โดย : ปิ่น บุตรี

1...
ทุกครั้งที่ผมเข้าป่า 7 คด(จ.สระบุรี) กับลุงวี(เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า) ก่อนเข้าป่าลุงวีจะต้องพาผมไปจุดธูปจุดเทียนบอกเจ้าป่าเจ้าเขา ว่าพวกเราขออนุญาตเข้าป่าโดยมีเจตนาดีและขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครองเราให้ปลอดภัยตลอดการเดินทาง
“ใครจะว่าลุงงมงายก็ว่าไป แต่ลุงเคยมีประสบการณ์กับป่ามาเยอะแล้ว ถ้าเราเข้าป่าด้วยการคิดดี ทำดี ป่าก็ให้สิ่งดีๆกลับมา แต่ถ้าเราเข้าป่าด้วยการคิดไม่ดี ทำไม่ดี ป่าก็จะให้สิ่งไม่ดีกลับมา เรื่องนี้ใครไม่เชื่อก็ช่างเขา แต่ว่าการไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาทุกครั้งก่อนเข้าป่าก็ไม่เสียหายอะไร” ลุงวีบอกกับผมก่อนจะปักธูป-เทียน ลงในดิน
2...
จัก เด็กหนุ่มเจ้าหน้าที่พายเรือ และนำเดินป่าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในอุ้มผาง(จ.ตาก) เล่าให้ผมฟังว่าทุกๆครั้งก่อนนำเรือบรรทุกนักท่องเที่ยวพายล่องลำน้ำแม่กลองเขาจะต้องกราบหัวเรือพร้อมกับเอาน้ำลูบหัวเรือเสมอ ก่อนที่จะอธิษฐานขอให้ล่องแก่งครั้งนี้ปลอดภัยไม่มีใครเป็นอะไร แม้ว่าเรือลำที่ล่องจะเป็นเรือยางก็ตาม
ส่วนในยามที่จักเข้าป่าทุกครั้งเขาจะต้องกราบไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางขอให้ช่วยคุ้มครองเช่นเดียวกับลุงวี พร้อมๆกับเตือนนักท่องเที่ยวที่ไปกับเขาว่า เวลาเดินป่าอย่าพูดจาลามก และทำอะไรรุ่มร่ามทะลึ่งตึงตัง
“สมัยออกป่าเป็นพรานครั้งแรก ผมไม่อยู่ว่าเวลาเข้าป่าต้องทำยังไงเลยไม่ได้ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ตอนนั้นไปนั่งห้างรอยิงสัตว์บนต้นไม้ พี่รู้มั๊ยต้นไม้ต้นเบ้อเริ่มที่ผมขึ้นไปนั่งบนนั้นมันสั่นเหมือนมีคนมาเขย่าทั้งคืนเลย และมันสั่นอยู่ต้นเดียวด้วย พอรุ่งผมกลับบ้านนอนจับไข้ไปหลายวัน” จักรำลึกความหลังเมื่อครั้งเคยเป็นพรานออกป่าหนแรก
3...
ไม่เพียงแค่ลุงวีกับจักเท่านั้นที่ปฏิบัติทำนองนี้ แต่ว่าพรานป่าและพิทักษ์ป่าหลายๆคนที่ผมรู้จักก็ปฏิบัติเช่นนี้เหมือนกัน โดยพวกเขาบอกกับผมว่าป่าทุกป่ามีเจ้าป่าเจ้าเขาเป็นผู้ดูแลอยู่
สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติในโลกยุคดิจิตอลอาจจะฟังดูงมงายและล้าหลังเอามากๆ
แรกๆผมก็เป็นเช่นนั้น แต่ว่าหลังจากที่ออกไปค้างแรมในป่าบ่อยๆและพบเห็นเรื่องราวประหลาดอยู่หลายครั้ง ทำให้ผมเปลี่ยนความรู้สึกจากไม่เชื่อ มาเป็นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น“เชื่อ”แบบไม่มีข้อกังขา ซึ่งหากใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล
แต่ว่าหากมองในเรื่องของการเคารพเจ้าของสถานที่ในต่างถิ่น ที่ไม่ว่าจะไปบ้านไหนเมืองไหน ไปวัดไหนวังไหน ผู้มาเยือนควรจะให้เกียรติและเคารพเจ้าของสถานที่ทุกครั้ง และก็ไม่ควรเด็ดขาดที่จะสวมเสื้อแขนสั้นแต่งตัวตามสบายเข้าไปในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่งของประเทศนี้!!!
