โดย : เหล็งฮู้ชง

สำนวนท่องเที่ยวของคนจีนกล่าวไว้ว่า...อยากชมกำแพงเมืองจีน(เฉียงโถว)ให้ไปปักกิ่ง-อยากชมสุสานจิ๋นซี(เฝินโถว)ให้ไปซีอาน-และหากอยากชมภูเขา(ซานโถว)ให้ไปกุ้ยหลิน...เพราะเมืองกุ้ยหลินในมณฑลกวางสี มีภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตามากมายกว่า 27,000 ยอด โดยเฉพาะขุนเขา 2 ฟากฝั่งแม่น้ำหลีนี่งดงามจนถูกยกให้เป็นไฮไลท์สำคัญของการเที่ยวเมืองกุ้ยหลิน
ในอดีต“กุ้ยหลิน” ได้รับการยกย่องให้เป็น“สวรรค์บนพื้นพิภพ” หรือ “ซื่อไหว้เถ้าหยวน”เพราะเป็นเมืองที่งดงามเป็นอย่างยิ่งทั้งขุนเขาและสายน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำหลีที่งดงามจนกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของกุ้ยหลิน

ยลความงามปานเนรมิตที่“ถ้ำขลุ่ยอ้อ”
นอกจากขุนเขาและสายน้ำที่งดงามแล้ว กุ้ยหลินยังมีถ้ำอันงดงามอีกมากมายหลายแห่ง สำหรับถ้ำที่ถือเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ ก็คือ“ถ้ำขลุ่ยอ้อ”ที่ในแต่ละวันมีคนไปเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
“ถ้ำขลุ่ยอ้อ” (หลูตี๋เหยียน) จัดเป็นถ้ำในระดับรับแขกบ้านแขกเมือง ที่เปิดให้คนเที่ยวมานานกว่า 40 ปี ซึ่งพระพี่นางฯเคยเสด็จมาเยือนเมื่อเดือนพ.ย. 2546
สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการบุกป่าฝ่าดงเที่ยวถ้ำในเมืองไทยอย่างผม แรกที่ไปถึงถ้ำขลุ่ยอ้อก็ให้งงเล็กน้อย เพราะทางเข้าถ้ำแห่งนี้ทางเมืองกุ้ยหลินเขาทำเป็นอาคารอย่างดิบดี ดูยังไงๆก็ไม่มีเค้าว่าเป็นทางเข้าถ้ำเลย
แต่ที่ไหนได้พอเดินผมเข้าไปในนั้น มันช่างผิดกับข้างนอกลิบลับเลย โอ้...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก เพราะในถ้ำขลุ่ยอ้อเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยๆงามๆเพียบเลย แถมอากาศภายในก็เย็นสบายไม่ร้อนระยับเหมือนภายนอกถ้ำ

ทั้งนี้ความวิจิตรของหินงอกหินย้อยในถ้ำขลุ่ยอ้อ มีหลายแบบหลากสไตล์เลือกชม และเลือกจินตนาการกันตามใจชอบ ทั้งหินงอกหินย้อย ที่มีลักษณะเป็นปุ่ม เป็นหยด เป็นเสา เป็นแผ่น เป็นริ้ว ดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับหินงอกหินย้อยที่เด่นๆก็มี หินรูปสิงโตรับแขกตอนเดินเข้าถ้ำ หินรูปตุ๊กแก หินรูปตาแป๊ะ หินรูปมนุษย์หิมะ
ส่วนที่เด่นที่สุดระดับไฮไลท์ของถ้ำขลุ่ยอ้อก็คือ“วังบาดาล” ที่เป็นวังน้ำมีหินงอกหินย้อย ทอดเงาตกสะท้อนลงในวังน้ำ ภายใต้แสงไฟสีน้ำเงินที่ส่องประดับ ท่ามกลางโถงถ้ำขนาดใหญ่ ดูแล้ววิจิตรงามดายิ่งนัก
