หลังจากที่มีข่าวน้ำป่าไหลทะลักลงมาท่วมอำเภอปายเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และทำเอาแหล่งท่องเที่ยวในฝันของใครหลายคนต้องบอบช้ำไปไม่น้อย รวมทั้งทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังขะมักเขม้นเตรียมวางแผนการท่องเที่ยวในอำเภอเล็กๆ ที่สงบเงียบของจังหวัดแม่ฮ่องสอนนี้ ต้องหยุดชะงัก และคนหนึ่งในจำนวนนั้นก็รวมถึง "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ด้วยเช่นกัน
เพื่อนหลายคนแนะนำให้เปลี่ยนจุดมุ่งหมายไปทางอื่น บางคนแนะนำให้ล้มเลิก หรือเลื่อนวันเดินทางออกไป ด้วยเหตุผลที่ว่าไปตอนนี้ก็ไม่สวยเหมือนเดิม รอให้เมืองปายพักรักษาตัวให้หายเสียก่อนดีกว่า "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เองก็ชั่งใจอยู่นานว่าจะไปหรือไม่ไปดี แต่สุดท้ายคำตอบก็คือ เอ้า...ไปก็ปาย ดังนั้น การเดินทางสู่ปายของเราจึงเริ่มขึ้น
เริ่มก้าวแรกสู่ปายที่สถานีขนส่งอาเขต จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากซื้อตั๋วรถเมล์ในราคา 68 บาทถ้วนแล้ว รถเมล์คันเล็กสีส้มก็เข้ามาจอดในชานชาลา ทุกคนทั้งชาวเขา ฝรั่ง ญี่ปุ่น ไทย ต่างรีบแย่งที่นั่งบนรถกันเป็นการใหญ่ เพราะหากไม่มีที่นั่งแล้วหมายถึงจะต้องยืนขาแข็งถึง 4 ชั่วโมงจากเชียงใหม่ไปจนถึงอำเภอปายเลยทีเดียว (แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องแย่งก็ได้ ถ้าใครมีตั๋วก็ได้นั่งอยู่แล้ว) รถเมล์สีส้มวิ่งผ่านอำเภอแม่แตง จากนั้นเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1095 แม่มาลัย-ปาย ไปตามเส้นทางคดเคี้ยวพาเรามาถึงเมืองปายจนได้
เมื่อมาถึงปายแล้ว สิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกได้มากก็คือยานพาหนะ จะเป็นจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ก็ได้ตามความถนัด "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอเลือกจักรยาน เพราะไม่มั่นใจกับฝีมือการขี่มอเตอร์ไซค์ของตัวเองสักเท่าไร เมื่อได้รถแล้วก็หาแผนที่เมืองปายมาอีกสักแผ่นหนึ่ง ก็เป็นอันเรียบร้อยเที่ยวได้ไม่มีหลง ส่วนเรื่องที่พักในอำเภอปายก็มีให้เลือกมากมายหลายระดับทั้งในตัวเมืองและนอกเมือง ราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน เลือกได้ตามใจชอบ หาที่พักได้ มีรถคู่ใจ มีแผนที่อีกสักใบ ก็พร้อมตะลุยเมืองปายกันได้เลย...
