xs
xsm
sm
md
lg

ล่องแม่น้ำสายสวรรค์เมือง“กุ้ยหลิน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : เหล็งฮู้ชง
เขาสวย น้ำใส องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ในอดีตกุ้ยหลินเป็นดังสวรรค์บนพื้นพิภพ
“สวรรค์” (จริงๆ) เป็นดินแดนเยี่ยงไร เรื่องนี้ผมไม่รู้ เพราะไม่เคยไป

รู้แต่ว่าสวรรค์ในจินตนาการของคนทั่วโลกก็คือดินแดนอันแสนงาม

แดนสวรรค์แม้ไม่มีอยู่จริงบนพื้นพิภพ แต่มนุษย์ก็มักจะเปรียบแดนดินที่มีความงดงาม(มากๆ) ให้เป็นดังสวรรค์บนพื้นพิภพ ที่หากว่าผู้ใดได้เดินทางไปสัมผัสก็จะเปรียบประดุจการท่องไปในสวรรค์

“กุ้ยหลิน” ก็นับเป็นอีกหนึ่งแดนงามที่คนจีนยกให้เป็นดัง “เมืองสวรรค์บนพิภพ”หรือ“ซื่อไหว้เถาหยวน” แห่งแดนมังกร

ความงดงามหลักๆของกุ้ยหลินนั้นประกอบไปด้วย ขุนเขา สายน้ำ และเถื่อนถ้ำ สิ่งเหล่านี้ช่วยส่งให้กุ้ยหลิน กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆของเมืองจีน ที่มีชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วโลก โดยเฉพาะความงดงามของแม่น้ำหลีช่วงที่ไหลผ่านไปตามทิวทัศน์ของขุนเขาน้อยใหญ่ และธรรมชาติที่งดงามรวมถึงวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของคนจีนใน 2 ฟากฝั่งแม่น้ำหลี

และนี่ก็คือเสน่ห์ความงามที่หลายๆคนมักจะเปรียบเปรยว่า...ใครที่มาเที่ยวกุ้ยหลิน หากไม่ไปล่องเรือชมทิวทัศน์ของขุนเขาและสายน้ำ ก็เปรียบเสมือนว่ายังมาไม่ถึงกุ้ยหลิน...

ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมาล่องเรือชมทิวทัศน์แม่น้ำหลีกันไม่ได้ขาด
เมื่อโดนเปรียบเปรยเช่นนี้ การเดินทางไปเที่ยวกุ้ยหลินของผมจึงไม่ยอมพลาดการล่องเรือชมทิวทัศน์แม่น้ำหลีด้วยประการทั้งปวง

สำหรับจุดล่องเรือท่องแม่น้ำหลีนั้นอยู่นอกเมืองออกไปในระยะนั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในทุกๆเช้าของแต่ละวันจะมีเรือนำเที่ยวมากมายมาจอดรอนั่งท่องเที่ยวเพื่อพาไปล่องแม่น้ำหลี จากนั้นพอถึงเวลาประมาณ 9 โมงเช้า(เวลาจีน) เรือนำเที่ยวเหล่านั้นก็จะพร้อมใจกันทยอยเคลื่อนลำไปตามลำน้ำแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เป็นขบวนเรือแถวยาวเหยียด

ช่วงแรกๆของการล่องเรือ ถือเป็นช่วงเวลาทองในการออกไปยืนบนดาดฟ้าเรือเพื่อรับลมชมทิวทัศน์ เพราะแดดในช่วงเช้ายังไม่แรง

เรือนำเที่ยวล่องเอื่อยๆไปตามสายน้ำใสที่ขนาบข้างด้วยขุนเขาน้อยใหญ่ สูงๆต่ำๆสลับกันไป

ในอดีตความงามของแม่น้ำหลีในเส้นทางที่ผมล่องอยู่นี้ถือว่างดงามสุดสอดเปรียบดังแม่น้ำสวรรค์ ซึ่ง“ฮั่นหยู” (Hanyu)ปราชญ์สมัยถัง ได้ร้อยรจนาถึงความประทับใจในแม่น้ำสายนี้เป็นกวีอมตะบทหนึ่งว่า

“แม่น้ำนี้งดงามราวสายเข็มขัดไหมสีมรกต ส่วนภูผานั่นเล่าเป็นดังจุฑามณีสีหยก”

