xs
xsm
sm
md
lg

"เกาะปันหยี" ไม่มีช้าง มีแต่คนรักช้าง / ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี

1...

แม้ว่าผมจะรูปไม่หล่อ แต่ก็ยังมีคนสู้อุตส่าห์แอบถ่ายรูปทีเผลอของผมในขณะที่กำลังเดินไปท่าเรือล่องอ่าวพังงา(ท่าเรือด่านศุลกากร)

หะแรกผมคิดว่า พวกตากล้องสมองไวที่ทำตัวเลียนแบบปาปารัชชี่พวกนี้จะแอบถ่ายรูปเราเพราะความแปลก แต่เมื่อพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน ตากล้องพวกนี้ไม่ได้แอบถ่ายผมเพียงคนเดียวแต่ว่าพวกเขาแอบถ่ายภาพทีเผลอคนอื่นๆด้วย ซึ่งพอผมเดินลงท่าเรือไปอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงบางอ้อ

อ้อ!!! พวกเขาถ่ายรูปผมและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆไปอัดลงจานขายเป็นของที่ระลึกนี่เอง

ส่วนใครจะซื้อกลับไปใส่ข้าวกินก็สุดแท้แต่รสนิยม ส่วนผมถ้าซื้อจานใบพิเศษนี้กลับไป พอกลับถึงบ้านคดข้าวใส่จานใบพิเศษแล้วมองเห็นหน้าตัวเองสงสัยกินไม่ลงแน่ๆ เพราะฉะนั้นงานนี้ขอผ่านไปลงเรือเที่ยวอ่าวพังงาดีกว่า

2...

เรือนำเที่ยวขนาดความจุไม่เกิน 30 คน ค่อยๆเคลื่อนลำอย่างช้าๆออกจากท่าเรือด่านศุลกากร

ฝั่งค่อยๆถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ส่วนผืนป่าชายเลนที่มองเห็นในระยะไกลจากบนฝั่งก็ค่อยๆเด่นชัดและเห็นในรายละเอียดมากขึ้น

โกงกาง แสม และพันธุ์ไม้ป่าชายเลนอีกหลายชนิดขึ้นแน่นเต็มสองข้างทาง และนี่ก็คือแหล่งอาหารชั้นยอดทั้งของสัตว์และของชาวประมง ซึ่งในระหว่างทางจะมีเรือประมงพื้นบ้านออกหาปูหาปลากันพอให้เห็นได้ นอกจากนี้ในบางช่วงก็จะมีหมู่บ้านชาวประมงตั้งแอบอิงอยู่ในแวดล้อมของผืนป่าชายเลน

นอกจากจะเป็นแหล่งอาหารชั้นยอด เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นดี ป่าชายเลนยังเป็นเกราะธรรมชาติที่กำบังภัยจากคลื่นยักษ์ ทำให้ช่วงสึนามิผู้คนริมฝั่งบริเวณอ่าวพังงาไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

พ้นจากอ่าวชายเลนไป ท้องทะเลเปิดกว้างมากขึ้น เช่นเดียวกับเสน่ห์ของอ่าวพังงาที่ก็เริ่มมีมากขึ้นตามมา เพราะอ่าวแห่งนี้เต็มไปด้วยเขาหินปูนที่เกิดจากรอยเลื่อนของเปลือกโลกจนเกิดเป็นภูเขาหินรูปร่างแปลกตาต่างๆมากมาย ที่ใครจะมองเห็นเป็นรูปอะไรก็สุดแท้แต่จินตนาการของคนๆนั้น

"นั่นเขาหมาจู" ไกด์บนเรือตะโกนบอกแข่งกับเสียงเรือพร้อมชี้ชวนให้ดูเขารูปร่างคล้ายหมาจู ที่บางคนมีจินตนาการล้ำลึกกว่า มองเขาหมาจูเป็น เขาอูฐ เขาหมาพุดเดิ้ล หรือที่หนักหน่อยก็มองเป็นเขาหมีพูไปโน่น

สำหรับเขาหมาจูถือเป็นหนึ่งในดาวเด่นแห่งอ่าวพังงา แต่ว่าไม่ใช่ในระดับพระเอก เพราะพระเอกแห่งอ่าวพังงานั้นก็คือ "เขาตาปู" ที่ตั้งอยู่เคียงคู่ใกล้ๆกับ "เขาพิงกัน" ซึ่งก่อนจะไปถึงยังภูเขาอันโดดเด่นทั้ง 2 ระหว่างทางเรือนำเที่ยวพาไปรอด"ถ้ำลอด"ชมหินย้อยของถ้ำกลางทะเล และพาไปชมภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์อายุประมาณ 3-5 พันปี ที่คนโบราณส่วนใหญ่เขียนเป็นรูปหลากหลายขนาดไว้ที่ผนังขุนเขากลางน้ำ