สำหรับการเข้าป่าก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน ผู้มาเยือนควรเคารพเจ้าของป่าทุกครั้ง โดยทั้ง สัตว์ป่า ต้นไม้ ใบหญ้า ขุนเขา สายน้ำ และที่มองไม่เห็น ล้วนต่างเป็นเจ้าของป่าทั้งสิ้น...
4...
ภูกระดึงหน้าหนาว ในคืนที่ดาวพราวฟ้า...
ไฟฟ้าของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง(จ.เลย)ดับไปนานแล้ว แต่ว่าแสงดาวยังคงระยิบระยับอยู่เกลื่อนฟ้า
ใต้แสงดาวมีภูกระดึง บนภูกระดึง(บริเวณที่กางเต็นท์)มีแผงร้านค้า ในแผงร้านค้ามีวงสุรา ในวงสุรามีผมนั่งร่วมอยู่ด้วย แต่ที่น่าแปลกก็คือ ในวงสุรากลับไม่มีสุรา แต่กลับมียาดองสมุนไพรที่แม้รสจะขมปร่า แต่ว่ายามเมื่อกระดกเข้าปากส่งลงท้องก็ทำให้กระเพาะร้อนวูบวาบดีแท้
ในขณะที่ยาดองช่วยไล่ความหนาว แต่เรื่องเล่าในวงสุรายามดึกนี่สิ กลับชวนให้เหน็บหนาวและน่าสยิวกายไม่น้อย
เพราะในคืนนี้แม่ค้าร้านขายของคนหนึ่งเธอได้เล่าถึงเรื่องราวแปลกๆบางอย่างที่เกิดขึ้นบนภูกระดึง ซึ่งเป็นเรื่องราวที่พิสูจน์ไม่ได้และก็ไม่ควรลบหลู่ด้วยประการทั้งปวง
“คนเฒ่าคนแก่ที่นี่เล่าให้พี่ฟังว่า สมัยก่อนตอนที่ภูกระดึงยังไม่เปิดป่า จะได้ยินเสียงระฆังแว่วดังก้องกังวานในทุกวันพระกับวันโกน แต่ไม่รู้ว่าดังมาจากที่ไหน คนแถวนี้เลยเชื่อกันว่า เสียงระฆังดังมาจากหมู่บ้านผีบังบด ที่ไม่มีใครเห็น เพราะใครพอเดินเข้าใกล้หมู่บ้านนี้ผีก็จะบังหมู่บ้านให้หายวับไป”
พี่แม่ค้าเปิดประเด็นขึ้นมาพร้อมๆกับสายลมยะเยือกที่พัดปะทะร่าง
ผมขนลุกซู่ทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายลมหรือเรื่องราวที่พี่แม่ค้าเล่า ซึ่งดูเหมือนว่าพี่แม่ค้าจะสังเกตออกว่าวงสุราเริ่มเสียวเล็กน้อยถึงปานกลาง เธอจึงเล่าเรื่องในโทนที่เบาลงว่า ตอนหลังพอเปิดป่ามีคนมาเที่ยวภูกระดึงมากขึ้นเสียงระฆังก็ค่อยๆหายไป
“ทุกวันนี้บนภูกระดึงมีองค์พระพุทธเมตตาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่คนแถวนี้นับถือกันมาก ทุกๆปีจะมีการจัดงานฉลององค์พระพุทธเมตตา”
ผมฟังพี่แม่ค้าเล่าแล้วก็นึกได้ว่าตอนเย็นพอเดินขึ้นมาถึงบนยอดภูแล้ว ตอนไปดูโปรแกรมนำเที่ยวในที่ทำการเห็นทุกโปรแกรมแนะนำว่าพอขึ้นมาถึงบนภูกระดึงแล้ว สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกก็คือการไปสักการะองค์พระพุทธเมตตาเพื่อเป็นสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัย
และนั่นก็คือสิ่งแรกที่ผมปฏิบัติในทุกๆครั้งที่ขึ้นภูกระดึง และทุกๆครั้งก็จะเห็นมีคนมาจุดธูป เทียน ไหว้องค์พระพุทธฯกันเป็นจำนวนมาก
พี่แม่ค้ายังเล่าต่ออีกว่า นอกจากองค์พระพุทธฯแล้วในพื้นที่ภูกระดึงยังมีพ่อปู่ผานกเค้าที่มีศาลตั้งอยู่ที่ผานกเค้า และพ่อปู่ภูกระดึงที่มีศาลตั้งอยู่ตรงทางขึ้น
