โดย : ลูกหว้า

ตั้งแต่เด็กจนโต เคยมีคนถามฉันหลายครั้งหลายคราว่ามีเชื้อจีนบ้างหรือเปล่า ฉันก็ต้องตอบไปตามตรงว่า "มี"แต่เป็นส่วนน้อย เพราะฉะนั้นช่วงชีวิตหนึ่งที่หนุ่มสาวหน้าตาตี๋ๆหมวยๆกำลังฮิต ฉันจึง(คิด)เข้าข้างตัวเองว่าเราก็หน้าตาอินเทรนด์เหมือนกันนะเนี่ย ฮ่า..ฮ่า
ด้วยความที่บ้านเป็นคนไทย แต่มีเชื้อสายจีนอยู่เพียงน้อยนิด ฉันก็เลยไม่เคยได้ไหว้เจ้าหรือฉลองตรุษจีนอะไรกับใครเขา ยิ่งวัฒนธรรมจีนฉันยิ่งรู้แบบงูๆปลาๆ อาศัยว่ามีรุ่นน้องที่เป็นอาหมวยตัวจริงคอยอธิบายถึงวัฒนธรรมและความคิดของคนจีนให้ฉันได้เข้าใจ
แต่นั่นก็เป็นเพียงคำบอกเล่าจากปากต่อปาก เพราะฉะนั้นฉันจึงดีใจมากที่บัตรเครดิตท่องเที่ยวธนาคารกรุงเทพ ชักชวนให้ร่วมเดินทางไปเยือนเมืองเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ในประเทศจีน ฉันจึงตกปากรับคำแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากมาย

แรกที่เหยียบแผ่นดินจีน ฉันรู้สึกว่าสรรพสิ่งรอบตัวดูเปลี่ยนไป ทั้งภาษาพูด ตึกรามบ้านช่อง หรือแม้กระทั่งอากาศที่สูดเข้าปอดก็ดูไม่คุ้นเคย แต่กระนั้นก็ทำให้ฉันตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อตระหนักว่ากำลังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินจีนอันยิ่งใหญ่ ฉันเคยดูภาพยนตร์จีนมาก็มาก อาหารจีนก็กินบ่อย แต่ก็ยังไม่ถือเป็นประสบการณ์ตรงเหมือนกับครั้งนี้ที่ฉันจะได้ใช้สัมผัสทั้ง 5 เรียนรู้วัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเชียงรุ้ง หนึ่งในเมืองที่มีประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตที่น่าสนใจอีกเมืองหนึ่งของประเทศจีน
"เชียงรุ้ง" หรือที่เดิมเรียกว่า"เชียงรุ่ง" (Jinhong)เป็นเมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนา ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณของชาวไทลื้อ(ไตลื้อ)ที่มีวิถีชีวิตและประเพณีบางอย่างคล้ายกับชาวบ้านในแถบภาคเหนือของประเทศไทย อีกทั้งภาษาบางคำก็ยังคล้ายกับคำเมืองในภาคเหนือด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าฉันจะรู้สึกอบอุ่นใจเพียงใดเมื่อได้มาเยือน "หมู่บ้านกาหลั่นป้า" ที่เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมเก่าแก่ของพี่น้องไทลื้อ ซึ่งที่นี่จะอนุรักษ์บ้านเรือนและคงวิถีชีวิตไว้ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆท่านๆได้ยลกัน ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดูเป็นการค้ามากไปหน่อยตามยุคสมัย อย่างเช่นการเร่ขายพวงมาลัยดอกไม้ให้นักท่องเที่ยวในราคาพวงละ 1 หยวน ที่แม่ค้าใส่ชุดพื้นเมืองต่างเข้ามารุมล้อมฉันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นไข่แดงก็มิปาน จริงอยู่ราคาพวงมาลัยดอกไม้ไม่ได้สูงมากมาย แต่ด้วยวิธีการขายอย่างนี้ก็ทำให้นักท่องเที่ยวขวัญหนีดีฝ่อได้เหมือนกัน
ฉันเดินดูของที่ระลึกวางขายอยู่ทั่วไปตามหน้าบ้านแต่ละหลัง มีผู้หญิงชาวไทลื้อผมยาวคอยสื่อสารกับเราด้วยภาษาที่บางคำคล้ายกับคำเมือง แต่บางคำก็เป็นภาษาจีนที่คนไทยอย่างฉันไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการซื้อของแต่อย่างใด เพราะเราสื่อสารกันด้วยภาษาที่คลาสสิกที่สุดนั่นคือภาษามือ แต่ก็สนุกดีเหมือนกันเพราะอย่างน้อยก็มีเครื่องคิดเลขคอยช่วยเวลาต่อราคาสินค้า