งานนี้ใครจะเห็นเป็นรูปอะไรก็ต้องจินตนาการตามอีกเหมือนเดิม เช่นเดียวกับเขาตาปูจุดหมายปลายทางต่อไปที่ต้องพยายามจินตนาการมองให้เป็นตาของปูยักษ์ข้างเดียวที่โผล่ขึ้นมาโด่เด่กลางทะเล

ในขณะที่บางคนมองเป็นเขาตะปู เพราะลักษณะของเขาลูกนี้ดูคล้ายตะปูขนาดยักษ์ตอกปักลงไปกลางทะเลไม่น้อย แต่คนพังงายืนยันว่าเขาลูกนี้เรียกว่าเขาตาปูตามเหตุผลที่กล่าวมาเบื้องต้น

ส่วนผมมองเป็นเขาสากกะเบืออ่ะ เพราะเขาลูกนี้มองดูคล้ายๆกับสากกะเบือยักษ์กลับหัวปักลงไปกลางทะเลยังไงยังงั้น นี่ดีนะที่อ่าวพังงาไม่มีตำนานปรัมปราเกี่ยวกับยักษ์เขวี้ยงสากเหมือนเช่นรามสูรเขวี้ยงขวาน ไม่เช่นนั้นก็จะมีคนเรียกเขาตาปูว่าเขาสากกะเบือกันไม่น้อยทีเดียว

แต่ไม่ว่าจะมองเขาตาปู เป็นเขาอะไร ยังไงๆมันก็ไม่น่าอิจฉาเท่า"เขาพิงกัน" ที่ตั้งอยู่ข้างๆกับเขาตาปู

เขาพิงกัน นับเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าพิศวงและชวนทึ่ง เพราะมีลักษณะเป็นหน้าผาตัดเรียบเอนพิงกันโดยมีถ้ำเล็กๆอยู่ภายใน ที่ช่วงหนึ่งดูอุจจาดตาด้วยรอยขูดขีดผนังถ้ำของพวกมือบอน ที่แม้ว่าจะมีการนำเอาเทวรูปไปตั้งไว้ พวกมันก็หาได้สำนึกใดๆไม่

นอกจากจะแปลกประหลาดแล้ว เขาพิงกันยังเป็นจุดขึ้นบกให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิว ซื้อของที่ระลึก ถ่ายรูปคู่กับเขาตาปู หรือไม่ก็ยืนแอบอิงพิงกันถ่ายรูปคู่กับเขาพิงกัน ที่ก็สามารถสร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับผมได้ไม่น้อยทีเดียว

โอว...ขนาดเขายังพิงกัน แต่ทำไมเธอไม่พิงฉันบ้าง...

3...

ลมทะเลพัดเอื่อยๆ เรือนำเที่ยวแล่นเรื่อยๆ

ระหว่างทางกลับผมเห็นเรือนำเที่ยวแล่นสวนไป-มา โดยมีเรือประมงพื้นออกจับปูจับปลาอยู่ในบริเวณน่านน้ำด้วย

เรือนำเที่ยวแล่นกลับมาในเส้นทางเดิม แต่ว่าไม่ได้มุ่งหน้าตรงดิ่งกลับเข้าฝั่งในทันที เพราะในระหว่างทางยังมีดาวเด่นทีเด็ดอีกหนึ่งอย่างให้แวะเที่ยวชมนั่นก็คือ"เกาะปันหยี" เกาะแห่งวิถีชีวิตกลางทะเลอ่าวพังงา(ที่ตอนขามาก็ผ่านแต่ไม่ได้แวะขึ้นเกาะ)

เกาะปันหยี มีลักษณะเป็นหมู่บ้านกลางทะเล เพราะบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างทั้งหมดบนเกาะปลูกสร้างอยู่กลางทะเล ส่วนคนบนเกาะนั้นเป็นชาวมุสลิมที่มีกฎห้ามกินเหล้า เล่นการพนันบนเกาะโดยเด็ดขาด ไม่ว่าทั้งชาวบ้านบนเกาะหรือนักท่องเที่ยว

เดิมชาวเกาะปันหยีมีอาชีพหลักคือทำประมง แต่เมื่อการท่องเที่ยวอ่าวพังงาฟูเฟื่องส่วนปูปลาก็หายากขึ้น ชาวบ้านส่วนหนึ่งบนเกาะจึงเปลี่ยนมาขายสินค้า เสื้อผ้า อาหาร และของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งก็สร้างความคึกคักและสีสันให้กับเกาะแห่งนี้ได้ดีทีเดียว