“ส่วนเจ้าป่าเจ้าเขาที่เรามองไม่เห็นที่บนภูกระดึงก็มีอีกเยอะ แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอก เพราะพวกท่านล้วนต่างช่วยปกปักรักษาเรา แต่ว่าก็มีบ่อยที่มีคนชอบไปลองดู แล้วก็วิ่งป่าราบหรือไม่ก็จับไข้ทุกราย”
ยิ่งดึกลมยิ่งกรรโชกแรง อากาศก็ยิ่งหนาวเหน็บ แถมเรื่องเล่าจากพี่แม่ค้าก็ยิ่งเพิ่มความเหน็บหนาวสยิวกายมากขึ้น
“พวกลองของส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น มีครั้งหนึ่งวัยรุ่นผู้ชายกลุ่มหนึ่งไปอาบน้ำด้วยกันตอนดึกที่ไม่มีคนอื่นแล้ว ในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่งพูดว่าอยากเห็นผู้หญิงมาอาบน้ำในห้องน้ำผู้ชายจัง แล้วจู่ๆก็มีเสียงราดน้ำดังขึ้นมา แต่ว่าประตูยังเปิดอยู่ พวกนั้นสงสัยเลยเดินไปดูเห็นผู้หญิงผมยาวยืนอาบน้ำอยู่ทั้งๆที่ยังใส่เสื้อผ้าในชุดสีขาว พอสักพักคนที่พูดก็ร้องลั่นห้องน้ำก่อนจะวิ่งแจ้นออกมา ส่วนคนอื่นๆก็พากันวิ่งแจ้นตามออกมา วันรุ่งขึ้นพวกนั้นเล่าด้วยเสียงสั่นๆว่า พวกเขาเห็นผู้หญิงคนนี้ยืนลอยตัวอาบน้ำอยู่”
“ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งนี้พอกินเหล้าเมาแล้วคึก เดินไปกินเหล้าต่อที่ผานกแอ่นในช่วงประมาณตี 4 มั๊ง พวกเขาบอกว่าจะไปกินเหล้ารอพระอาทิตย์ขึ้น ตอนที่กินกันก็คงคะนองปากพูดด่าโน้นด่านี้ไปเรื่อย ก่อนที่จะวิ่งหนีกันป่าราบเพราะมีเพื่อนคนหนึ่งเห็นมีผู้หญิงลอยขึ้นมาจากหน้าผานกแอ่น”
“อีกคนนี่ถือว่าหนักหน่อย คนนี้เพื่อนเขาบอกว่าตั้งแต่เริ่มเดินขึ้นภูกระดึง จะพูดตลอดว่าอยากเจอช้างป่า ภูกระดึงมีช้างป่าจริงเหรอ ถ้ามีออกมาหน่อยสิอยากเจอ พอตอนกลางคืนมีเสียงช้างร้อง หมอนี่ดีใจอยากเจอช้างป่า แล้วจู่ๆก็มีช้างแค่ตัวเดียววิ่งมา แต่ไม่ได้วิ่งมาเปล่า ช้างตัวนี้วิ่งมาล้มเต็นท์ที่คนนี้พักหลังเดียว แต่โชคดีที่เขากับเพื่อนๆวิ่งหนีออกมาก่อน แต่คุณรู้อะไรมั๊ยช้างตัวนี้มันใช้งวงคุ้ยเป้ของคนที่อยากเจอช้างคนเดียวจนกระจุยกระจายและลากเอาเป้กลับเข้าป่าด้วย”
นั่นคือเรื่องราวเด็ดๆที่ไม่เป็นข่าวในราตรีอันหนาวเหน็บกับบรรยากาศชวนสยิวกายที่พี่แม่ค้าเล่าให้ผมฟัง ส่วนเรื่องราวที่เคยเป็นข่าวอย่างพระธุดงค์กับช้างป่า หรือเรื่องที่มีคนไปลองของยืนฉี่ใต้ต้นไม้ที่มีผ้าแพรผูกไว้ ก่อนที่คนฉี่จะถูกบางสิ่งบางอย่างเข้าสิงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว พี่แม่ค้าก็เล่าให้ฟังอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ในขณะที่นั่งฟังเรื่องราวเหล่านี้ ถึงแม้ผมจะอยู่ในอาการกรึ่มยาดองแต่ว่าผมก็จำเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ แต่กระนั้นก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยอยู่นั่นก็คือ
เรื่องราวเหล่านี้พี่แม่ค้ารู้ได้ยังไง