มาที่นี่แล้วไม่ควรพลาดชมทิวทัศน์เมืองปายมุมสูงบนวัดพระธาตุแม่เย็น ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาทางทิศตะวันออกหลังหมู่บ้านแม่เย็น ซึ่งหลังจากกราบพระธาตุและไหว้พระประธานในโบสถ์แล้ว เราก็มายืนชมบรรยากาศเมืองปายยามเย็น เสียดายที่วันนั้นฟ้าปิดไปหน่อย เลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกลับเหลี่ยมเขา แต่ยังมองเห็นหมอกบางๆ ปกคลุมเมืองปายอยู่
ส่วนอีกสถานที่หนึ่งที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้ไปชมมาก็คือ โป่งน้ำร้อนท่าปาย ในตำบลแม่ฮี้ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติผุดขึ้นมาจากใต้ดิน มีความร้อนสูงสุดถึง 80 องศา น้ำจากบ่อน้ำพุร้อนไหลลงมาเป็นลำธารเล็กๆ ซึ่งบางช่วงก็เป็นแอ่งสามารถลงไปแช่ได้ทั้งตัว และบริเวณรอบๆ ยังเป็นป่าไม้สักที่สมบูรณ์มากอีกด้วย ดูเผินๆ เหมือนน้ำในลำธารเป็นน้ำใสไหลเย็นธรรมดา แต่ลองเอามือไปจุ่มดูแล้วก็ร้อนไม่ใช่เล่น โดยมีอุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส ถ้าเป็นช่วงเวลาหนาวๆ แล้วได้มาแช่น้ำร้อนละก็ คงจะบรรยากาศดีไม่น้อย
บอกตามตรงว่าการเดินทางด้วยจักรยานนี้ค่อนข้างจะมีอุปสรรคบ้างเล็กน้อย เพราะพื้นที่ของอำเภอปายนี้ไม่ได้เป็นทางราบ แต่เป็นทางสูงๆ ต่ำๆ เป็นระยะๆ ซึ่งถึงแม้ระยะทางจะไม่ไกลหนัก แต่ก็เหนื่อยเพราะต้องออกแรงถีบขึ้นเนิน บางเนินก็สูงชันจนต้องยอมแพ้ลงมาเข็นจักรยานแต่โดยดี แต่หากใช้มอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะแล้วละก็ จะสามารถเที่ยวได้ทั่ว ทั้งน้ำตกหมอแปง น้ำตกขนาดกลาง 3 ชั้น รอบๆ เป็นป่าไม้ร่มรื่นและมีหมู่บ้านชาวเขาเผามูเซอแดงอยู่บริเวณใกล้เคียง หรือจะเป็นกองแลน ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับแพะเมืองผีของจังหวัดแพร่ หรือจะไปชมสะพานประวัติศาสตร์ข้ามแม่น้ำปายที่สร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และแวะไปชมหมู่บ้านชาวจีนยูนนาน ชิมขาหมูหมั่นโถวและจิบน้ำชาร้อนๆ ทั้งหมดนี้สามารถไปถึงได้อย่างรวดเร็วด้วยมอเตอร์ไซค์ แต่ถ้าใครขี่ไม่เป็นและไม่กังวลว่าจะต้องเที่ยวให้ทั่ว จักรยานก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีขี่สบายใจไร้มลพิษ แถมไม่เปลืองน้ำมันด้วย
แต่เชื่อหรือไม่ว่า สถานที่ที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้แวะเข้าไปเป็นแห่งแรก ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่ว่ามาทั้งหมดนี้หรอก แต่กลับเป็นร้านขายของที่ระลึกและโปสการ์ด ที่เต็มไปด้วยโปสการ์ดสวยงามน่าเขียนไปซะทุกใบ และบรรยากาศของเมืองปายก็เหมาะที่จะนั่งลงเขียนโปสการ์ดหาใครต่อใครเสียด้วยสิ ว่าแล้วก็เลือกมาสักแผ่นหนึ่งเขียนเล่าเรื่องราวจากปายส่งไปบอกคนที่ไม่ได้มาด้วยดีกว่า