หลังจากที่เดินไปได้ซักพักก็มาถึงวัดสวนมอน จุดมุ่งหมายคือมาสักการะพระพุทธรูปในวัดไทลื้อแห่งนี้ แต่พอเดินเข้าประตูไม้ได้ไม่ทันไร ก็ต้องตะลึงกับเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามสะท้อนแสงแดดยามบ่ายเป็นยิ่งนัก ฉันอดใจไม่ไหวหลังจากยกมือไหว้แล้วจึงต้องวานคนข้างๆให้ช่วยแชะ..แชะรูปเป็นที่ระลึกสักภาพสองภาพ หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปสักการะพระพุทธรูปตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก

ฉันสังเกตว่าอาชีพยอดฮิตของที่นี่ นอกจากจะขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังนิยมตามถ่ายรูปนักท่องเที่ยวแล้วนำมาปริ๊นท์เป็นภาพสีขายในราคาแผ่นละ 5 หยวน ซึ่งก็ถือว่าเป็นอาชีพที่ไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย แถมได้ราคาดีเสียด้วย
เสร็จจากหมู่บ้านกาหลั่นป้า ฉันออกเดินทางต่อไปยังสวนม่านทิง เพื่อไปเยี่ยมชมอนุสาวรีย์โจว เอินไหล ที่ในอดีตเคยเป็นนายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งชาวสิบสองปันนาถือว่าท่านเป็นวีรบุรุษที่พัฒนาเมืองนี้ให้น่าอยู่และรุ่งเรือง ส่งผลให้ประชาชนอยู่ดีกินดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
สำหรับอนุสาวรีย์โจว เอินไหล ที่นี่สร้างเป็นอิริยาบทที่ท่านสวมชุดพื้นเมืองกำลังเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ อย่างที่บอกว่าประเพณีบางอย่างของชาวไทลื้อจะคล้ายกับคนไทยเรา ที่นี่นอกจากจะมีประเพณีสงกรานต์แล้ว ยังมีการปล่อยโคมลอยโดยหางของโคมจะร้อยด้วยเชือกที่ผูกด้วยข้าวของเครื่องใช้หรืออาหารแห้ง โดยหวังว่าจะตกไปถึงผู้ยากไร้ซึ่งถือว่าเป็นการทำทานอย่างหนึ่ง
สองขาพาฉันเดินไปเรื่อยๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วสวนม่านทิงแห่งนี้ก็มิใช่เล็กๆ แต่แปลกที่ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยหรือร้อนแต่อย่างใด คงจะเป็นเพราะต้นไม้น้อยใหญ่ที่รายล้อมอยู่โดยรอบ แสงแดดที่ว่าแรงแค่ไหนเจอกิ่งก้านสาขาที่แผ่ขยายเต็มท้องฟ้าแบบนี้ก็มีอันต้องหลบไปเหมือนกัน
นอกจากอนุสาวรีย์โจว เอินไหลแล้ว สิ่งที่ถือว่าพิเศษในสวนม่านทิงแห่งนี้เห็นจะเป็นสวนนกยูง ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของชาวไทลื้อ ในสวนแห่งนี้มีนกยูงนับร้อยตัว ฉันไม่เคยเห็นนกยูงที่ไหนเยอะเท่าที่นี่มาก่อนจึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากทางการจีนเข้มงวดเรื่องไข้หวัดนกมาก สวนนกยูงในช่วงที่ฉันไปจึงต้องถูกปิดเป็นการชั่วคราว งานนี้ทำเอาฉันได้แต่มองลอดลูกกรงเข้าไปในใจนึกเสียดาย แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตในภายหน้าได้เห็นนกยูงแค่นี้ก็นับว่าดีแล้ว