“อ๋อ...ก็ฟังเขาเล่ามาอีกที แต่ก็ไม่ต้องไปกลัวหรอก เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับพวกชอบลองของเท่านั้น ส่วนใครที่ขึ้นภูกระดึงแบบปกติก็ไม่ต้องกลัว เพราะที่ภูกระดึงมีเจ้าป่าเจ้าเขาคอยดูแลปกปักรักษา แม้ว่าไม่ได้กราบไหว้ท่าน ท่านก็ช่วยดูแลให้ความร่มเย็นทุกคนที่ขึ้นมาบนนี้”
พี่แม่ค้าตอบ แต่ว่าก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมยังคาใจอยู่นั่นก็คือ ที่ผ่านมาพี่แม่ค้าเคยเห็นเจ้าป่าเจ้าเขาบ้างหรือเปล่า
“พี่ยังไม่เคยเห็นกับตาหรอก แต่ว่าตอนฝันเคยเห็นท่านมาเข้าฝันออกบ่อยๆ พอตื่นมาพี่เอาไปตีเป็นเลขแทงหวย ถูกแทบทุกงวดเลย”
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
เสน่ห์“ภูกระดึง” ถึงวันนี้ยังมีมนต์ขลัง
จาก“ภูกระดึง”ถึง“เก็บตะวัน”
ลูกหาบภูกระดึง : ฤาจะเหลือเพียงตำนาน
1...
ทุกครั้งที่ผมเข้าป่า 7 คด(จ.สระบุรี) กับลุงวี(เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า) ก่อนเข้าป่าลุงวีจะต้องพาผมไปจุดธูปจุดเทียนบอกเจ้าป่าเจ้าเขา ว่าพวกเราขออนุญาตเข้าป่าโดยมีเจตนาดีและขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครองเราให้ปลอดภัยตลอดการเดินทาง
“ใครจะว่าลุงงมงายก็ว่าไป แต่ลุงเคยมีประสบการณ์กับป่ามาเยอะแล้ว ถ้าเราเข้าป่าด้วยการคิดดี ทำดี ป่าก็ให้สิ่งดีๆกลับมา แต่ถ้าเราเข้าป่าด้วยการคิดไม่ดี ทำไม่ดี ป่าก็จะให้สิ่งไม่ดีกลับมา เรื่องนี้ใครไม่เชื่อก็ช่างเขา แต่ว่าการไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาทุกครั้งก่อนเข้าป่าก็ไม่เสียหายอะไร” ลุงวีบอกกับผมก่อนจะปักธูป-เทียน ลงในดิน
2...
จัก เด็กหนุ่มเจ้าหน้าที่พายเรือ และนำเดินป่าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในอุ้มผาง(จ.ตาก) เล่าให้ผมฟังว่าทุกๆครั้งก่อนนำเรือบรรทุกนักท่องเที่ยวพายล่องลำน้ำแม่กลองเขาจะต้องกราบหัวเรือพร้อมกับเอาน้ำลูบหัวเรือเสมอ ก่อนที่จะอธิษฐานขอให้ล่องแก่งครั้งนี้ปลอดภัยไม่มีใครเป็นอะไร แม้ว่าเรือลำที่ล่องจะเป็นเรือยางก็ตาม
ส่วนในยามที่จักเข้าป่าทุกครั้งเขาจะต้องกราบไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางขอให้ช่วยคุ้มครองเช่นเดียวกับลุงวี พร้อมๆกับเตือนนักท่องเที่ยวที่ไปกับเขาว่า เวลาเดินป่าอย่าพูดจาลามก และทำอะไรรุ่มร่ามทะลึ่งตึงตัง
“สมัยออกป่าเป็นพรานครั้งแรก ผมไม่อยู่ว่าเวลาเข้าป่าต้องทำยังไงเลยไม่ได้ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ตอนนั้นไปนั่งห้างรอยิงสัตว์บนต้นไม้ พี่รู้มั๊ยต้นไม้ต้นเบ้อเริ่มที่ผมขึ้นไปนั่งบนนั้นมันสั่นเหมือนมีคนมาเขย่าทั้งคืนเลย และมันสั่นอยู่ต้นเดียวด้วย พอรุ่งผมกลับบ้านนอนจับไข้ไปหลายวัน” จักรำลึกความหลังเมื่อครั้งเคยเป็นพรานออกป่าหนแรก
3...