บรรยากาศของเมืองปายนั้นทำให้กลายเป็นคนขี้เกียจอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเมื่อมาถึงที่นี่แล้วเหมือนเวลาจะเดินช้าลง ไม่ต้องรีบเร่งไปที่ไหน สิ่งที่ต้องทำเมื่ออยู่ที่นี่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาก เช้าขึ้นมาก็ออกมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ หรือไปใส่บาตรพระและเดินเล่นที่ตลาดเช้า กินข้าวเช้าเบาๆ อย่างโจ๊กหรือขนมครกแกล้มกับกาแฟแถวๆ ตัวอำเภอ หรือจะไปนั่งในร้านกาแฟน่ารักๆ มองผู้คนผ่านไปผ่านมา สายๆ ก็มาหาซื้อโปสการ์ดแล้วนั่งเขียนหาคนที่คิดถึง ส่วนช่วงบ่ายที่แดดจัดจ้านักไม่อยากจะไปไหน ก็ขอนั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือเล่มโปรดไปพร้อมกับฟังเสียงน้ำปายไปด้วย
พอแดดร่มลมตก ก็ออกมาขี่จักรยานเล่นแถวๆ ตลาดเย็น หาขนมกินรองท้องพร้อมกับสำรวจร้านอาหารน่านั่งสำหรับมื้อเย็นไปด้วย ส่วนช่วงค่ำไปจนถึงดึก สำหรับใครที่ยังไม่รีบนอน ที่นี่ก็มีร้านรวงมากมายให้นั่งฟังเพลงพร้อมกับจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ไปด้วย... ช่างเป็นหนึ่งวันที่มีความสุขเสียจนไม่อยากจะกลับเลยทีเดียว
และสำหรับใครที่ยังห่วงว่าน้ำป่าครั้งที่ผ่านมา จะทำให้เมืองปายหมดสวยขาดเสน่ห์ไป ต้องขอบอกว่าบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย สภาพของเมืองปายปัจจุบันที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ได้ไปเห็นมานี้ นับว่ากลับคืนสู่สภาพเดิมกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ถนนหนทางและบรรยากาศของร้านค้าร้านอาหารในตัวอำเภอต่างกลับคืนสู่สภาพปกติ จะมีผิดปกติอยู่บ้างก็ตรงภูมิทัศน์ริมแม่น้ำปายอาจจะยังเหลือร่องรอยซากปรักหักพังอยู่บ้าง น้ำปายยังไหลแรงและขุ่นเป็นสีกาแฟอยู่ ทุ่งกระเทียมหรือทุ่งนาสีเขียวสดที่อยู่ริมน้ำก็อาจกลายเป็นผืนดินเปล่าๆ ไปบ้าง และเกสต์เฮ้าส์ที่สร้างชิดริมน้ำเกินไปก็ถูกพัดหายไปก็มาก
แต่สรุปแล้วส่วนที่เสียหายคือส่วนที่อยู่ริมน้ำเท่านั้น และการปรับปรุงก็น่าจะเสร็จสมบูรณ์ลงแล้วในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของอำเภอปาย ส่วนรีสอร์ทและเกสต์เฮ้าส์และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อยู่บนเขา หรืออยู่ห่างจากแม่น้ำปายก็ยังคงเป็นปกติดีทุกอย่าง บรรยากาศโดยรวมนับว่าดีเหมือนเดิม
ช่วงเดือนธันวาคมอย่างนี้ ลมหนาวคงจะพัดผ่านเมืองเล็กๆ ในหุบเขาอย่างอำเภอปายจนต้องใส่เสื้อผ้าให้หนาขึ้นอีกนิด ในยามเช้าคงจะมีหมอกหนากว่าที่เคย แต่อากาศหนาวๆ อย่างนี้นี่แหละที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เมืองปาย จนกลายเป็นจุดมุ่งหมายในฝันของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน...คุณเอง ก็เป็นคนหนึ่งในหลายๆ คนนั้นด้วยหรือเปล่า?
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ที่ โทร.0-5324-8604, 0-5324-8607, 0-5324-1466 ในช่วงฤดูหนาวควรโทรสอบถามที่พักก่อนล่วงหน้า
การเดินทางไปยังอ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่พัก ร้านอาหาร
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ขี่จักรยานชมเมืองปายในสายฝน
สัมผัส “แม่ฮ่องสอน” ไม่ต้องผ่าน “ทางพันโค้ง” !!!
เยือนขุนเขาพันโค้งไปหยอกเมฆ ที่ “เมืองสามหมอก”
ท่องโลกใต้ดิน อันซีนฯ“ถ้ำแม่ฮ่องสอน”