ถัดจากวังบาดาลออกไปเป็นหินม่านโรงละคร ที่ไกด์ชาวจีนมักจะไปยืนร้องเพลงประกอบม่านให้ลูกทัวร์ฟังสร้างสีสันให้กับการเที่ยวถ้ำได้ไม่น้อย ส่วนช่วงสุดท้ายของถ้ำขลุ่ยอ้อก็ถือว่าน่าสนใจยิ่ง เพราะมีกินรูปคล้ายสิงโตตั้งตระหง่านคอยส่งแขก ทำให้การเที่ยวถ้ำแห่งนี้ดูแล้วช่างลงตัวกระไรปานนั้นเพราะตอนเข้ามาก็มีสิงโตรับแขก ส่วนตอนออกก็มาคอยสิงโตส่งแขก

ยลความงามขุนเขาเมืองกุ้ยหลิน
ด้วยความที่เป็นเมืองแห่งขุนเขา ทำให้เขาหลายๆลูกในเมืองนี้มีลักษณะพิเศษรูปร่างแปลกตา โดยเขาที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองก็คือ“เขางวงช้าง” (เซี่ยงปี๋ซาน) ที่หากมองในมุมที่เหมาะเจาะหรือมุมมหาชนแล้วจินตนาการตามก็จะเห็นเป็นรูปช้างยืดงวงลงดูดน้ำในแม่น้ำหลี โดยทุกๆวัน ช่วงเย็นจะที่ริมฝั่งน้ำในมุมมหาชนจะมีคนไปเที่ยวที่เขางวงช้างกันเป็นจำนวนมาก บ้างไปล่องเรือ-ล่องแพไม้ไผ่ออกไปกลางลำน้ำหลี บ้างไปเดินเล่นกินลมชมวิว และที่นิยมกันมากก็คือการไปยืนโพสตท่าถ่ายรูปคู่กับเขางวงช้าง
นอกจากเขางวงช้างแล้ว กุ้ยหลินยังมี “เขาสลายคลื่น” (ฝูโปซาน) เขาที่ว่ากันว่าไม่ว่าคลื่นลมโหมกระหน่ำมาเท่าใด เมื่อมาเจอเขาลูกนี้รับรองคลื่นมลายหายสิ้น สำหรับเขาลูกนี้แม้ไม่มีมุมให้จินตนาการอย่างเขางวงช้างแต่ที่ใต้เขายังมี “ถ้ำคืนไข่มุก”เป็นจุดสนใจ ซึ่งว่ากันว่าเคยมีมังกรอาศัยอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้

ปัจจุบันถ้ำคืนไข่มุกนับเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในกุ้ยหลิน ที่ภายในถ้ำโดดเด่นด้วยพระพุทธรูปแกะสลักหินที่ผนังถ้ำส่วนทางด้านฝั่งริมแม่น้ำหลีของถ้ำยังมีเสาหินที่ตามตำนานจีนเล่าว่า ยอดขุนพลของจีนคนหนึ่งที่มีรูปปั้นตั้งโดดเด่นอยู่หน้าเขาสลายคลื่นได้แสดงบารมีให้นักรบเวียดนามดู โดยใช้ดาบเดียวฟันฉับลงที่เสาหินจนขาดสะบั้นในดาบเดียว ปัจจุบันเสาหินนี้ถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตอีกแห่งของกุ้ยหลิน
ส่วนใครที่ชอบชมวิวบนยอดเขาฝูโบ นับเป็นจุดชมเมืองกุ้ยหลินชั้นยอด ที่แม้ว่าจะต้องรวบรวมพลังเดินขึ้นเขาไปพอเหงื่อซึม แต่เมื่อขึ้นไปถึงบนนั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย เพราะบนยอดเขาสลายคลื่นท่ามกลางสายลมเอื่อยๆเมื่อมองลงไปทางด้านหนึ่งจะเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำหลีที่ดูเขียวใสราวมรกต ส่วนถ้ามองไปอีกด้านก็จะเห็นสภาพตึกรามบ้านเรือนของเมืองกุ้ยหลินที่ตั้งขึ้นท่ามกลางขุนเขาโอบล้อมที่แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัยระหว่าง ผู้คน ขุนเขา สายน้ำ และอาคารบ้านเรือน