ไม่เพียงแค่ลุงวีกับจักเท่านั้นที่ปฏิบัติทำนองนี้ แต่ว่าพรานป่าและพิทักษ์ป่าหลายๆคนที่ผมรู้จักก็ปฏิบัติเช่นนี้เหมือนกัน โดยพวกเขาบอกกับผมว่าป่าทุกป่ามีเจ้าป่าเจ้าเขาเป็นผู้ดูแลอยู่
สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติในโลกยุคดิจิตอลอาจจะฟังดูงมงายและล้าหลังเอามากๆ
แรกๆผมก็เป็นเช่นนั้น แต่ว่าหลังจากที่ออกไปค้างแรมในป่าบ่อยๆและพบเห็นเรื่องราวประหลาดอยู่หลายครั้ง ทำให้ผมเปลี่ยนความรู้สึกจากไม่เชื่อ มาเป็นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น“เชื่อ”แบบไม่มีข้อกังขา ซึ่งหากใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล
แต่ว่าหากมองในเรื่องของการเคารพเจ้าของสถานที่ในต่างถิ่น ที่ไม่ว่าจะไปบ้านไหนเมืองไหน ไปวัดไหนวังไหน ผู้มาเยือนควรจะให้เกียรติและเคารพเจ้าของสถานที่ทุกครั้ง และก็ไม่ควรเด็ดขาดที่จะสวมเสื้อแขนสั้นแต่งตัวตามสบายเข้าไปในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่งของประเทศนี้!!!
สำหรับการเข้าป่าก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน ผู้มาเยือนควรเคารพเจ้าของป่าทุกครั้ง โดยทั้ง สัตว์ป่า ต้นไม้ ใบหญ้า ขุนเขา สายน้ำ และที่มองไม่เห็น ล้วนต่างเป็นเจ้าของป่าทั้งสิ้น...
4...
ภูกระดึงหน้าหนาว ในคืนที่ดาวพราวฟ้า...
ไฟฟ้าของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง(จ.เลย)ดับไปนานแล้ว แต่ว่าแสงดาวยังคงระยิบระยับอยู่เกลื่อนฟ้า
ใต้แสงดาวมีภูกระดึง บนภูกระดึง(บริเวณที่กางเต็นท์)มีแผงร้านค้า ในแผงร้านค้ามีวงสุรา ในวงสุรามีผมนั่งร่วมอยู่ด้วย แต่ที่น่าแปลกก็คือ ในวงสุรากลับไม่มีสุรา แต่กลับมียาดองสมุนไพรที่แม้รสจะขมปร่า แต่ว่ายามเมื่อกระดกเข้าปากส่งลงท้องก็ทำให้กระเพาะร้อนวูบวาบดีแท้
ในขณะที่ยาดองช่วยไล่ความหนาว แต่เรื่องเล่าในวงสุรายามดึกนี่สิ กลับชวนให้เหน็บหนาวและน่าสยิวกายไม่น้อย
เพราะในคืนนี้แม่ค้าร้านขายของคนหนึ่งเธอได้เล่าถึงเรื่องราวแปลกๆบางอย่างที่เกิดขึ้นบนภูกระดึง ซึ่งเป็นเรื่องราวที่พิสูจน์ไม่ได้และก็ไม่ควรลบหลู่ด้วยประการทั้งปวง
“คนเฒ่าคนแก่ที่นี่เล่าให้พี่ฟังว่า สมัยก่อนตอนที่ภูกระดึงยังไม่เปิดป่า จะได้ยินเสียงระฆังแว่วดังก้องกังวานในทุกวันพระกับวันโกน แต่ไม่รู้ว่าดังมาจากที่ไหน คนแถวนี้เลยเชื่อกันว่า เสียงระฆังดังมาจากหมู่บ้านผีบังบด ที่ไม่มีใครเห็น เพราะใครพอเดินเข้าใกล้หมู่บ้านนี้ผีก็จะบังหมู่บ้านให้หายวับไป”
