายเศียรตรงยอดทิ้งเนื่องจากพระพรหมไปกล่าววาจาดูถูกพระอุมาเทวีมเหสีของพระศิวะ)
ในเมืองไทยถือว่าศาลท้าวมหาพรหมหรือศาลพระพรหมเอราวัณ หน้าโรงแรมเอราวัณ ย่านราชประสงค์ เป็นศาลพระพรหมขนาดใหญ่แห่งแรก(สร้างเมื่อ พ.ศ. 2499)และเป็นต้นแบบของการสร้างศาลพระพรหมแห่งอื่นๆในเมืองไทย
แต่จากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่มีชายเสียสติใช้ค้อนทุบทำลายรูปปั้นท้าวมหาพรหมเอราวัณจนพังทลายในช่วงเช้ามืดของวันที่ 21 มี.ค. 49 ได้สร้างความเศร้าเสียใจให้กับผู้ที่มีความศรัทธาในองค์พระพรหม
แต่ถึงแม้ว่า องค์ท้าวมหาพรหมจะถูกทำลายลง แต่ก็ไม่ทำให้ความเลื่อมใสศรัทธาต่อผู้ที่นับถือพระพรหมลดน้อยลง โดยหลายๆคนยังคงแวะเวียนไปสักการะศาลท้าวมหาพรหม ซึ่งช่วงระหว่างรอการสร้างท้าวมหาพรหมองค์ใหม่(คาดว่าจะเสร็จภายใน 2 เดือน) ทางโรงแรมเอราวัณได้มีการนำรูปของท้าวมหาพรหมมาให้คนสักการะแทน
แต่สำหรับผู้ที่อยากจะสักการะองค์พระพรหมที่ไม่ใช่รูปท้าวมหาพรหม ในกรุงเทพฯก็มีศาลพระพรหมให้สักการะกันอยู่หลายแห่ง โดยที่มีชื่อเสียงก็มีศาลพระพรหมที่ตั้งอยู่เลยจากเซ็นทรัลปิ่นเกล้าไปไม่กี่ก้าว บริเวณหน้าตึกธนาคารกรุงไทย ซึ่งในแต่ละวันต่างก็มีคนแวะเวียนมาสักการะไม่ได้ขาด
นงนุช นิ่มนวล แม่ค้าขายพวงมาลัย วัย40 ปี เล่าว่า ตั้งแต่ขายพวงมาลัยอยู่ที่นี่มาประมาณ 2 ปี มีคนเดินทางมาซื้อพวงมาลัยไปถวายพระพรหมกันอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก ซึ่งเธอคิดว่าเป็นเพราะพระพรหมเป็นเทพที่ประทานพรได้ในทุกๆเรื่อง
นงนุช เล่าต่อว่า ที่ศาลพระพรหมแห่งนี้จะมีเด็กๆและวัยรุ่นมาขอพรและบนบานศาลกล่าวเรื่องเรียน เรื่องการสอบด้วย พอได้สมดังหวังก็จะมาแก้บน ที่มีทั้งการนำพวงมาลัยมาถวาย บ้างก็ถวายรำ ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนจะบนไว้อย่างไร สำหรับตนไม่เคยบน เพียงแต่กราบไหว้บูชาและขอพรในเรื่องของการทำมาค้าขายกับเรื่องสุขภาพ
ส่วนเรื่องที่ท้าวมหาพรหมเอราวัณถูกทำลายนั้น นงนุชแสดงความรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรู้สึกเสียดายที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกทำลายไป
"เรื่องของการบนบานศาลกล่าวนั้น เป็นความเชื่อของแต่ละคน และมันต้องใช้เวลา จะขอปุ๊ปได้ปั๊ปมันเป็นไปไม่ได้ ต้องอาศัยสิ่งอื่นด้วย"นงนุชกล่าว
สำหรับศาลพระพรหมอีกแห่งหนึ่งที่มีคนนิยมไปสักการะกันก็คือ ที่"เทวสถาน(โบสถ์พราหมณ์)" บริเวณเสาชิงช้า เทวสถานแห่งนี้สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2514
