xs
xsm
sm
md
lg

สวย สนุก เสียว ...เที่ยวสามอันซีนเมืองตรัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อหน้าร้อนมาเยือน ก็ถึงเวลาที่คึกคักที่สุดของทะเลอันดามัน หรือที่เรียกว่าเป็นช่วงไฮซีซั่น ใครๆ ก็มุ่งหน้าลงสู่ทะเลใต้เพื่อไปชมความงดงามของทะเล ของสายน้ำ และผืนทราย "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เองก็เช่นกัน มุ่งหน้าลงใต้โดยมีจังหวัดตรังเป็นปลายทาง แต่การเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ทะเลเป็นจุดมุ่งหมายเท่านั้น แต่ยังมีทั้งถ้ำทั้งคลอง และที่สำคัญคือมีความน่าสนใจในระดับ 'อันซีน' ไทยแลนด์ อีกด้วย

ชมสวรรค์กลางทะเล...ที่ถ้ำมรกต

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" จะไปนั้น ถูกบรรจุเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen Thailand I นั่นก็คือ "ถ้ำมรกต" ถ้ำกลางทะเลบนเกาะมุกซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ความนิยมของถ้ำมรกตนั้นมีมากจริงๆ สังเกตได้จากเรือที่มาลอยลำอยู่หน้าปากถ้ำเต็มไปหมด

เสน่ห์ของถ้ำมรกตเริ่มต้นตั้งแต่การเตรียมเข้าไปในถ้ำ หลังจากใส่เสื้อชูชีพกระโดดลงน้ำเรียบร้อยแล้ว "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ต้องไปเข้าแถวเรียงหนึ่งเกาะไหล่คนข้างหน้า หรืออีกนัยหนึ่งคือเกาะเสื้อชูชีพไว้ให้แน่นๆ เพื่อเตรียมตัวถีบจักรยานน้ำเข้าถ้ำมรกต พูดถึงเรื่องจักรยานน้ำแล้ว ก่อนนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เคยเข้าใจผิดคิดไกลไปถึงจักรยานน้ำรูปเป็ดรูปหงส์แบบที่ปั่นกันในสระน้ำ แต่จริงๆ แล้วจักรยานน้ำที่ว่าก็คือการถีบขาใต้น้ำเพื่อให้ขบวนเคลื่อนไปได้นั่นเอง

หลังจากลูกทัวร์ทั้งหมดลงมาเข้าแถวเรียงหนึ่งกลางทะเลกันหมดแล้ว ไกด์คนนำทางส่งสัญญาณให้พวกเราถีบจักรยานน้ำพร้อมๆ กันเพื่อเคลื่อนขบวนเข้าสู่ถ้ำมรกต ตรงนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอแนะนำให้ทุกท่านถีบขาลงไปตรงๆ อย่าถีบไปข้างหน้าหรือข้างหลังมิฉะนั้นจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองและคนอื่น แต่ในเมื่อต้องเกาะไหล่ใกล้ชิดกันขนาดนั้นก็ต้องมีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นการให้อภัยคือสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์นั้น

เหตุที่ต้องเรียงแถวกันเข้าไปในถ้ำก็เพราะว่า ทางเข้าถ้ำมรกตที่ยาวประมาณ 80 เมตร นั้นมืดสนิท ถ้าว่ายไปกันเองอาจจะหลงเข้าไปในซอกหลืบไหนของถ้ำ อดชมความสวยงามเสียเปล่าๆ แต่ถ้าเกิดหลุดมือตามคนข้างหน้าไม่ทันขึ้นมาจริงๆ ละก็ ให้ค่อยๆ หาทางออกโดยยึดผนังถ้ำด้านซ้ายเอาไว้

หลังจากปั่นจักรยานน้ำถีบคนข้างหน้าบ้างข้างหลังบ้างอย่างสนุกสนานแล้ว ไม่นานนัก "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็เริ่มเห็นแสงสว่างเรืองๆ อยู่ข้างหน้า เป็นสัญญาณว่าเรากำลังจะพ้นจากความมืดไปยังความสวยงามของชายหาด เล็กๆ แต่สวยงาม กับน้ำทะเลสีเขียวสดใสเหมือนมรกตที่ซ่อนอยู่ภายใน ความสวยที่ได้เห็นทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่า นี่แหละ...สวรรค์กลางทะเลของจริง

