xs
xsm
sm
md
lg

เยือน"เกาะสีชัง" ยลมนต์ขลังถิ่นประวัติศาสตร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รองเท้าผ้าใบคู่เก่งของ"ผู้จัดการท่องเที่ยว"ถูกหยิบขึ้นมาใช้งานอีกครั้งกับการเดินทางของเช้าวันใหม่ ในทริปนี้เรามุ่งหน้าสู่เกาะสีชัง จ.ชลบุรี เกาะใกล้กรุงที่นอกจากจะเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แล้วเกาะแห่งนี้ยังมากมายไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ราวๆ 2 ชั่วโมงกว่าจากกรุงเทพฯ "ผู้จัดการท่องเที่ยว"เดินทางก็มาถึงยังท่าเรือท่าเรือจรินทร์ในอ.ศรีราชา ที่ข้ามสู่เกาะสีชัง หลังจากนั้นเราก็ไม่รีรอจ่ายค่าเรือมุ่งหน้าสู่เกาะสีชังทันที

1...

ระหว่างทางหลังเรือเคลื่อนลำออกจากฝั่งศรีราชา เราก็สัมผัสได้ถึงความเย็นสบายของสายลมที่พัดผ่าน โดยสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตา ก็คือท้องฟ้าสีครามและท้องทะเลสีน้ำเงินเข้มต้องประกายแดดระยิบระยับ ที่บางช่วงจะเต็มไปด้วยเรือสินค้าน้อยใหญ่ลอยเรียงรายเท้งเต้งอยู่กลางทะเล

หลังเพลิดเพลินกับการนั่งทอดหุ่ยชมทิวทัศน์ราวๆครึ่งชั่วโมง เราเริ่มมองเห็นเกาะสีชังเด่นชัดขึ้น และเมื่อเรือยิ่งแล่นเข้าไปใกล้ตัวเกาะมากขึ้น ภาพของเกาะฝั่งท่าเรือที่เต็มไปด้วยอาคารสิ่งปลูกสร้างที่ถูกสร้างไล่ระดับตามแนวเขาก็ยิ่งเด่นชัดในสายตามากขึ้น

ครั้นเมื่อเรือมาจอดเทียบท่า สิ่งแรกที่เราพานพบก็คือ บรรยากาศของเกาะแห่งนี้ที่มีชีวิตชีวาของวิถีชุมชน ไม่ว่าจะเป็นร้านรวง วิถีชาวบ้าน และที่สะดุดตา"ผู้จัดการท่องเที่ยว"เป็นอย่างยิ่งก็คือรถสามล้อประเภท"รถสกายแล็ป" ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับรถตุ๊ก ตุ๊ก ที่จอดอยู่เรียงรายคอยให้บริการกับนักท่องเที่ยว ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อันน่ายลของเกาะสีชัง ที่นักท่องเที่ยวหลายๆคนนิยมใช้บริการรถสกายแล็ปนำเที่ยว เพราะว่านอกจากจะได้อารมณ์แล้วยังบอกให้สารถีคนขับแวะจอดถ่ายรูปได้ตามอำเภอใจอีกด้วย

2...

ถิ่นสุขกายสุขด้วย ถิ่นดี
จิตรโปร่งปราศราคี ชุ่มชื้น
สองสุขแห่งชาวสี ชังเกาะ นี้แฮ
อายุย่อมยืนพื้น แต่ร้อยเรือนริม
บทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 5


