โดย : กระจกเงา

สัปดาห์ที่แล้วผมเขียนให้ผู้อ่านได้รู้จักและมองเห็นเรื่องราวชีวิตของคนในกรุงพนมเปญ ให้เหมือนเพื่อนผู้อ่านได้ไปเที่ยวง่ายๆแบบประหยัดสตางค์ในกระเป๋าด้วยตัวเอง วิธีการเดินเที่ยวเล่นรอบเมืองนี่แหละทำให้เราได้เห็นเห็นชีวิตคนจริงๆในบ้านเมืองนั้นหลายๆมุม ไม่ใช่ไปรุมกันอยู่ในที่ท่องเที่ยวอย่างเดียว
หาผมต้องไปทำงานอย่างอื่นในต่างประเทศ ก็มักจะหาเวลาว่างแวบไปเดินตระเวนให้ทั่วขึ้นอยู่กับเวลาที่มี บางครั้งได้แค่รอบๆโรงแรมซักสองสามชั่วโมง บางครั้งเป็นวัน หรือบางครั้งขอโมเมที่ทำงานเลื่อนตั๋วเครื่องบินอยู่เที่ยวต่อซักวันก็ยังมี ก็แหมมีโอกาสมาต่างบ้านต่างเมืองซักทีต้องเอาให้คุ้ม

วังหลวงแห่งพนมเปญ
ชักออกนอกเรื่องไปยาว กลับมาที่กรุงพนมเปญกันต่อหากนักท่องเที่ยวเดินทางมาเมืองหลวงของกัมพูชาแห่งนี้ แล้วไม่มีเวลาไปบริเวณหน้าพระบรมหาราชวังเขมรินทร์นับว่าเสียดายไม่น้อย ด้วยกับบรรยากาศสบายๆริมน้ำ ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และบรรดาคนกับพูชาที่มีทั้งปักหลักหารายได้จากคนที่มากราบไว้หวัง ดูแล้วมีชีวิตชีวาไม่น้อย...มีหรือกระจกเงาจะปล่อยชีวิตคนรากหญ้าที่น่าสนใจแบบนี้ให้พลาดไปได้
สำหรับพระราชวังเขมรินทร์เป็นที่ประทับของกษัติย์สีหโมณีองค์ปัจจุบันของกัมพูชาและใช้ประกอบพระราชพิธี แต่ถึงแม้วังแห่งนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่เหมือนพระบรมหาราชวังใกล้สนามหลวงของเรา แต่ระบบการจัดวางผังวังดูคล้ายกับไทยไม่น้อย จนนักประวัติศาสตร์ของไทยที่เข้าข้างตัวเองซักหน่อยก็บอกว่าวังนี้จะลองพระบรมหารราชวังแห่งรัตนโกสินทร์ของไทยเชียวแหละ
พระบรมหาราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำตนเลสาบ บนพื้นที่เดิมของป้อมบันเตีย เคฟ ด้านหน้าวังมีถนนสมเด็จ โสเทียโรสผ่านนำได้ว่าเป็นพระบรมหาราชวังที่ตั้งอยู่บนตำแหน่งที่สวยงามมากแห่งหนึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ และมีสนามหญ้าด้านหน้าทำให้พระบรมมหาราชวังแห่งนี้ดูอลังการยิ่งใหญ่มาก นอกจากนี้ภายในส่วนประกอบพระราชพิธีในชั้นใน เลยทำให้ทราบว่าพระบรมหาราชวังแห่งนี้คล้ายกับของไทยจริงๆ

สำหรับเรื่องราวความเป็นมาในการสร้างวังแห่งนี้ ผมอยากให้ผู้อ่านเก็บเกี่ยวความรู้เพิ่มเติมอยากหนังสือประวัติศาสตร์ทั่วไป แล้วจะร้องอ้อ! ว่ากษัตริย์ของไทยกับกัมพูชาในอดีตนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีและช่วยเหลือต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน
ผู้คนหน้าวัง
สิ่งที่ผมอยากจะถ่ายทอดให้ผู้อ่านนั้นเป็นเรื่องราวชีวิตคนในเมืองนั้นๆมากกว่า อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งบริเวณหลังวังริมฝั่งแม่น้ำตนเลสาบแห่งนี้นับเป็นจุดที่น่าสนใจไม่น้อย ที่จะนั่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงศึกษาชีวิตในพื้นที่เล็กๆ ของเมืองหลวงกัมพูชา