พระราชครูวามเทพมุนี ผู้นำศาสนาพราหณ์-ฮินดู หัวหน้าพราหมณ์เทวสถาน(โบสถ์พราหมณ์) เสาชิงช้า กล่าวว่า ท้าวมหาพรหมเอราวัณนั้น ถือเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนเป็นอย่างมาก เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะที่ทำให้ผู้เคารพนับถือสามารถเข้าไปกราบไหว้ได้ตลอด นอกจากนี้ผู้สร้างยังมีเจตนาที่ดีในการสร้างเพื่อสาธารณประโยชน์คือไม่ได้ทำเพื่อหารายได้ โดยได้นำเงินที่ได้ไปบริจาคเป็นสาธารณประโยชน์
นอกจากนี้พระราชครูวามเทพมุนี ได้กล่าวถึงหลักการตั้งพระพรหมว่า หลักใหญ่ๆในการตั้งศาลพระพรหม คือควรอยู่ในที่ โปร่ง โล่ง สะอาด โดดเด่นมองเห็นได้ง่าย และเข้าออกสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักการพิเศษอะไรมากมาย
ด้านสุนิสา มีธรรม แม่ค้าขายเครื่องสักการะภายในเทวสถาน(โบสถ์พราหมณ์) เล่าว่า ที่เทวสถานแห่งนี้จะมีคนเดินทางมาไหว้เป็นจำนวนมากในช่วงปีใหม่ ตรุษจีน และวันงานประจำปีของเทวสถานคือช่วงเดือนมกราคม มีทั้งคนไทยและแขก ส่วนเครื่องสักการะของพระพรหมในเทวสถานแห่งนี้ประกอบด้วยพวงมาลัย น้ำมันเทตะเกียง เทียน และธูป 9 ดอก แต่สุนิสาบอกว่า ใช้ธูปเพียง 7 ดอกเพื่อบูชาพระเจ้า 7 พระองค์ ได้แก่ พระพิฆเนศ พระพรหม พระมเหสวรี พระลักษมี พระนารายณ์ พระอุมา และพระศิวะ
ในเรื่องของการบนบานพระพรหมที่โบสถ์แห่งนี้ สุนิสาเล่าว่า มีหลายเรื่อง บ้างบนเรื่องการงาน บ้างก็บนเรื่องของหาย รถหาย แต่ส่วนใหญ่ก็จะมาขอพรให้สมหวัง โดยคนที่มาแก้บนส่วนใหญ่จะนิยมนำผลไม้มาถวาย
ด้วยความเชื่อในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก เรื่องหน้าที่การงาน เรื่องโชคลาภ และอีกหลายๆเรื่องที่ผู้มาขอพรแล้วประสบความสมหวัง แล้วเกิดเป็นเรื่องเล่าปากต่อปากต่อๆกันไป จึงทำให้ผู้คนให้ความเคารพศรัทธาพระพรหมกันอย่างแพร่หลาย
ในขณะที่พราหมณ์ท่านหนึ่งแห่งโบสถ์พราหมณ์กล่าวไว้อย่างน่าฟังว่า "พระพรหมเป็นพระผู้สร้าง ความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ความศรัทธา คนที่มากราบไหว้อย่าเล็งแต่เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ แต่อยากให้มาแล้วรับหลักธรรมไปปฏิบัติด้วย ไม่ว่าจะเป็น เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ซึ่งเมื่อปฏิบัติได้แล้วก็จะเกิดความเป็นมงคลแก่ตัวเอง"
****************************************************************
****************************************************************
นอกจากศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ ศาลพระพรหมย่านเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และศาลพระพรหมในเทวสถาน(โบสถ์พราหมณ์)แล้ว ในกรุงเทพฯยังมีสถานที่ประดิษฐานพระพรหมที่มีชื่อเสียงอยู่อีกหลายแห่ง อาทิ พระพรหมวัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือที่นิยมเรียกกันว่า วัดแขก ย่านสีลม หรือ ศาลพระพรหมแยกคลองขวาง เขตหนองแขม ก็เป็นที่นับถือสักการะของผู้คนในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก