ลพบุรีเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ "ศาลเทพเจ้าเอราวัณ" หวังเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป พร้อมยืนยัน ณ วันนี้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวแล้ว
วิยะดา ศรีรางกูล ผู้อำนวยการสำนักงานททท.ภาคกลางเขต 7 กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ท้าวมหาพรหมย่านราชประสงค์ถูกทำลาย ทางสำนักงานททท.ภาคกลางเขต 7 ได้เล็งเห็นว่าในระหว่างที่รอให้ท้าวมหาพรหมบูรณปฏิสังขรณ์ ก็น่าจะแนะนำนักท่องเที่ยวรวมถึงประชาชนทั่วไปว่า ที่จังหวัดลพบุรียังมีศาลเทพเจ้าเอราวัณ ซึ่งเป็นศาลที่ประชาชนในจังหวัดลพบุรีให้การเคารพนับถือเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทหารพลร่ม โรงเรียนศูนย์สงครามพิเศษ ที่จะต้องมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลทุกครั้งก่อนฝึกโดดร่ม นอกจากจะกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังขอให้เทพเจ้าเอราวัณคุ้มครองปลอดภัย ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอีกด้วย
ทั้งนี้จึงได้ทำเรื่องไปทางททท.ส่วนกลาง ให้แจ้งกับนักท่องเที่ยวและบริษัททัวร์ว่าที่จังหวัดลพบุรีมีศาลเทพเจ้าเอราวัณ หรือ พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ณ เขาเอราวัณ โรงเรียนศูนย์สงครามพิเศษ ค่ายเอราวัณ รวมถึงทางจังหวัดลพบุรี ผู้ว่าฯ เจ้าของสถานที่ และทหารก็มีความพร้อมและยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่ศรัทธาเข้ามาสักการบูชาได้ทุกเมื่อ เนื่องจากปกติก็จะมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาสักการะบูชาเป็นประจำอยู่แล้ว
ส่วนในเรื่องของเครื่องสักการะเช่น ดอกไม้ ธูปเทียนนั้น ทางค่ายเอราวัณยังไม่มีการจำหน่าย แต่ถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทางค่ายและทางจังหวัดอาจจะจัดให้คนในค่ายหรือแม่บ้านที่ว่างงานจัดจำหน่ายเครื่องสักการบูชาเทพเจ้าเอราวัณ ซึ่งนอกจากจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าจังหวัดลพบุรีแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มแม่บ้านอีกด้วย
สำหรับเขาเอราวัณนั้นมีตำนานกล่าวไว้ว่า แต่เดิมเขาเอราวัณมีชื่อว่า เขาสะพรึง เป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยพระนารายณ์มหาราชพระองค์ทรงใช้เขาสะพรึงแห่งนี้เป็นพื้นที่ประกอบพระราชพิธีคล้องช้าง ต่อมาในปี พ.ศ. 2493 กรมตำรวจได้จัดตั้งค่ายฝึกพลร่มขึ้นที่บริเวณ เขาสะพรึง บ้านน้ำจั้น อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และได้พบว่าเขาสะพรึงมีลักษณะคล้ายช้างสามเศียรหมอบอยู่ จึงเปลี่ยนชื่อจากเขาสะพรึงเป็น "เขาเอราวัณ"
และในปีพ.ศ.2494 ค่ายฝึกพลร่มได้คิดสร้างศาลเพื่อที่จะอันเชิญเทพยดา เทพารักษ์ เจ้าที่เจ้าเขา มาสิงสถิตอยู่ที่ศาล และเพื่อเป็นปูชนียสถานสำหรับกราบไหว้บูชาของพลร่มและประชาชนบริเวณใกล้เคียง เมื่อสร้างแล้วเสร็จจึงได้ให้ชื่อว่า “ศาลเทพเจ้าเอราวัณ” นับตั้งแต่นั้นมา
เคยมีเรื่องเล่าปากต่อปากกันมาว่า สมัยก่อนบอลลูนพัชรกิติยาภา(บอลลูนที่ใช้ฝึก)ได้ลอยหายไป เมื่อไปอธิฐานต่อเทพเจ้าเอราวัณขอให้เจอบอลลูนนั้น ไม่นานบอลลูนก็ลอยกลับมาตกอยู่แถวๆเขาภายในบริเวณโรงเรียนศูนย์สงครามพิเศษ