บนเกาะปันหยี ผมเดินโต๋เต๋ชมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านบนเกาะ ก่อนที่จะขอนุญาติทางมัสยิดศูนย์รวมจิตใจของชาวเกาะขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าเพื่อถ่ายรูปในมุมสูง ที่เมื่อมองลงมาเห็นหลังคาบ้านเรือนปลูกติดกันเรียงรายท่ามกลางแผ่นน้ำแผ่นฟ้า

ท้องฟ้า ท้องทะเลแม้เวิ้งว้าง แต่บนเกาะปันหยีกลับไม่ร้างไร้ซึ่งชีวิตชีวา

พอลงจากดาดฟ้ามัสยิด ผมเดินเตร็ดเตร่ชมบ้านเรือน ร้านรวงต่างๆตามซอกซอยที่เป็นทางเดินเชื่อมถึงกันไปเรื่อยๆ ก่อนจะไปหยุดดูเด็กๆเตะบอลกันบนสนามปูนในโรงเรียนเกาะปันหยี ซึ่งเด็กๆและคุณครูในโรงเรียนนี้นับว่ามีความสามารถไม่น้อย เพราะว่าพวกเขาทั้งเรียน เล่น และสอนกันกลางทะเล

โดยเฉพาะห้องเรียนที่คุณครูสอนเด็กๆเกี่ยวกับช้างนี่น่าสนใจมาก

"ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า..."

เสียงใสๆของเด็กๆดังลั่นกลางโรงเรียนกลางทะเล ซึ่งคุณครูไม่เพียงแค่สินเด็กร้องเพลงช้างเท่านั้น แต่คุณครูยังสอนเด็กๆให้รู้จักเรื่องราวเกี่ยวกับช้างอีกด้วย

แม้บนเกาะปันหยีจะไม่มี่ช้าง แต่เด็กๆบนเกาะปันหยีก็ได้รับรู้เรื่องราวของช้างผ่านหนังสือและทีวี ที่ก็ทำให้พวกเขาแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับช้างออกมาได้อย่างกินใจ น่ารัก น่าชัง โดยเด็กๆต่างวอนให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์ช้างทั้งๆที่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นช้างจริงๆตัวเป็นๆ

นั่นเป็นสิ่งที่พอผมได้เห็น ได้ยินแล้วก็อดอมยิ้มในความน่ารักของน้องกลางท้องทะเลไม่ได้ แต่เมื่อคิดเตลิดเปิดเปิงก็อดหวั่นใจไม่ได้ เพราะในอนาคตผมกลัวว่าเด็กนักเรียนทั่วไทยอาจจะต้องศึกษาเล่าเรียนเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับช้างไทยเหมือนกับเด็กๆที่โรงเรียนเกาะปันหยีก็เป็นได้ เนื่องจากว่าในวันนั้นช้างได้สูญพันธุ์หมดไปจากเมืองไทยแล้ว...

****************************************************

การเดินทางสู่อ่าวพังงา สามารถไปได้จากตัวจังหวัดพังงาบนทางหลวงหมายเลข 4 มุ่งสู่อำเภอโคกกลอย ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 8 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4144 นำไปสู่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ซึ่งอยู่ห่างจากทางแยก 4 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถประจำ ทาง จากตัวจังหวัดไปที่อุทยานฯเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร การเช่าเรือล่องอ่าวพังงา หากประสงค์จะเช่าเรือนำเที่ยวก็มีเรือบริการออกจากท่าเรือต่าง ๆ ดังนี้คือ
- ท่าเรือท่าด่านศุลกากร ใกล้โรงแรมพังงาเบย์รีสอร์ท มีเรือนำเที่ยวหลายขนาด ถ้าเดินทางมาเป็น คณะใหญ่ ควรลงเรือที่ท่านี้ เพราะมีเรือขนาดใหญ่คอยบริการ
- ท่าเรือสุระกุลหรือท่าเรือกะโสม ในอำเภอตะกั่วทุ่ง เป็นเรือหางยาวจุประมาณลำละ 6 คน
- ท่าเรือในบริเวณอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เป็นเรือหางยาวจุลำละประมาณ 8 คน

ทั้งนี้ อ่าวพังงาอยู่ในการดูแลของ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา โดยทางอุทยานฯ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว สามารถติดต่อได้ที่อุทยานฯอ่าวพังงา โทร.0-7641-2188 ส่วนใครที่อยากจะพักในเมืองพังงาหรือที่ภูเก็ตก็สามารถสอบถามได้ที่ ททท.ภาคใต้เขต 4 โทร. 0-76 21-1036, 0-7621-7138, 0-7621-2213

กำลังโหลดความคิดเห็น