ชมถ้ำแบบเสียวไส้ ...ในถ้ำเลเขากอบ

จากถ้ำมรกตมาต่อกันอีกถ้ำหนึ่งในจังหวัดตรัง ซึ่งเป็น Unseen Thailand II นั่นก็คือถ้ำเลเขากอบ ในอำเภอห้วยยอด เป็นลำธารลอดไหลลัดเลาะใต้ภูเขาสูงใหญ่จนเกิดเป็นถ้ำ แต่สำหรับถ้ำนี้เราไม่ต้องว่ายน้ำเข้าไปแล้ว แต่นั่งเรือท้องแบนเข้าไปแทนโดยฝีมือการพายของฝีพายสองคนซึ่งทำหน้าที่เป็นไกด์ด้วยไปในตัว ระหว่างทางล่องเรือนี้ก็ต้องก้มหัวหลบหินเป็นระยะๆ แต่การก้มหลบเพียงเท่านี้ยังนับว่าจิ๊บจ้อยยิ่งนักเมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้เจอภายในถ้ำ

ความยิ่งใหญ่อลังการของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำเลเขากอบนี้ไม่ต้องพูดถึง และในอนาคตก็จะอลังการงานสร้างยิ่งกว่าเดิม เพราะหินงอกหินย้อยเหล่านี้ยัง "เป็น" อยู่ คือยังสามารถงอกเพิ่มเติมได้อีก หากว่าไม่มีใครไปสัมผัสหรือไปโดนมันเสียก่อน เพราะไขมันจากร่างกายเราจะทำให้หินนั้นหยุดการเจริญเติบโต หากเป็นเช่นนั้นก็น่าเสียดายมาก เพราะหินงอกหินย้อยแต่ละอันก็มีรูปร่างสวยงามแปลกแตกต่างกันไป อย่างหินรูปร่างคล้ายเป็ดย่าง คล้ายลูกชิ้น คล้ายหลอดกาแฟ ไม่มีที่ไหนเหมือน

ภายในถ้ำเลเขากอบเต็มไปด้วยถ้ำมากมายเรียกชื่อต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นถ้ำคนธรรพ์ซึ่งเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย รูปร่างแปลกๆ มากมาย ที่มาของชื่อถ้ำมาจากเรื่องเล่าต่อๆ กันว่าชาวบ้านที่มาหาปลาบริเวณนี้มักจะได้ยินเสียงดนตรีดังแว่วมาจากภายในถ้ำ จึงคิดว่าเป็นเสียงดนตรีจากคนธรรพ์ ส่วนถ้ำรากไทร สังเกตได้จากรากขนาดใหญ่ของต้นไทรที่ขึ้นอยู่บนเขาแล้วหยั่งรากลึกลงมาถึงใต้พื้นถ้ำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้นไทรนี้ต้องมีอายุหลายร้อยปีแน่นอน

ส่วนถ้ำที่สาวๆ น่าจะสนใจก็คือถ้ำเจ้าสาว ซึ่งมีหินย้อยยาวลงมาเหมือนกับผ้าม่านของเตียงเจ้าสาว ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่ส่วนที่เรียกว่าม่านเจ้าสาวนี้จะมีช่องว่างที่พอจะลอดเข้าไปได้อยู่สามช่องด้วยกัน สามช่องที่ว่านี้ก็มีความเชื่อในการลอดที่ต่างกัน เช่น ใครที่ยังไม่มีคู่ต้องลอดช่องกลางจึงจะได้แต่งงาน ใครที่มีคู่อยู่แล้วอยากจะแต่งกันเสียทีก็ต้องลอดช่องซ้าย ส่วนใครที่แต่งงานแล้วแต่อยากจะแต่งใหม่อีกรอบก็ต้องเลือกลอดช่องทางขวามือ ก็เป็นความเชื่อน่ารักๆ ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้สนุกกัน

ที่ว่ามานั้นก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจทั้งสิ้น แต่ส่วนที่เป็นไฮไลท์ของถ้ำเลเขากอบจริงๆ นั้นอยู่ในตอนขาออกจากถ้ำต่างหาก ไกด์ให้ทุกคนนอนราบลงกับเรือทำตัวให้แนบเนียนกับพื้นเรือที่สุด "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เองก็รู้มาล่วงหน้าแล้วว่าเดี๋ยวเราจะต้องล่องเรือเรี่ยไปกับเพดานถ้ำ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่คิดว่าพื้นที่ระหว่างปลายจมูกของเรากับเพดานถ้ำนั้นจะห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว!!!