วัว-ควายและเล็มหญ้าอีกหนึ่งภาพชวนมองริมแม่น้ำหลี
มาวันนี้ความงามของแม่น้ำหลีเปลี่ยนแปรไปตามสภาพของโลกยุคโลกาภิวัตน์ แต่กระนั้นแม่น้ำสายนี้ก็ยังมีเสน่ห์ให้เที่ยวชมอยู่ไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะสองฟากฝั่งน้ำที่โดดเด่นไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สารพัดรูป สารพันร่าง ไม่ว่าจะเป็น เขารูปเจ้าแม่กวนกิม เขาที่มองเป็นรูปผู้หญิงคอยสามี เขารูปแอปเปิ้ล เขารูปอูฐ เขามีรู เขารูปกวนอู เขาที่มีหน้าผาเป็นลายรูปม้าทั้งตัวเดียวและ 9 ตัว ซึ่งในระหว่างไกด์นำเที่ยว( ส่วนใหญ่)จะคอยชี้ชวนให้มองขุนเขาสารพัดรูปร่าง ที่หากว่าใช้จินตนาการมองตามก็จะพบว่าขุนเขาเหล่านั้นมีรูปร่างคล้ายที่ไกด์บอกจริงๆ

นอกจากความงามของขุนเขาที่ชวนให้ปลดปล่อยจินตนาการแล้ว แม่น้ำหลียังสวยใสไหลเอื่อย วันไหนแสงดี แม่น้ำหลีจะสะท้อน ขุนเขา ท้องฟ้า ก้อนเมฆ เกิดเป็นภาพสะท้อนน้ำหัวกลับขนาดใหญ่ ดูประหนึ่งภาพฝันบนสวรรค์แห่งสายน้ำ

...อะไรคือจริง...อะไรคือฝัน

...ชีวิตคนเราบางครั้งหากใช้แง่งามของความฝันเติมเต็มความจริงที่โหดร้าย ชีวิตใยมิใช่น่ารื่นรมย์มากขึ้นหรอกหรือ...

ไม่เพียงความสวยใสของเท่านั้น สองฟากฝั่งแม่น้ำหลียังมีภาพวิถีชีวิตชาวชนบทแดนมังกรที่น่ามองไม่น้อย ซึ่งก็มีทั้งภาพชาวบ้านเดินเลี้ยงฝูงเป็ดอย่างเพลิดเพลิน บางคนต้อนฝูงวัว-ควายหาให้และเล็มหญ้ากินริมน้ำ บางคนเปลือยกายท่อนบนอาบน้ำอย่างเพลิดเพลิน ส่วนบางคนก็ง่วนอยู่กับการหาปลาอย่างใจจดใจจ่อ
วิถีชาวประมงกับนกกาน้ำร่วมด้วยช่วยกันหาปลา หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของกุ้ยหลิน
ส่วนในบางช่วงก็จะมีหมู่บ้านริมน้ำตั้งเรียงรายลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ โดยบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนเก่าๆในสไตล์จีนที่ตั้งแทรกตัวอยู่ในขุนเขาที่โอบล้อม ซึ่งนับวันภาพบ้านเรือนดั้งเดิมแบบนี้นับวันยิ่งลดน้อยถอยลง เพราะจีนวันนี้คือจีนยุคใหม่พี่เบิ้มแห่งเอเชียที่มีความเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุด

สำหรับอีกหนึ่งภาพชีวิตสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในแม่น้ำหลี และตามลำคลองหนองบึงในเมืองกุ้ยหลินก็คือ ภาพวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านที่ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกุ้ยหลินก็คือ วิธีการจับปลาแบบร่วมด้วยช่วยกันระหว่างคนกับสัตว์

โดยชาวประมงจะพายแพไม้ไผ่ออกไปตามลำน้ำพร้อมกับนกกาน้ำสีดำ ตัวโต ที่ขาถูกผูกติดไว้กับแพ พอนกกาน้ำเห็นว่าในน้ำมีความเคลื่อนไหวของปลา ก็จะโฉบแผล็วลงไปคาบปลากลับมายังแพไม้ไผ่

หลายๆคนอาจสงสัยว่าทำไมชาวประมงถึงไว้ใจเจ้านกกาน้ำ ไม่กลัวว่ามันจะงับปลากลืนกินลงไปในท้อง เรื่องนี้เจ้านกกาน้ำไม่อาจทำได้เพราะว่าชาวประมงได้ใช้เชือกผูกคอมันไว้ ทำให้มันไม่สามารถกลืนปลาลงคอได้ เมื่อกลืนไม่ได้ก็ต้องว่ายคาบปลากลับมาให้เจ้าของ เพราะหากสามารถจับปลาได้เยอะก็จะได้รับรางวัลนั่นก็คือ ชาวประมงจะแก้เชือกที่ผูกคอออกพร้อมๆกับโยนปลาที่เจ้านกกาน้ำเป็นผู้ไปว่ายจับมาให้มันงับกินอย่างเอร็ดอร่อย

