xs
xsm
sm
md
lg

แอ่วอุ้มผาง แผ่นดินดอยลอยฟ้า (1) ตอน : จับสายรุ้งที่น้ำตกสายฝน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โค้งที่หนึ่ง โค้งที่สอง โค้งที่สาม โค้งที่ ...

ตอนที่รถตู้ขับขึ้นเขาใหม่ๆจากจุดพักนักท่องเที่ยวพบพระ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ยังคงอยู่ในอาการฟิตเปรี๊ยะ จึงใช้จังหวะนี้นั่งนับโค้งถนนเล่นอย่างเพลิดเพลินในอารมณ์ ซึ่งจริงๆแล้วใครที่ไปอุ้มผางไม่ต้องไปนั่งนับโค้งให้เมื่อยตาเมื่อยตุ้มหรอก เพราะมีคนบันทึกเอาไว้แล้วว่าจาก อ.แม่สอดสู่ อ.อุ้มผางนั้นมีระยะทาง 164 กม. มี 1,219 โค้ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง

หลังจากที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" หลับๆ ตื่นๆ อยู่บนถนนที่มากมายไปด้วยโค้งแล้วโค้งเล่า รถตู้ก็พาแล่นเข้าสู่ตัวเมืองอุ้มผางในเวลาเย็นย่ำ ก่อนที่จะจอดนิ่งยังภูดอย แค้มป์ไซท์ที่พักของเราในทริปนี้ ก่อนที่ความอ่อนเพลียและอากาศที่หนาวเย็นจะทำเราม่อยหลับไปด้วยใจที่ฝันถึงน้ำตกทีลอซู สุดยอดน้ำตกของเมืองไทยที่เราจะออกเดินทางไปพิชิตในวันรุ่งขึ้น

ยลทะเลหมอกดอยหัวหมด

"ตื่นได้แล้วคร้าบบบ...ตีห้าแล้ว"

ระบบมอนิ่งเคาะของเจ้าหน้าที่รีสอร์ทถือว่าได้ผลชะงัดนัก เพราะเพียงไม่กี่นาที "ผู้จัดการท่องเที่ยว" กับเพื่อนร่วมทริป ก็ออกเดินทางสู่ดอยหัวหมด เพื่อไปให้ยลตะวันเบิกฟ้าและทะเลหมอกยามเช้า

ดอยหัวหมด ดอยนี้มีสภาพโกร๋นทอดแนวยาวราว 30 กม.ติดต่อกันหลายลูก โดยความโกร๋นของดอยแห่งนี้ไม่ได้เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า แต่ว่าเกิดจากการที่ดอยหัวหมดเป็นแหล่งแร่โดโลไมต์ที่ต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้มีเพียงต้นไม้เล็กๆ เตี้ยๆ และต้นหญ้าขึ้นอยู่เท่านั้น

สำหรับในช่วงต้นหนาวเช่นนี้ทั่วบริเวณดอยหัวหมดจะดารดาษไปด้วยดอกเทียนที่บานสะพรั่งสีม่วงสด นับเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้ดอยหัวโกร๋นแห่งนี้มีเสน่ห์ไม่น้อยทีเดียว ส่วนสิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์ของดอยแห่งนี้ก็คือการเดินเท้าขึ้นไปดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว ที่ต้องเดินเท้าขึ้นดอยไปประมาณ 15 นาทีจากจุดจอดรถ

และก็ดูเหมือนว่าทางเจ้าหน้าที่ที่พาเราขึ้นดอยจะคำนวณเวลาได้ค่อนข้างแม่นยำ เพราะพอ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขึ้นไปยืนบนยอดดอยได้ไม่นาน ดวงอาทิตย์ก็แย้มแสงสาดส่องลงมาโดยมีทะเลหมอกที่ขาวโพลนลอยอ้อยอิ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ นอกจากนี้หากมองไปทางตัวอำเภออุ้มผางก็จะเห็นตัวเมืองยามเช้าตั้งอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา สมดังฉายา "อุ้มผางแผ่นดินดอยลอยฟ้า"

ล่องแม่กลอง ไปจับรุ้งที่ทีลอจ่อ

แสงตะวันเริ่มแรงขึ้นคณะของเรากลับมาเติมพลังข้าวต้มยังที่พัก ก่อนที่จะออกล่องแก่งไปตามลำน้ำแม่กลองสู่น้ำตกทีลอซู สุดยอดน้ำตกของไทยที่ถูกยกย่องว่าสวยที่สุดในเมืองไทยและสวยที่สุดในอาคเนย์ รวมถึงสวยติด 1 ใน 6 ของโลก

สำหรับจุดเริ่มต้นลงล่องแก่งนั้นอยู่ที่ห้วยอุ้มผางในเวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง โดยมีพี่ณรงค์ คัมภีร์ นายกชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์อุ้มผางเป็นคนนำทีม

เมื่อขบวนเรือยางตั้งลำ ฝีพายพร้อม คนนั่งพร้อม เรือก็ค่อยๆแล่นไหลไปตามลำน้ำแม่กลอง ซึ่งแม้ว่าในเส้นทางล่องแก่งทีลอจ่อ-ทีลอซูนี้ จะเป็นแก่งในระดับต้นๆประเภทแก่งนุ่มนวล แต่ว่าทิวทัศน์สองข้างทางนี่สวยงามมาก นับเป็นเส้นทางที่เหมาะกับการล่องแก่งชมธรรมชาติจริงๆ คือปล่อยให้เรือยางไหลเอื่อยๆไปตามสายน้ำ ส่วนผู้ที่นั่งอยู่บนเรือก็ใช้โอกาสนี้ชมนกชมไม้ชมธรรมชาติรอบข้างที่เป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์เขียวครึ้ม โดยมีบางช่วงเป็นหน้าผาที่เมื่อแหงนหน้ามองคอตั้งบ่าจะเห็นเหลี่ยมผาตั้งตระหง่านง้ำพุ่งสู่ฟากฟ้าดูแล้วเพลินตาเหลือหลาย