เดินไปอีกสักพักจะเจอกับเจดีย์ขาวจำลอง ฉันไม่ค่อยมีความรู้ด้านสถาปัตยกรรมเท่าใดนัก จึงไม่แน่ใจว่าเจดีย์ที่เห็นตรงหน้าเป็นแบบใด แต่ที่แน่ใจคือเป็นเจดีย์ที่งดงามองค์หนึ่ง ฉับพลัน...ฉันนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ไปวัดป่าเจ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อปากน้ำเป็นผู้ร่วมสร้างถวายเลย หลังจากที่เดินหายังไม่ทันเหนื่อยก็เจอะเจอกับเจดีย์แปดเหลี่ยมจำลอง ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1701 โดยเจดีย์แห่งนี้ฉันได้ยินคนพูดกันว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างไทยใหญ่และไทยพุทธ
หลังจากเดินวนนับเหลี่ยมของเจดีย์จนมึนศีรษะแล้ว ฉันก็เข้าไปสักการะพระพุทธรูปที่อยู่ภายในวัดป่าเจแห่งนี้ นอกจากจะขอพรให้เดินทางปลอดภัยแล้ว ฉันยังถือโอกาสนั่งพักและซึมซับบรรยากาศรอบตัวก่อนจะเตรียมตัวกลับที่พักเพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้สำหรับเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น ซึ่งฉันจะมาเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศการนั่งเคเบิ้ลคาร์ครั้งแรกในชีวิต ที่จะน่าตื่นเต้นแค่ไหนคงต้องตามอ่านกันต่อตอนหน้า...(อ่านต่อตอนหน้า)
การเดินทางไปเชียงรุ้งมีสายการบินที่ให้บริการจากกรุงเทพฯสู่เมืองเชียงรุ้ง ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส บินทุกวันอังคาร,พฤหัสฯ,เสาร์ หรือหากเดินทางโดยเรือท่องเที่ยว ขึ้นที่ท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงรายสู่เมืองเชียงรุ้ง ใช้เวลา 12 ชั่วโมง(ทวนน้ำ)แต่เป็นการให้บริการเฉพาะเช่าเหมาลำ
ตั้งแต่เด็กจนโต เคยมีคนถามฉันหลายครั้งหลายคราว่ามีเชื้อจีนบ้างหรือเปล่า ฉันก็ต้องตอบไปตามตรงว่า "มี"แต่เป็นส่วนน้อย เพราะฉะนั้นช่วงชีวิตหนึ่งที่หนุ่มสาวหน้าตาตี๋ๆหมวยๆกำลังฮิต ฉันจึง(คิด)เข้าข้างตัวเองว่าเราก็หน้าตาอินเทรนด์เหมือนกันนะเนี่ย ฮ่า..ฮ่า
ด้วยความที่บ้านเป็นคนไทย แต่มีเชื้อสายจีนอยู่เพียงน้อยนิด ฉันก็เลยไม่เคยได้ไหว้เจ้าหรือฉลองตรุษจีนอะไรกับใครเขา ยิ่งวัฒนธรรมจีนฉันยิ่งรู้แบบงูๆปลาๆ อาศัยว่ามีรุ่นน้องที่เป็นอาหมวยตัวจริงคอยอธิบายถึงวัฒนธรรมและความคิดของคนจีนให้ฉันได้เข้าใจ
แต่นั่นก็เป็นเพียงคำบอกเล่าจากปากต่อปาก เพราะฉะนั้นฉันจึงดีใจมากที่บัตรเครดิตท่องเที่ยวธนาคารกรุงเทพ ชักชวนให้ร่วมเดินทางไปเยือนเมืองเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ในประเทศจีน ฉันจึงตกปากรับคำแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากมาย
แรกที่เหยียบแผ่นดินจีน ฉันรู้สึกว่าสรรพสิ่งรอบตัวดูเปลี่ยนไป ทั้งภาษาพูด ตึกรามบ้านช่อง หรือแม้กระทั่งอากาศที่สูดเข้าปอดก็ดูไม่คุ้นเคย แต่กระนั้นก็ทำให้ฉันตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อตระหนักว่ากำลังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินจีนอันยิ่งใหญ่ ฉันเคยดูภาพยนตร์จีนมาก็มาก อาหารจีนก็กินบ่อย แต่ก็ยังไม่ถือเป็นประสบการณ์ตรงเหมือนกับครั้งนี้ที่ฉันจะได้ใช้สัมผัสทั้ง 5 เรียนรู้วัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเชียงรุ้ง หนึ่งในเมืองที่มีประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตที่น่าสนใจอีกเมืองหนึ่งของประเทศจีน