เรือล่องแม่น้ำหลีมาได้ประมาณ 3 ชั่วโมง แดดฉายแสงรุนแรงขึ้น ผมลงจากดาดฟ้าไปนั่งในเรือรออาหารมื้อเที่ยง ที่ทางเรือมีไว้บริการเพราะซื้อแพ็คเกจทัวร์มา
เวสท์สตรีทย่านเก่าแก่แหล่งช้อปปิ้งสำคัญแห่งเมืองหยางซั่ว
เมื่อหม่ำมื้อเที่ยงอิ่มหนำสำราญแล้ว เรือล่องมาได้สักพักก็มาจอดเทียบท่าที่เมือง“หยางซั่ว” (Yang-Shou) ที่มีจุดท่องเที่ยวเด่นๆ อย่าง ถ้ำเงินที่ว่ากันว่าเป็นถ้ำที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในเอเชีย เมืองลับแลที่เป็นการนำตำนานเก่ามาสร้างเมืองใหม่ภายในแบ่งเป็นโซนต่างๆให้นักท่องเที่ยวชมกันอย่างจุใจ แม่น้ำมังกรหยกและสะพานมังกรหยกที่เป็นจุดเล่นน้ำและจุดชมอาทิตย์อัสดงอันสวยงาม

ส่วนใครที่ชอบช้อปปิ้ง ย่านถนนคนเดิน “เวสท์สตรีท” ที่เป็นย่านเก่าแก่อายุร่วม 100 ปี มีของที่ระลึกให้เลือกซื้อเลือกชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ภาพวาด ผ้าทอ ซีดี กระเป๋า สร้อยคอ กำไล และของอีกสารพัดอย่าง ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่คนจีนตะโกนแข่งกันโหวกเหวก

ใครที่เจอะเจอสินค้าต้องตาแล้วอดใจไม่ไหว หากจะซื้อ ต้องต่อราคาให้ต่ำกว่าครึ่ง กว่าค่อน เพื่อจะได้ไม่กลายเป็นเสียมตือให้คนจีนฟัน(ราคา)เอาได้ง่ายๆ เพราะการท่องเที่ยวแห่งยุคทุนนิยม “กำไร” คือเป้าหมายสูงสุด ที่เมืองท่องเที่ยวต่างๆในโลกนี้ล้วนปฏิบัติไม่แตกต่างกัน สำหรับกุ้ยหลินแดนดินที่ในอดีตได้ชื่อว่าสวรรค์บนพื้นพิภพก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

กุ้ยหลิน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในมณฑล “กวางสี”ในประเทศจีน มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาว“จ้วง” นามกุ้ยหลินมีที่มาจากอดีตดินแดนนี้มีป่า(หลิน)ต้น “กุ้ยฮวย”เยอะ ซึ่งคนกุ้ยหลินได้นำดอกของต้นกุ้ยฮวยมาตากแห้งอบพร้อมใบชา กลายเป็น “ชากุ้ยหลิน” ที่มีชื่อเสียง

นอกจากนี้ดอกกุ้ยฮวยยังสามารถนำไปหมักเป็นสุราร่วมกับน้ำในแม่น้ำหลีเจียงและบ่มไว้ให้รสชาติกลมกล่อม กลายเป็นสุรา “กุ้ยฮวย” ที่ขึ้นชื่อ

ส่วนของกินในเมืองกุ้ยหลินจะมี “หมี่กุ้ยหลิน” ที่เป็นเส้นกลมคล้ายเส้นสปาเก็ตตี้ กินร่วมกับพวกเครื่องปรุงอย่าง หมู-ถั่วลิสง-ไข่ต้มชา อร่อยที่เดียว โดยอาหารกุ้ยหลินจะค่อนข้างมีรสชาติคล้ายอาหารไทย

กุ้ยหลินพูดภาษาจีนกลาง เป็นภาษาหลัก ใช้เงินหยวน ซึ่ง 1 หยวน ประมาณ 5 บาทไทย(อัตราแลกเปลี่ยนในเดือนส.ค.47) โดยคนไทยที่จะซื้อของในกุ้ยหลิน ถ้าไม่อยากถูกปรามาสว่าเป็น “เสียมตือ” ก็ควรต่อรองราคาลงมาเกินค่อนหรือเกินครึ่ง

ณ วันนี้ต้องถือว่าตัวเมืองกุ้ยหลินมีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในอันดับต้นๆของจีน มีโรงแรมตั้งแต่ 2-5 ดาว มีแหล่งช็อปปิ้งทั้งกลางวัน กลางคืน และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจนอกเหนือจากในเนื้อเรื่อง คือสวนเจ็ดดาว สวนศิลปะ ยอดเขางามเด่น เจดีย์ทอง-เจดีย์เงิน การแสดงกายกรรมในยามค่ำคืน การล่องเรือกลางคืนชม 18 สะพาน 2 แม่น้ำ 4 ทะเลสาบ และชมลิฟต์ยกเรือ สวนสนุกmerryland

สำหรับการเที่ยวกุ้ยหลินสามารถติดต่อได้ที่บริษัททัวร์ทั่วไป หรือหากจะไปเที่ยวเองเมืองไทยมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส บินตรงจากกรุงเทพฯสู่กุ้ยหลินทุกวัน

กำลังโหลดความคิดเห็น