เรือยางล่องมาได้สักประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงยังไฮไลท์ของเส้นทางล่องลำน้ำนั่นก็คือ "น้ำตกทีลอจ่อ" หรือ "น้ำตกสายฝน" (ด้านล่าง) ที่มีลักษณะเป็นหยดน้ำไหลหยดลงมาจากยอดผาดูเหมือนกับว่ามีฝนตกลงมาจากหน้าผาที่งดงามด้วยหินปูนรูปร่างแปลกตา และแมกไม้ที่ขึ้นเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ โดยเฉพาะตะไคร่กับเฟิร์นก้านดำที่มีอยู่เยอะมาก

"ทีลอจ่อ มีความพิเศษตรงที่นอกจากจะมีตาน้ำไหลรวมตัวกันเป็นสายราวสายฝนแล้ว ทีลอจ่อยังมีน้ำไหลซึมผ่านชั้นดินเกิดเป็นน้ำตกสายฝนที่ถือว่าเป็นน้ำตกที่แปลกกว่าน้ำตกไหนๆ เพราะเป็นน้ำในดิน"

พี่ณรงค์ให้ข้อมูลกับเราในระหว่างที่เรือยางไปจอดแวะชมน้ำตกทีลอจ่อที่มีหยดน้ำเหมือนฝนตกเปาะแปะ

ใครบางคนในเรือเมื่อเห็นน้ำในดินก็ถึงกับรำพึงขึ้นมาว่า...น้ำในดินนี่ยังไงก็สู้น้ำในตาไม่ได้...

โอว...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พระเจ้าจอร์จนายยอดมาก คิดได้ไงเนี่ย น่ายันให้ตกเรือจริงๆเร้ย

"เดี๋ยวผมจะพาไปจับสายรุ้งที่ทีลอจ่ออีกช่วง" พี่ณรงค์พูดต่อด้วยสีหน้าหัวร่อมิได้ร่ำไห้มิออกเพราะยังมึนตึ๊บกับมุขน้ำในตาอยู่

พอสิ้นเสียงพี่ณรงค์ ดูเหมือนว่าฝีพายจะรู้ทางดีเพราะพวกเขาได้บังคับเรือให้ไหลไปเอื่อยๆ เข้าไปใกล้กับตัวน้ำตกทีลอจ่ออีกช่วงที่มีลักษณะเป็นม่านสายฝนตกกระเซ็นเป็นสายลงมายังสายน้ำเบื้องล่าง ซึ่งน้ำตกช่วงนี้พี่ณรงค์บอกว่าบางคนก็เรี่ยกว่าน้ำตกสายรุ้ง เพราะในช่วงสายๆ (ดังเช่นที่เราเวลาไป) แสงแดดจะส่องต้องม่านน้ำ เกิดเป็นสายรุ้งทอดตัวโค้งในท่ามกลางม่านน้ำฝน ที่วันไหนที่แดดดีๆจะเห็นรุ้งกินน้ำถึง 2 ตัวทีเดียว

...รุ้งตัวอ้วน สุขยามมองเห็นมัน...ทันทีที่เห็นสายรุ้งทอดโค้งกินน้ำในม่านน้ำตกทีลอจ่อ ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะฮัมเพลง "รุ้งอ้วน" ของ "อุ้ย : รวิวรรณ จินดา" ขึ้นมาเป็นมิวสิคประกอบน้ำตก เพราะทุกทีเพียงแค่ได้เห็นรุ้งกินน้ำหลังฝนตกก็ให้สุขใจแล้ว แต่นี่ได้มีโอกาสจับรุ้งแบบเต็มๆมันยิ่งเหมือนฝันไป

ว่าแล้วพอเรือแล่นไปจอดใต้ม่านน้ำตกเราก็ยื่นมือออกไปไขว่คว้าสายรุ้ง แต่ท้ายที่สุดก็สัมผัสได้เพียงความชุ่มฉ่ำของม่านน้ำตก ส่วนสายรุ้งที่เห็นนั้นแม้จับเท่าไหร่ไม่เคยติดมือแต่ว่ากลับติดตรึงอยู่ในใจ เช่นเดียวกับน้ำตกใหญ่ทีลอซูที่เราจะไปพิชิตในตอนหน้าก็เป็นอีกหนึ่งน้ำตกในฝันที่เมื่อได้ยลแล้วติดตรึงหัวใจไปนานแสนนาน... (อ่านต่อตอนหน้า)
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

สำหรับการเที่ยวล่องแก่งทีลอจ่อ-ทีลอซู ล่องแก่งทีลอเร หรือเที่ยวสถานที่ต่างๆในอุ้มผางสามารถสอบถามได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์อุ้มผาง โทร. 0-5556-1338 หรือที่ ททท.ภาคเหนือ เขต 4 โทร. 0-5551-4341-3

อนึ่งน้ำตกทีลอจ่อจะเกิดรุ้งกินน้ำในช่วงที่แสงแดดยามสายส่องกระทบประมาณ 9.00-10.00 น.

การเดินทางไปยังอ.อุ้มผาง                  ที่พัก                  ร้านอาหาร

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ลอยกระทงสาย ไหลประทีปพันดวง เมื่อสายน้ำและผู้คนรวมกันเป็นหนึ่ง
ประเพณีขึ้นธาตุเดือนเก้า จ.ตาก  
ตะลุยป่า เที่ยวน้ำตก ที่เมืองตาก  

 
กำลังโหลดความคิดเห็น