"เชียงรุ้ง" หรือที่เดิมเรียกว่า"เชียงรุ่ง" (Jinhong)เป็นเมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนา ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณของชาวไทลื้อ(ไตลื้อ)ที่มีวิถีชีวิตและประเพณีบางอย่างคล้ายกับชาวบ้านในแถบภาคเหนือของประเทศไทย อีกทั้งภาษาบางคำก็ยังคล้ายกับคำเมืองในภาคเหนือด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าฉันจะรู้สึกอบอุ่นใจเพียงใดเมื่อได้มาเยือน "หมู่บ้านกาหลั่นป้า" ที่เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมเก่าแก่ของพี่น้องไทลื้อ ซึ่งที่นี่จะอนุรักษ์บ้านเรือนและคงวิถีชีวิตไว้ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆท่านๆได้ยลกัน ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดูเป็นการค้ามากไปหน่อยตามยุคสมัย อย่างเช่นการเร่ขายพวงมาลัยดอกไม้ให้นักท่องเที่ยวในราคาพวงละ 1 หยวน ที่แม่ค้าใส่ชุดพื้นเมืองต่างเข้ามารุมล้อมฉันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นไข่แดงก็มิปาน จริงอยู่ราคาพวงมาลัยดอกไม้ไม่ได้สูงมากมาย แต่ด้วยวิธีการขายอย่างนี้ก็ทำให้นักท่องเที่ยวขวัญหนีดีฝ่อได้เหมือนกัน
ฉันเดินดูของที่ระลึกวางขายอยู่ทั่วไปตามหน้าบ้านแต่ละหลัง มีผู้หญิงชาวไทลื้อผมยาวคอยสื่อสารกับเราด้วยภาษาที่บางคำคล้ายกับคำเมือง แต่บางคำก็เป็นภาษาจีนที่คนไทยอย่างฉันไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการซื้อของแต่อย่างใด เพราะเราสื่อสารกันด้วยภาษาที่คลาสสิกที่สุดนั่นคือภาษามือ แต่ก็สนุกดีเหมือนกันเพราะอย่างน้อยก็มีเครื่องคิดเลขคอยช่วยเวลาต่อราคาสินค้า
หลังจากที่เดินไปได้ซักพักก็มาถึงวัดสวนมอน จุดมุ่งหมายคือมาสักการะพระพุทธรูปในวัดไทลื้อแห่งนี้ แต่พอเดินเข้าประตูไม้ได้ไม่ทันไร ก็ต้องตะลึงกับเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามสะท้อนแสงแดดยามบ่ายเป็นยิ่งนัก ฉันอดใจไม่ไหวหลังจากยกมือไหว้แล้วจึงต้องวานคนข้างๆให้ช่วยแชะ..แชะรูปเป็นที่ระลึกสักภาพสองภาพ หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปสักการะพระพุทธรูปตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก
ฉันสังเกตว่าอาชีพยอดฮิตของที่นี่ นอกจากจะขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังนิยมตามถ่ายรูปนักท่องเที่ยวแล้วนำมาปริ๊นท์เป็นภาพสีขายในราคาแผ่นละ 5 หยวน ซึ่งก็ถือว่าเป็นอาชีพที่ไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย แถมได้ราคาดีเสียด้วย
เสร็จจากหมู่บ้านกาหลั่นป้า ฉันออกเดินทางต่อไปยังสวนม่านทิง เพื่อไปเยี่ยมชมอนุสาวรีย์โจว เอินไหล ที่ในอดีตเคยเป็นนายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งชาวสิบสองปันนาถือว่าท่านเป็นวีรบุรุษที่พัฒนาเมืองนี้ให้น่าอยู่และรุ่งเรือง ส่งผลให้ประชาชนอยู่ดีกินดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
สำหรับอนุสาวรีย์โจว เอินไหล ที่นี่สร้างเป็นอิริยาบทที่ท่านสวมชุดพื้นเมืองกำลังเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ อย่างที่บอกว่าประเพณีบางอย่างของชาวไทลื้อจะคล้ายกับคนไทยเรา ที่นี่นอกจากจะมีประเพณีสงกรานต์แล้ว ยังมีการปล่อยโคมลอยโดยหางของโคมจะร้อยด้วยเชือกที่ผูกด้วยข้าวของเครื่องใช้หรืออาหารแห้ง โดยหวังว่าจะตกไปถึงผู้ยากไร้ซึ่งถือว่าเป็นการทำทานอย่างหนึ่ง