เสียงของฝีพายบอกให้ลูกเรือระวังซ้ายขวาดังอยู่ตลอด และทุกคนก็เชื่อฟังอย่างสุดชีวิต เพราะไม่มีใครอยากให้ใบหน้าสวยๆ หล่อๆ กระแทกหิน ส่วนเรือท้องแบนก็เดินหน้าไปเรื่อยๆ ขณะที่ลูกเรือก็คอยร้องบอกคนพายว่า "หยุดก่อนๆ ...จะโดนแล้วๆ ..." แต่ด้วยความชำนาญของฝีพายทั้งสอง ทุกคนก็พาใบหน้าอันสวยงามผ่านพ้นปากถ้ำออกมาสู่แสงสว่างจนได้ และระยะทาง 350 เมตรที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ต้องนอนใจหายใจคว่ำแถมยังเสียวไส้กลัวหินครูดหน้าอยู่บนท้องเรือนั้น นับเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้

สนุกสนานกับการพายแคนูคลองเจ้าไหม

สำหรับการไปพายเรือแคนูที่หาดเจ้าไหมนี้ไม่ได้เป็นอันซีนไทยแลนด์หรือของที่ไหนหรอก แต่เป็นอันซีนของ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เอง ก็ที่ไหนที่เรายังไม่เคยไปก็น่าจะเรียกว่าเป็นอันซีนได้มิใช่หรือ

แม้จะไม่ได้ถูกยกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนระดับประเทศ แต่กิจกรรมการพายแคนูที่คลองเจ้าไหมนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย จากท่าเรือหาดยาว จะมีเรือยนต์ลำใหญ่ลากเรือแคนูลำเล็กๆ ไปส่งให้ถึงบริเวณแนวป่าโกงกาง ซึ่งเป็นจุดที่เรียกว่าคลองเจ้าไหม เพราะจากท่าเรือไปถึงจุดตรงนั้นนับว่าไกลพอสมควร จึงใช้วิธีลากเรือไปแทนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียพลังงานไปก่อน เพราะเรายังต้องเก็บแรงไว้พายในป่าโกงกางกันอีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรือแคนูแต่ละลำก็จะมีนายท้ายคอยพายให้เป็นหลัก จึงไม่ต้องห่วงว่าจะหมดแรงกลางทาง

ป่าโกงกางที่คลองเจ้าไหมนี้ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก ต้นไม้ขึ้นกันอยู่หนาแน่น ซึ่งนายท้ายเรือบอกว่าช่วงเย็นๆ ก็จะมีลิงโผล่หน้าออกมาให้เห็นด้วย สำหรับระยะทางการพายทั้งหมดก็ประมาณ 3 กิโลเมตร และนอกจากการพายเรือลัดเลาะชมป่าโกงกางแล้ว นักท่องเที่ยวก็จะได้ขึ้นไปชมถ้ำบนภูเขากลางป่าโกงกางอีกด้วย รวมใช้เวลาทั้งหมดก็ประมาณ 3-4 ชั่วโมง

สำหรับถ้ำแรกที่ได้แวะกันนั้นก็คือ ถ้ำเจ้าคุณ ซึ่งภายในนั้นมีค้างคาวจำนวนมาก จุดเด่นของถ้ำเจ้าคุณอยู่ที่ผนังถ้ำจะมีความแวววาวเหมือนกับมีกากเพชรติดอยู่ ถ้าส่องกับแสงไฟฉายแล้วก็จะระยิบระยับสวยงามมากทีเดียว เพราะฉะนั้นใครจะเตรียมไฟฉายไปเองก็จะดีมากทีเดียว

ที่คลองเจ้าไหมนี้ก็มีถ้ำลอดลักษณะเดียวกับถ้ำเลเขากอบด้วยเหมือนกัน ชื่อว่าถ้ำจระเข้ขาว คนพายจะต้องนอนราบไปกับเรือแคนูมองดูเพดานถ้ำเฉียดปลายจมูกไปมา ซึ่งหากวันไหนน้ำขึ้นสูงก็หมดสิทธิ์ลอดถ้ำนี้

เมื่อพายครบรอบ เหนื่อยกันได้ที่ก็จะมีเรือยนต์มาลากเรากลับเข้าสู่ท่าเรือหาดยาวเหมือนขามา เป็นอันจบทริปพายแคนูหาดเจ้าไหมอย่างสนุกสนานแต่เพียงเท่านี้

ทั้งสามแหล่งท่องเที่ยวอันซีนของจังหวัดตรังนี้ก็ทั้งสวยงามและมีมุมที่สนุกสนานไม่แพ้กัน สำหรับหน้าร้อนนี้เลือกได้หรือยังว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี ถ้าเลือกไม่ได้จริงๆ ก็ไปให้หมดทั้งสามที่เลยก็ยิ่งดี

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

สอบถามรายละเอียดโปรแกรมการท่องเที่ยวได้ที่ Trang Travel & Amazing Travel Co., Ltd. โทร.0-7521-9598


อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ที่พักในจังหวัดตรัง
กำลังโหลดความคิดเห็น