พี่แม่ค้าเปิดประเด็นขึ้นมาพร้อมๆกับสายลมยะเยือกที่พัดปะทะร่าง
ผมขนลุกซู่ทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายลมหรือเรื่องราวที่พี่แม่ค้าเล่า ซึ่งดูเหมือนว่าพี่แม่ค้าจะสังเกตออกว่าวงสุราเริ่มเสียวเล็กน้อยถึงปานกลาง เธอจึงเล่าเรื่องในโทนที่เบาลงว่า ตอนหลังพอเปิดป่ามีคนมาเที่ยวภูกระดึงมากขึ้นเสียงระฆังก็ค่อยๆหายไป
“ทุกวันนี้บนภูกระดึงมีองค์พระพุทธเมตตาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่คนแถวนี้นับถือกันมาก ทุกๆปีจะมีการจัดงานฉลององค์พระพุทธเมตตา”
ผมฟังพี่แม่ค้าเล่าแล้วก็นึกได้ว่าตอนเย็นพอเดินขึ้นมาถึงบนยอดภูแล้ว ตอนไปดูโปรแกรมนำเที่ยวในที่ทำการเห็นทุกโปรแกรมแนะนำว่าพอขึ้นมาถึงบนภูกระดึงแล้ว สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกก็คือการไปสักการะองค์พระพุทธเมตตาเพื่อเป็นสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัย
และนั่นก็คือสิ่งแรกที่ผมปฏิบัติในทุกๆครั้งที่ขึ้นภูกระดึง และทุกๆครั้งก็จะเห็นมีคนมาจุดธูป เทียน ไหว้องค์พระพุทธฯกันเป็นจำนวนมาก
พี่แม่ค้ายังเล่าต่ออีกว่า นอกจากองค์พระพุทธฯแล้วในพื้นที่ภูกระดึงยังมีพ่อปู่ผานกเค้าที่มีศาลตั้งอยู่ที่ผานกเค้า และพ่อปู่ภูกระดึงที่มีศาลตั้งอยู่ตรงทางขึ้น
“ส่วนเจ้าป่าเจ้าเขาที่เรามองไม่เห็นที่บนภูกระดึงก็มีอีกเยอะ แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอก เพราะพวกท่านล้วนต่างช่วยปกปักรักษาเรา แต่ว่าก็มีบ่อยที่มีคนชอบไปลองดู แล้วก็วิ่งป่าราบหรือไม่ก็จับไข้ทุกราย”
ยิ่งดึกลมยิ่งกรรโชกแรง อากาศก็ยิ่งหนาวเหน็บ แถมเรื่องเล่าจากพี่แม่ค้าก็ยิ่งเพิ่มความเหน็บหนาวสยิวกายมากขึ้น
“พวกลองของส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น มีครั้งหนึ่งวัยรุ่นผู้ชายกลุ่มหนึ่งไปอาบน้ำด้วยกันตอนดึกที่ไม่มีคนอื่นแล้ว ในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่งพูดว่าอยากเห็นผู้หญิงมาอาบน้ำในห้องน้ำผู้ชายจัง แล้วจู่ๆก็มีเสียงราดน้ำดังขึ้นมา แต่ว่าประตูยังเปิดอยู่ พวกนั้นสงสัยเลยเดินไปดูเห็นผู้หญิงผมยาวยืนอาบน้ำอยู่ทั้งๆที่ยังใส่เสื้อผ้าในชุดสีขาว พอสักพักคนที่พูดก็ร้องลั่นห้องน้ำก่อนจะวิ่งแจ้นออกมา ส่วนคนอื่นๆก็พากันวิ่งแจ้นตามออกมา วันรุ่งขึ้นพวกนั้นเล่าด้วยเสียงสั่นๆว่า พวกเขาเห็นผู้หญิงคนนี้ยืนลอยตัวอาบน้ำอยู่”
“ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งนี้พอกินเหล้าเมาแล้วคึก เดินไปกินเหล้าต่อที่ผานกแอ่นในช่วงประมาณตี 4 มั๊ง พวกเขาบอกว่าจะไปกินเหล้ารอพระอาทิตย์ขึ้น ตอนที่กินกันก็คงคะนองปากพูดด่าโน้นด่านี้ไปเรื่อย ก่อนที่จะวิ่งหนีกันป่าราบเพราะมีเพื่อนคนหนึ่งเห็นมีผู้หญิงลอยขึ้นมาจากหน้าผานกแอ่น”
“อีกคนนี่ถือว่าหนักหน่อย คนนี้เพื่อนเขาบอกว่าตั้งแต่เริ่มเดินขึ้นภูกระดึง จะพูดตลอดว่าอยากเจอช้างป่า ภูกระดึงมีช้างป่าจริงเหรอ ถ้ามีออกมาหน่อยสิอยากเจอ พอตอนกลางคืนมีเสียงช้างร้อง หมอนี่ดีใจอยากเจอช้างป่า แล้วจู่ๆก็มีช้างแค่ตัวเดียววิ่งมา แต่ไม่ได้วิ่งมาเปล่า ช้างตัวนี้วิ่งมาล้มเต็นท์ที่คนนี้พักหลังเดียว แต่โชคดีที่เขากับเพื่อนๆวิ่งหนีออกมาก่อน แต่คุณรู้อะไรมั๊ยช้างตัวนี้มันใช้งวงคุ้ยเป้ของคนที่อยากเจอช้างคนเดียวจนกระจุยกระจายและลากเอาเป้กลับเข้าป่าด้วย”
นั่นคือเรื่องราวเด็ดๆที่ไม่เป็นข่าวในราตรีอันหนาวเหน็บกับบรรยากาศชวนสยิวกายที่พี่แม่ค้าเล่าให้ผมฟัง ส่วนเรื่องราวที่เคยเป็นข่าวอย่างพระธุดงค์กับช้างป่า หรือเรื่องที่มีคนไปลองของยืนฉี่ใต้ต้นไม้ที่มีผ้าแพรผูกไว้ ก่อนที่คนฉี่จะถูกบางสิ่งบางอย่างเข้าสิงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว พี่แม่ค้าก็เล่าให้ฟังอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ในขณะที่นั่งฟังเรื่องราวเหล่านี้ ถึงแม้ผมจะอยู่ในอาการกรึ่มยาดองแต่ว่าผมก็จำเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ แต่กระนั้นก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยอยู่นั่นก็คือ
เรื่องราวเหล่านี้พี่แม่ค้ารู้ได้ยังไง
“อ๋อ...ก็ฟังเขาเล่ามาอีกที แต่ก็ไม่ต้องไปกลัวหรอก เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับพวกชอบลองของเท่านั้น ส่วนใครที่ขึ้นภูกระดึงแบบปกติก็ไม่ต้องกลัว เพราะที่ภูกระดึงมีเจ้าป่าเจ้าเขาคอยดูแลปกปักรักษา แม้ว่าไม่ได้กราบไหว้ท่าน ท่านก็ช่วยดูแลให้ความร่มเย็นทุกคนที่ขึ้นมาบนนี้”
พี่แม่ค้าตอบ แต่ว่าก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมยังคาใจอยู่นั่นก็คือ ที่ผ่านมาพี่แม่ค้าเคยเห็นเจ้าป่าเจ้าเขาบ้างหรือเปล่า
“พี่ยังไม่เคยเห็นกับตาหรอก แต่ว่าตอนฝันเคยเห็นท่านมาเข้าฝันออกบ่อยๆ พอตื่นมาพี่เอาไปตีเป็นเลขแทงหวย ถูกแทบทุกงวดเลย”
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
เสน่ห์“ภูกระดึง” ถึงวันนี้ยังมีมนต์ขลัง
จาก“ภูกระดึง”ถึง“เก็บตะวัน”
ลูกหาบภูกระดึง : ฤาจะเหลือเพียงตำนาน