สองขาพาฉันเดินไปเรื่อยๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วสวนม่านทิงแห่งนี้ก็มิใช่เล็กๆ แต่แปลกที่ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยหรือร้อนแต่อย่างใด คงจะเป็นเพราะต้นไม้น้อยใหญ่ที่รายล้อมอยู่โดยรอบ แสงแดดที่ว่าแรงแค่ไหนเจอกิ่งก้านสาขาที่แผ่ขยายเต็มท้องฟ้าแบบนี้ก็มีอันต้องหลบไปเหมือนกัน
นอกจากอนุสาวรีย์โจว เอินไหลแล้ว สิ่งที่ถือว่าพิเศษในสวนม่านทิงแห่งนี้เห็นจะเป็นสวนนกยูง ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของชาวไทลื้อ ในสวนแห่งนี้มีนกยูงนับร้อยตัว ฉันไม่เคยเห็นนกยูงที่ไหนเยอะเท่าที่นี่มาก่อนจึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากทางการจีนเข้มงวดเรื่องไข้หวัดนกมาก สวนนกยูงในช่วงที่ฉันไปจึงต้องถูกปิดเป็นการชั่วคราว งานนี้ทำเอาฉันได้แต่มองลอดลูกกรงเข้าไปในใจนึกเสียดาย แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตในภายหน้าได้เห็นนกยูงแค่นี้ก็นับว่าดีแล้ว
เดินไปอีกสักพักจะเจอกับเจดีย์ขาวจำลอง ฉันไม่ค่อยมีความรู้ด้านสถาปัตยกรรมเท่าใดนัก จึงไม่แน่ใจว่าเจดีย์ที่เห็นตรงหน้าเป็นแบบใด แต่ที่แน่ใจคือเป็นเจดีย์ที่งดงามองค์หนึ่ง ฉับพลัน...ฉันนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ไปวัดป่าเจ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อปากน้ำเป็นผู้ร่วมสร้างถวายเลย หลังจากที่เดินหายังไม่ทันเหนื่อยก็เจอะเจอกับเจดีย์แปดเหลี่ยมจำลอง ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1701 โดยเจดีย์แห่งนี้ฉันได้ยินคนพูดกันว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างไทยใหญ่และไทยพุทธ
หลังจากเดินวนนับเหลี่ยมของเจดีย์จนมึนศีรษะแล้ว ฉันก็เข้าไปสักการะพระพุทธรูปที่อยู่ภายในวัดป่าเจแห่งนี้ นอกจากจะขอพรให้เดินทางปลอดภัยแล้ว ฉันยังถือโอกาสนั่งพักและซึมซับบรรยากาศรอบตัวก่อนจะเตรียมตัวกลับที่พักเพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้สำหรับเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น ซึ่งฉันจะมาเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศการนั่งเคเบิ้ลคาร์ครั้งแรกในชีวิต ที่จะน่าตื่นเต้นแค่ไหนคงต้องตามอ่านกันต่อตอนหน้า...(อ่านต่อตอนหน้า)
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เมืองเชียงรุ้งเป็นเมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ภาษาทางการที่ใช้คือภาษาจีนกลาง ใช้สกุลเงินหยวน โดย 1 หยวนประมาณ 5 บาท ส่วนเวลาจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง
การเดินทางไปเชียงรุ้งมีสายการบินที่ให้บริการจากกรุงเทพฯสู่เมืองเชียงรุ้ง ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส บินทุกวันอังคาร,พฤหัสฯ,เสาร์ หรือหากเดินทางโดยเรือท่องเที่ยว ขึ้นที่ท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงรายสู่เมืองเชียงรุ้ง ใช้เวลา 12 ชั่วโมง(ทวนน้ำ)แต่เป็นการให้บริการเฉพาะเช่าเหมาลำ