ตอนที่ผมออกเดินนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยง เริ่มจากด้านหน้าหอประชุมจตุมุขไปยังด้านหน้าวัง สิ่งแรกที่เห็นคือผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาพักผ่อนช่วงที่อากาศกำลังร้อนระอุ แต่ที่สะดุดตาไม่น้อยคือหมอดูที่กำลังหลับสบายโดยไม่สนใจลูกค้าเข้ามาติดต่อ ดูแลคล้ายๆรอบสนามหลวงบ้านเราเสียจริงๆ
เดินต่อไปอีกนิดพบกับครอบครัวที่ใช้ท่าน้ำตรงลานหน้าวังเป็นห้องน้ำล้างชำระล้างกัน ไม่ต่างจากคู่หนุ่มสาวใช้น้ำจากตนเลสาบมาทำความสะอาดพาหนะคู่ใจ หากมองไปโดยรอบจะเห็นคนจำนวนไม่น้อยที่นั่งล้อมวงกินข้าวกลางวันอย่างมีความสุข แต่กระจกเงาไม่แน่ใจว่าคนเหล่านี้ใช้ลานเลียบริมน้ำหน้าวังแห่งนี้หลับนอนในเวลากลางคืนหรือไม่
ไฮไลต์สำคัญของการยลชีวิตหน้าวังในครั้งนี้น่าจะอยู่ที่บริเวณพระที่นั่งริมน้ำ ตรงข้ามกับหน้าวังพอดี เห็นจะเป็นจุดที่คึกคักและจอแจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนที่มาไว้พระตรงริมน้ำ คนขายนก (ที่ปล่อยไปแล้วมันก็บินกลับมาที่เดิม) หรือผลไม้และดอกไม้ที่บูชาพระ (ที่เห็นกันจะจะว่านำกลับมาขายใหม่อีกครั้ง) หรือเด็กๆ ที่มาใช้ชีวิตขายของ บางคนก็เร่ร่อนอยู่หน้าวัง
ผมนั่งมองเด็กๆ เล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างมีความสุข บางคนก็มีหน้าที่ช่วยพ่อแม่ย่ายายขายดอกไม้ไว้พระ เด็กชายกลุ่มใหญ่กำลังเล่นเตะรองเท้าแข่งกันไปมา วางเดิมพันกันอย่างโจ่งแจ้ง แต่ผมใช้เวลานั่งดูอยู่เกือบสิบนาทีก็ยังไม่เข้าว่าเจ้ากฎ กติกา เกมนี้เป็นอย่างไร และจะชนะได้เงินพนันกันเมื่อใด
ในวันนั้นมีกลุ่มคนเล็กๆ ที่ไม่รู้ว่ามาจากองค์กรการกุศลหรือเป็นช่างตัดผมอาชีพที่มาช่วยตัดผมให้กับเด็กๆ เหล่านี้ที่ดูแล้วเป็นภาพที่น่าประทับใจไม่น้อย
พื้นที่แห่งความแตกต่าง

ใกล้ๆกับพระที่นั่งมีพระองค์เล็กๆที่ใครไปใครก็มักจะกราบไว้พระองค์นี้ ผมได้เห็นอาชีพน่าใจแห่งหนึ่งของเด็กกัมพูชา นั่นก็คือ “คนเฝ้ารองเท้า” เด็กๆ กลุ่มหน้าจะคอยจัดรองเท้าให้กับคนที่เข้าไปไหว้พระ และคอยเฝ้าให้เป็นอย่างดี ก่อนที่เจ้าของจะออกมา พร้อมกับเฝ้ารอคอยเงินเล็กๆน้อยๆเป็นค่าตอบแทน
ในฝั่งตรงข้ามกันของถนนกลุ่มเด็กที่เสร็จสิ้น จากการเรียนเดินกลับบ้านผ่านหน้าหวังอย่างมีความสุข แวะดูนั่นดูนี่ริมทางก่อนจะไปถึงบ้านและพบกับครอบครัวอันแสนอบอุ่น กระจกเงาเลยนึกขึ้นมาทันทีว่าบนพื้นที่ใกล้เคียงกันแต่ช่างมีความแตกต่างกันเสียเหลือเกิน
ตอนที่ผมเขียนอยู่นี้พระบาทสมเด็จพระเทพฯเพิ่งเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดโรงเรียนในกัมพูชาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ให้กับโรงเรียนแห่งนี้ นับได้ว่าเป็นโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่และมีความทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของกัมพูชา ที่พร้อมจะให้ทั้งความรู้และวิชาชีพแก่เด็กชาวกัมพูชา เพื่อนำไปประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต
ผมได้แต่หวังว่าเด็กๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างเร่ร่อนด้านหน้าวังเหล่านี้ จะได้รับการศึกษาที่ดี ซึ่งบางคนอาจมีโอกาสได้เข้าศึกษาในโรงเรียนที่สมเด็จพระเทพฯ เป็นองค์อุปถัมภ์ นับได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่นอกจากจะมีต่อพสกนิกรชาวไทยแล้ว พระองค์ยังทรงให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนบ้านประเทศอื่นๆอีก
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
กรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา สามารถเดินทางจากไทยได้หลายเส้นทางด้วยกัน
เครื่องบิน การบินไทย และบางกอกแอร์เวย์ มีบินตรงจากท่าอากาศยานกรุงเทพฯ มายังท่าอากาศยานโปเชนตง กรุงพนมเปญ
นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางด้วยรถจากด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว – ปอยเปตและด่านหาดเล็ก จ.ตราด-เกาะกง ซึ่งบริเวณด่านฝั่งกัมพูชา จะมีรถบัสและแท็กซี่บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังกรุงพนมเปญ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมใช้เส้นทางทางอรัญฯมากกว่า เนื่องจากสามารถแวะเยี่ยมชมนครวัดได้
ทั้งนี้หากใครต้องการพักผ่อนบรรยากาศชายทะเล แนะนำให้ใช้เส้นทางจ.ตราด เมื่อข้ามแดนแล้วจะมีเรือไปยังสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่สวยงามของกัมพูชา หลังจากนั้นค่อยนั่งรถบัสประจำทางมายังกรุงพนมเปญ
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
เยือน “พนมเปญ” ยลชีวิตริมทาง
สัปดาห์ที่แล้วผมเขียนให้ผู้อ่านได้รู้จักและมองเห็นเรื่องราวชีวิตของคนในกรุงพนมเปญ ให้เหมือนเพื่อนผู้อ่านได้ไปเที่ยวง่ายๆแบบประหยัดสตางค์ในกระเป๋าด้วยตัวเอง วิธีการเดินเที่ยวเล่นรอบเมืองนี่แหละทำให้เราได้เห็นเห็นชีวิตคนจริงๆในบ้านเมืองนั้นหลายๆมุม ไม่ใช่ไปรุมกันอยู่ในที่ท่องเที่ยวอย่างเดียว
หาผมต้องไปทำงานอย่างอื่นในต่างประเทศ ก็มักจะหาเวลาว่างแวบไปเดินตระเวนให้ทั่วขึ้นอยู่กับเวลาที่มี บางครั้งได้แค่รอบๆโรงแรมซักสองสามชั่วโมง บางครั้งเป็นวัน หรือบางครั้งขอโมเมที่ทำงานเลื่อนตั๋วเครื่องบินอยู่เที่ยวต่อซักวันก็ยังมี ก็แหมมีโอกาสมาต่างบ้านต่างเมืองซักทีต้องเอาให้คุ้ม
วังหลวงแห่งพนมเปญ
ชักออกนอกเรื่องไปยาว กลับมาที่กรุงพนมเปญกันต่อหากนักท่องเที่ยวเดินทางมาเมืองหลวงของกัมพูชาแห่งนี้ แล้วไม่มีเวลาไปบริเวณหน้าพระบรมหาราชวังเขมรินทร์นับว่าเสียดายไม่น้อย ด้วยกับบรรยากาศสบายๆริมน้ำ ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และบรรดาคนกับพูชาที่มีทั้งปักหลักหารายได้จากคนที่มากราบไว้หวัง ดูแล้วมีชีวิตชีวาไม่น้อย...มีหรือกระจกเงาจะปล่อยชีวิตคนรากหญ้าที่น่าสนใจแบบนี้ให้พลาดไปได้
สำหรับพระราชวังเขมรินทร์เป็นที่ประทับของกษัติย์สีหโมณีองค์ปัจจุบันของกัมพูชาและใช้ประกอบพระราชพิธี แต่ถึงแม้วังแห่งนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่เหมือนพระบรมหาราชวังใกล้สนามหลวงของเรา แต่ระบบการจัดวางผังวังดูคล้ายกับไทยไม่น้อย จนนักประวัติศาสตร์ของไทยที่เข้าข้างตัวเองซักหน่อยก็บอกว่าวังนี้จะลองพระบรมหารราชวังแห่งรัตนโกสินทร์ของไทยเชียวแหละ
พระบรมหาราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำตนเลสาบ บนพื้นที่เดิมของป้อมบันเตีย เคฟ ด้านหน้าวังมีถนนสมเด็จ โสเทียโรสผ่านนำได้ว่าเป็นพระบรมหาราชวังที่ตั้งอยู่บนตำแหน่งที่สวยงามมากแห่งหนึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ และมีสนามหญ้าด้านหน้าทำให้พระบรมมหาราชวังแห่งนี้ดูอลังการยิ่งใหญ่มาก นอกจากนี้ภายในส่วนประกอบพระราชพิธีในชั้นใน เลยทำให้ทราบว่าพระบรมหาราชวังแห่งนี้คล้ายกับของไทยจริงๆ
สำหรับเรื่องราวความเป็นมาในการสร้างวังแห่งนี้ ผมอยากให้ผู้อ่านเก็บเกี่ยวความรู้เพิ่มเติมอยากหนังสือประวัติศาสตร์ทั่วไป แล้วจะร้องอ้อ! ว่ากษัตริย์ของไทยกับกัมพูชาในอดีตนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีและช่วยเหลือต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน
ผู้คนหน้าวัง
สิ่งที่ผมอยากจะถ่ายทอดให้ผู้อ่านนั้นเป็นเรื่องราวชีวิตคนในเมืองนั้นๆมากกว่า อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งบริเวณหลังวังริมฝั่งแม่น้ำตนเลสาบแห่งนี้นับเป็นจุดที่น่าสนใจไม่น้อย ที่จะนั่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงศึกษาชีวิตในพื้นที่เล็กๆ ของเมืองหลวงกัมพูชา
ตอนที่ผมออกเดินนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยง เริ่มจากด้านหน้าหอประชุมจตุมุขไปยังด้านหน้าวัง สิ่งแรกที่เห็นคือผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาพักผ่อนช่วงที่อากาศกำลังร้อนระอุ แต่ที่สะดุดตาไม่น้อยคือหมอดูที่กำลังหลับสบายโดยไม่สนใจลูกค้าเข้ามาติดต่อ ดูแลคล้ายๆรอบสนามหลวงบ้านเราเสียจริงๆ
เดินต่อไปอีกนิดพบกับครอบครัวที่ใช้ท่าน้ำตรงลานหน้าวังเป็นห้องน้ำล้างชำระล้างกัน ไม่ต่างจากคู่หนุ่มสาวใช้น้ำจากตนเลสาบมาทำความสะอาดพาหนะคู่ใจ หากมองไปโดยรอบจะเห็นคนจำนวนไม่น้อยที่นั่งล้อมวงกินข้าวกลางวันอย่างมีความสุข แต่กระจกเงาไม่แน่ใจว่าคนเหล่านี้ใช้ลานเลียบริมน้ำหน้าวังแห่งนี้หลับนอนในเวลากลางคืนหรือไม่
ไฮไลต์สำคัญของการยลชีวิตหน้าวังในครั้งนี้น่าจะอยู่ที่บริเวณพระที่นั่งริมน้ำ ตรงข้ามกับหน้าวังพอดี เห็นจะเป็นจุดที่คึกคักและจอแจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนที่มาไว้พระตรงริมน้ำ คนขายนก (ที่ปล่อยไปแล้วมันก็บินกลับมาที่เดิม) หรือผลไม้และดอกไม้ที่บูชาพระ (ที่เห็นกันจะจะว่านำกลับมาขายใหม่อีกครั้ง) หรือเด็กๆ ที่มาใช้ชีวิตขายของ บางคนก็เร่ร่อนอยู่หน้าวัง
ผมนั่งมองเด็กๆ เล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างมีความสุข บางคนก็มีหน้าที่ช่วยพ่อแม่ย่ายายขายดอกไม้ไว้พระ เด็กชายกลุ่มใหญ่กำลังเล่นเตะรองเท้าแข่งกันไปมา วางเดิมพันกันอย่างโจ่งแจ้ง แต่ผมใช้เวลานั่งดูอยู่เกือบสิบนาทีก็ยังไม่เข้าว่าเจ้ากฎ กติกา เกมนี้เป็นอย่างไร และจะชนะได้เงินพนันกันเมื่อใด