และนี่ก็คือเสน่ห์ของเมืองกุ้ยหลิน ที่น่าเที่ยวชมสมดังสำนวนจีนที่กล่าวไว้ว่า หากอยากชมภูเขา(ซานโถว)ให้ไปกุ้ยหลิน...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
กุ้ยหลิน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในมณฑลกวางสี ประเทศจีน มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาว“จ้วง”นามกุ้ยหลินมีที่มาจากอดีตดินแดนนี้มีป่า(หลิน)ต้น “กุ้ยฮวย” เยอะ ซึ่งคนกุ้ยหลินได้นำดอกของต้นกุ้ยฮวยมาตากแห้งอบพร้อมใบชา กลายเป็น “ชากุ้ยหลิน” ที่มีชื่อเสียง
กุ้ยหลินพูดภาษาจีนกลาง เป็นภาษาหลัก ใช้เงินหยวน ซึ่ง 1 หยวน ประมาณ 5 บาท สำหรับแหล่งท่องเที่ยวนอกจากที่กล่าวมาในเนื้อเรื่องแล้ว กุ้ยหลินยังมี กิจกรรมล่องแม่น้ำหลบีชมทิวทัศน์ของขุนเขาแลบะสายน้ำที่ถือเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้จากนอกตัวเมืองไปขึ้นฝั่งที่เมืองหยางซั่ว ส่วนในตัวเมืองก็มีที่เที่ยวน่าสนใจ อาทิ สวนเจ็ดดาว สวนศิลปะ ยอดเขางามเด่น เจดีย์ทอง-เจดีย์เงิน การแสดงกายกรรมในยามค่ำคืน การล่องเรือกลางคืนชม 18 สะพาน 2 แม่น้ำ 4 ทะเลสาบ และชมลิฟต์ยกเรือ
ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการไปเที่ยวเมืองกุ้ยหลินสามารถติดต่อได้ที่บริษัททัวร์ทั่วไป หรือติดต่อที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ล่องแม่น้ำสายสวรรค์เมือง“กุ้ยหลิน”
สำนวนท่องเที่ยวของคนจีนกล่าวไว้ว่า...อยากชมกำแพงเมืองจีน(เฉียงโถว)ให้ไปปักกิ่ง-อยากชมสุสานจิ๋นซี(เฝินโถว)ให้ไปซีอาน-และหากอยากชมภูเขา(ซานโถว)ให้ไปกุ้ยหลิน...เพราะเมืองกุ้ยหลินในมณฑลกวางสี มีภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตามากมายกว่า 27,000 ยอด โดยเฉพาะขุนเขา 2 ฟากฝั่งแม่น้ำหลีนี่งดงามจนถูกยกให้เป็นไฮไลท์สำคัญของการเที่ยวเมืองกุ้ยหลิน
ในอดีต“กุ้ยหลิน” ได้รับการยกย่องให้เป็น“สวรรค์บนพื้นพิภพ” หรือ “ซื่อไหว้เถ้าหยวน”เพราะเป็นเมืองที่งดงามเป็นอย่างยิ่งทั้งขุนเขาและสายน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำหลีที่งดงามจนกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของกุ้ยหลิน
ยลความงามปานเนรมิตที่“ถ้ำขลุ่ยอ้อ”
นอกจากขุนเขาและสายน้ำที่งดงามแล้ว กุ้ยหลินยังมีถ้ำอันงดงามอีกมากมายหลายแห่ง สำหรับถ้ำที่ถือเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ ก็คือ“ถ้ำขลุ่ยอ้อ”ที่ในแต่ละวันมีคนไปเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
“ถ้ำขลุ่ยอ้อ” (หลูตี๋เหยียน) จัดเป็นถ้ำในระดับรับแขกบ้านแขกเมือง ที่เปิดให้คนเที่ยวมานานกว่า 40 ปี ซึ่งพระพี่นางฯเคยเสด็จมาเยือนเมื่อเดือนพ.ย. 2546
สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการบุกป่าฝ่าดงเที่ยวถ้ำในเมืองไทยอย่างผม แรกที่ไปถึงถ้ำขลุ่ยอ้อก็ให้งงเล็กน้อย เพราะทางเข้าถ้ำแห่งนี้ทางเมืองกุ้ยหลินเขาทำเป็นอาคารอย่างดิบดี ดูยังไงๆก็ไม่มีเค้าว่าเป็นทางเข้าถ้ำเลย
แต่ที่ไหนได้พอเดินผมเข้าไปในนั้น มันช่างผิดกับข้างนอกลิบลับเลย โอ้...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก เพราะในถ้ำขลุ่ยอ้อเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยๆงามๆเพียบเลย แถมอากาศภายในก็เย็นสบายไม่ร้อนระยับเหมือนภายนอกถ้ำ
ทั้งนี้ความวิจิตรของหินงอกหินย้อยในถ้ำขลุ่ยอ้อ มีหลายแบบหลากสไตล์เลือกชม และเลือกจินตนาการกันตามใจชอบ ทั้งหินงอกหินย้อย ที่มีลักษณะเป็นปุ่ม เป็นหยด เป็นเสา เป็นแผ่น เป็นริ้ว ดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับหินงอกหินย้อยที่เด่นๆก็มี หินรูปสิงโตรับแขกตอนเดินเข้าถ้ำ หินรูปตุ๊กแก หินรูปตาแป๊ะ หินรูปมนุษย์หิมะ
ส่วนที่เด่นที่สุดระดับไฮไลท์ของถ้ำขลุ่ยอ้อก็คือ“วังบาดาล” ที่เป็นวังน้ำมีหินงอกหินย้อย ทอดเงาตกสะท้อนลงในวังน้ำ ภายใต้แสงไฟสีน้ำเงินที่ส่องประดับ ท่ามกลางโถงถ้ำขนาดใหญ่ ดูแล้ววิจิตรงามดายิ่งนัก
ถัดจากวังบาดาลออกไปเป็นหินม่านโรงละคร ที่ไกด์ชาวจีนมักจะไปยืนร้องเพลงประกอบม่านให้ลูกทัวร์ฟังสร้างสีสันให้กับการเที่ยวถ้ำได้ไม่น้อย ส่วนช่วงสุดท้ายของถ้ำขลุ่ยอ้อก็ถือว่าน่าสนใจยิ่ง เพราะมีกินรูปคล้ายสิงโตตั้งตระหง่านคอยส่งแขก ทำให้การเที่ยวถ้ำแห่งนี้ดูแล้วช่างลงตัวกระไรปานนั้นเพราะตอนเข้ามาก็มีสิงโตรับแขก ส่วนตอนออกก็มาคอยสิงโตส่งแขก
ยลความงามขุนเขาเมืองกุ้ยหลิน
ด้วยความที่เป็นเมืองแห่งขุนเขา ทำให้เขาหลายๆลูกในเมืองนี้มีลักษณะพิเศษรูปร่างแปลกตา โดยเขาที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองก็คือ“เขางวงช้าง” (เซี่ยงปี๋ซาน) ที่หากมองในมุมที่เหมาะเจาะหรือมุมมหาชนแล้วจินตนาการตามก็จะเห็นเป็นรูปช้างยืดงวงลงดูดน้ำในแม่น้ำหลี โดยทุกๆวัน ช่วงเย็นจะที่ริมฝั่งน้ำในมุมมหาชนจะมีคนไปเที่ยวที่เขางวงช้างกันเป็นจำนวนมาก บ้างไปล่องเรือ-ล่องแพไม้ไผ่ออกไปกลางลำน้ำหลี บ้างไปเดินเล่นกินลมชมวิว และที่นิยมกันมากก็คือการไปยืนโพสตท่าถ่ายรูปคู่กับเขางวงช้าง
นอกจากเขางวงช้างแล้ว กุ้ยหลินยังมี “เขาสลายคลื่น” (ฝูโปซาน) เขาที่ว่ากันว่าไม่ว่าคลื่นลมโหมกระหน่ำมาเท่าใด เมื่อมาเจอเขาลูกนี้รับรองคลื่นมลายหายสิ้น สำหรับเขาลูกนี้แม้ไม่มีมุมให้จินตนาการอย่างเขางวงช้างแต่ที่ใต้เขายังมี “ถ้ำคืนไข่มุก”เป็นจุดสนใจ ซึ่งว่ากันว่าเคยมีมังกรอาศัยอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้