หนึ่งในความโดดเด่นของเกาะสีชังก็คือความสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งยุครัตนโกสินทร์ เพราะเกาะแห่งนี้เคยเป็นเกาะที่ประทับของพระมหากษัตริย์ไทยถึง 3 รัชกาล คือ รัชกาลที่ 4, รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 นอกจากนี้ยังเป็นที่ประทับสำหรับใช้บริหารพระราชกรณียกิจปกครองประเทศบ้านเมืองระยะหนึ่งในรัชกาลที่ 5 รวมถึงเป็นสถานที่พักอาศัยประชุมและดำเนินกิจการบ้านเมือง ซึ่งเกาะสีชังยังได้รับพระปรมาภิไธยที่ทรงจารึกไว้ด้วยพระราชหัตถ์อยู่หลายแห่ง เช่น ที่ปากถ้ำเขาพระจุลจอมเกล้าว่า "ถ้ำพระจุลจอมเกล้า" เมื่อ วันที่ 24 สิงหาคม รัตนโกสินทร์ศก 110 ด้วยอักษรไทย, ภาษาอังกฤษ และที่ยอดเขาพระจุลจอมเกล้า เป็นต้น

นอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว เกาะสีชังยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง โดยจุดแรกบนเกาะที่เราไปเยือนก็คือ "สะพานอัษฏางค์" ที่ชวนมองสะพานสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดตัวยาวลงสู่ทะเล โดยตามช่วงต้น กลาง และปลายสะพาน จะเป็นศาลาที่พักทรงไทยรูปทรงสมส่วน วันไหนท้องท้องฟ้าและท้องทะเลเป็นใจ สีขาวของสะพานจะตัดกับสีครามของท้องฟ้าและสีน้ำเงินของท้องทะเลดูโรแมนติกยิ่งนัก

"ผู้จัดการท่องเที่ยว" เดินชมบรรยากาศและทิวทัศน์รอบข้างบนสะพานอัษฏางค์ที่ทอดยาวออกไปสู่ท้องทะเล ที่หากมองไปทางฟากหนึ่งของสะพานจะเห็นชายหาดสีขาวที่ยาวเป็นแนวโค้งยาวทอดตัวออกสู่ทะเลสีมรกตที่ดูแล้วมีความแตกต่างและกลมกลืนอยู่ในตัว

ส่วนบริเวณรอบๆข้างสะพานมีต้นลีลาวดีหรือต้นลั่นทมปลูกอยู่เรียงรายแต่น่าเสียดายว่าในวันที่เราไปนั้น ต้นลั่นทมดอกร่วงหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นเราคงได้เห็นเสน่ห์ของดอกลั่นทมบานชูช่อประดับกับความงามของสะพานอัษฏางค์เป็นแน่แท้

ถัดจากสะพานอัษฏางค์ไม่ไกลนักเป็นที่ตั้งของ"พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์" จุดหมายต่อไปของ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" พระที่นั่งแห่งนี้เป็นพระที่นั่งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการประกาศให้สร้าง ซึ่งปัจจุบันยังคงสภาพให้เห็นกันแต่เพียงฐานของตัวพระที่นั่งเท่านั้น

3...

แสงแดดที่สาดส่องแรงลงมาในเวลาช่วงใกล้เที่ยงอย่างนี้ไม่ได้ทำให้เราย่นย่อต่อถนนที่ลาดชันบนเกาะสีชังแต่อย่างใด เพราะบนเส้นทางสายนี้ได้พาเราขึ้นไปสัมผัสกับงามที่ด้านบนของเกาะ ซึ่งบนนั้นมี "วัดอัษฎางค์นิมิตร"เป็นจุดหมายปลายทาง

วัดอัษฏางค์นิมิตร สร้างอยู่บนยอดเขาซึ่งก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก ตัวโบสถ์โดเด่นไปด้วยสีขาวเนียน ซึ่งยามเมื่อเงยมองผ่านโบสถ์ขึ้นไปในวันท้องฟ้าเป็นใจ สีขาวของโบสถ์จะตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดดูโดดเด่นยิ่งนัก ส่วนที่ด้านหน้าของโบสถ์ก็มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ที่เป็นต้นโพธิ์ที่รัชกาลที่ 5 ทรงปลูกเอาไว้ ซึ่งก็มีบางคนในคณะร่วมเดินทางของเราไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง

ระหว่างการเดินขึ้นไปตามทางเนินลาดนั้น มีจุดชมวิวอยู่หลายจุดที่สามารถมองเห็นภาพของเกาะในมุมกว้าง ที่รอบๆเรียงรายไปด้วยเรือสินค้าน้อยใหญ่ นอกจากนี้ยังมียังมีสถาปัตยกรรมต่างๆ ให้เราได้ชื่นชมความงามกันอีก อย่างพระราชวังจุฑาธุชธาชฐาน ที่อยู่ห่างจากท่าเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน ที่ภายในมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง ถัดขึ้นไปเป็นตึกวัฒนา พระตำหนักทรงปั้นหยา เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม ตึกอภิรมย์ ส่วนพระราชวังซึ่งทำด้วยไม้สักได้รื้อไปก่อสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆ ที่กรุงเทพฯ

นอกจากนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ได้แก่ สระน้ำ บ่อน้ำ สะพานท่าเทียบเรือ และประภาคารที่สามารถมองเห็นท้องทะเลได้รอบทิศทาง และไม่เพียงแค่สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ในบริเวณนี้ เรายังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามได้จากจุดชมวิวต่างๆ ที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจกับภาพท้องทะเลในมุมกว้างที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก

เมื่อได้ทราบถึงความเป็นประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้แล้ว ก็ทำให้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว”รู้สึกได้ถึงความงดงามที่มนุษย์และธรรมชาติสรรค์สร้าง ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ซึ่งนี่ถือเป็นเสน่ห์อันโดดเด่นของเกาะสีชังที่น่ายลยิ่งนัก

4…

ครั้นออกจากวัดอัษฏางค์ เวลาก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่าๆแล้ว เราจึงไปหาอะไรใส่ท้องตุนพลังงานไว้ ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไป ยังช่องเขาขาด หรือ ช่องอิศริยาภรณ์ และหาดหินกลม ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแล้ว ยังเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาตกปลาที่นี่กันเป็นจำนวนมาก

สำหรับท้องทะเลแถบนี้มีหาดหินก้อนกลมเกลี้ยงเป็นที่มาของชื่อหาด ส่วนบริเวณช่องเขาขาดจะมีทางเดินสีขาวทอดตัวยาวลงสู่เบื้องล่างลดระดับไปตามไหล่เขา โดยทางเดินสายนี้ 2 ข้างทางประดับประดาไปด้วยดวงไฟหงส์ไปจนสุดสาย

ณ ตรงจุดนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว"รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะด้วยทัศนียภาพที่งดงามของธรรมชาติ ที่ธรรมชาติได้ปรุงแต่งไว้ให้เราได้ชื่นชมกัน นับเป็นความงดงามที่เรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์ ยิ่งยามเมื่อได้เห็นแสงอาทิตย์ทอประกายลงไปกระทบกับพื้นน้ำเป็นประกายระยิบระยับ พร้อมด้วยสายลมเย็นๆที่พัดผ่านที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นจนล้นเหลือ ซึ่งนี่ถือเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวที่ช่วยเติมเต็มพลังแห่งชีวิตให้เราพร้อมที่จะกลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานและเผชิญโลกแห่งความจริงในป่าคอนกรีตต่อไป...

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

การเดินทางสู่เกาะสีชัง จากกรุงเทพฯ ไปยัง อ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีระยะทางประมาณ 117 กิโลเมตร และเดินทางต่อไปยังท่าเรือจรินทร์เพื่อขึ้นเรือต่อไปยังเกาะสีชังในราคา 20 บาท/คน ตั้งแต่ เวลา 07.00  - 20.00 น. ออกทุก 1 ชั่วโมง ระยะเวลาประมาณ 45 นาที  ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่ ททท. ภาคกลาง เขต 3 โทร. 0-3842-3990, 0-3842-7667, 0-3842-8750

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ที่พัก

เยือน“เกาะสีชัง” สัมผัสมนต์ขลังความงามใกล้กรุงฯ

เกาะสีชัง


กำลังโหลดความคิดเห็น