ปัจจุบันถ้ำคืนไข่มุกนับเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในกุ้ยหลิน ที่ภายในถ้ำโดดเด่นด้วยพระพุทธรูปแกะสลักหินที่ผนังถ้ำส่วนทางด้านฝั่งริมแม่น้ำหลีของถ้ำยังมีเสาหินที่ตามตำนานจีนเล่าว่า ยอดขุนพลของจีนคนหนึ่งที่มีรูปปั้นตั้งโดดเด่นอยู่หน้าเขาสลายคลื่นได้แสดงบารมีให้นักรบเวียดนามดู โดยใช้ดาบเดียวฟันฉับลงที่เสาหินจนขาดสะบั้นในดาบเดียว ปัจจุบันเสาหินนี้ถือเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตอีกแห่งของกุ้ยหลิน
ส่วนใครที่ชอบชมวิวบนยอดเขาฝูโบ นับเป็นจุดชมเมืองกุ้ยหลินชั้นยอด ที่แม้ว่าจะต้องรวบรวมพลังเดินขึ้นเขาไปพอเหงื่อซึม แต่เมื่อขึ้นไปถึงบนนั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย เพราะบนยอดเขาสลายคลื่นท่ามกลางสายลมเอื่อยๆเมื่อมองลงไปทางด้านหนึ่งจะเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำหลีที่ดูเขียวใสราวมรกต ส่วนถ้ามองไปอีกด้านก็จะเห็นสภาพตึกรามบ้านเรือนของเมืองกุ้ยหลินที่ตั้งขึ้นท่ามกลางขุนเขาโอบล้อมที่แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัยระหว่าง ผู้คน ขุนเขา สายน้ำ และอาคารบ้านเรือน
และนี่ก็คือเสน่ห์ของเมืองกุ้ยหลิน ที่น่าเที่ยวชมสมดังสำนวนจีนที่กล่าวไว้ว่า หากอยากชมภูเขา(ซานโถว)ให้ไปกุ้ยหลิน...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
กุ้ยหลิน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในมณฑลกวางสี ประเทศจีน มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาว“จ้วง”นามกุ้ยหลินมีที่มาจากอดีตดินแดนนี้มีป่า(หลิน)ต้น “กุ้ยฮวย” เยอะ ซึ่งคนกุ้ยหลินได้นำดอกของต้นกุ้ยฮวยมาตากแห้งอบพร้อมใบชา กลายเป็น “ชากุ้ยหลิน” ที่มีชื่อเสียง
กุ้ยหลินพูดภาษาจีนกลาง เป็นภาษาหลัก ใช้เงินหยวน ซึ่ง 1 หยวน ประมาณ 5 บาท สำหรับแหล่งท่องเที่ยวนอกจากที่กล่าวมาในเนื้อเรื่องแล้ว กุ้ยหลินยังมี กิจกรรมล่องแม่น้ำหลบีชมทิวทัศน์ของขุนเขาแลบะสายน้ำที่ถือเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้จากนอกตัวเมืองไปขึ้นฝั่งที่เมืองหยางซั่ว ส่วนในตัวเมืองก็มีที่เที่ยวน่าสนใจ อาทิ สวนเจ็ดดาว สวนศิลปะ ยอดเขางามเด่น เจดีย์ทอง-เจดีย์เงิน การแสดงกายกรรมในยามค่ำคืน การล่องเรือกลางคืนชม 18 สะพาน 2 แม่น้ำ 4 ทะเลสาบ และชมลิฟต์ยกเรือ
ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการไปเที่ยวเมืองกุ้ยหลินสามารถติดต่อได้ที่บริษัททัวร์ทั่วไป หรือติดต่อที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ล่องแม่น้ำสายสวรรค์เมือง“กุ้ยหลิน”