ในวันนั้นมีกลุ่มคนเล็กๆ ที่ไม่รู้ว่ามาจากองค์กรการกุศลหรือเป็นช่างตัดผมอาชีพที่มาช่วยตัดผมให้กับเด็กๆ เหล่านี้ที่ดูแล้วเป็นภาพที่น่าประทับใจไม่น้อย
พื้นที่แห่งความแตกต่าง
ใกล้ๆกับพระที่นั่งมีพระองค์เล็กๆที่ใครไปใครก็มักจะกราบไว้พระองค์นี้ ผมได้เห็นอาชีพน่าใจแห่งหนึ่งของเด็กกัมพูชา นั่นก็คือ “คนเฝ้ารองเท้า” เด็กๆ กลุ่มหน้าจะคอยจัดรองเท้าให้กับคนที่เข้าไปไหว้พระ และคอยเฝ้าให้เป็นอย่างดี ก่อนที่เจ้าของจะออกมา พร้อมกับเฝ้ารอคอยเงินเล็กๆน้อยๆเป็นค่าตอบแทน
ในฝั่งตรงข้ามกันของถนนกลุ่มเด็กที่เสร็จสิ้น จากการเรียนเดินกลับบ้านผ่านหน้าหวังอย่างมีความสุข แวะดูนั่นดูนี่ริมทางก่อนจะไปถึงบ้านและพบกับครอบครัวอันแสนอบอุ่น กระจกเงาเลยนึกขึ้นมาทันทีว่าบนพื้นที่ใกล้เคียงกันแต่ช่างมีความแตกต่างกันเสียเหลือเกิน
ตอนที่ผมเขียนอยู่นี้พระบาทสมเด็จพระเทพฯเพิ่งเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดโรงเรียนในกัมพูชาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ให้กับโรงเรียนแห่งนี้ นับได้ว่าเป็นโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่และมีความทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของกัมพูชา ที่พร้อมจะให้ทั้งความรู้และวิชาชีพแก่เด็กชาวกัมพูชา เพื่อนำไปประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต
ผมได้แต่หวังว่าเด็กๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างเร่ร่อนด้านหน้าวังเหล่านี้ จะได้รับการศึกษาที่ดี ซึ่งบางคนอาจมีโอกาสได้เข้าศึกษาในโรงเรียนที่สมเด็จพระเทพฯ เป็นองค์อุปถัมภ์ นับได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่นอกจากจะมีต่อพสกนิกรชาวไทยแล้ว พระองค์ยังทรงให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนบ้านประเทศอื่นๆอีก
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
กรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา สามารถเดินทางจากไทยได้หลายเส้นทางด้วยกัน
เครื่องบิน การบินไทย และบางกอกแอร์เวย์ มีบินตรงจากท่าอากาศยานกรุงเทพฯ มายังท่าอากาศยานโปเชนตง กรุงพนมเปญ
นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางด้วยรถจากด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว – ปอยเปตและด่านหาดเล็ก จ.ตราด-เกาะกง ซึ่งบริเวณด่านฝั่งกัมพูชา จะมีรถบัสและแท็กซี่บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังกรุงพนมเปญ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมใช้เส้นทางทางอรัญฯมากกว่า เนื่องจากสามารถแวะเยี่ยมชมนครวัดได้
ทั้งนี้หากใครต้องการพักผ่อนบรรยากาศชายทะเล แนะนำให้ใช้เส้นทางจ.ตราด เมื่อข้ามแดนแล้วจะมีเรือไปยังสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่สวยงามของกัมพูชา หลังจากนั้นค่อยนั่งรถบัสประจำทางมายังกรุงพนมเปญ
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
เยือน “พนมเปญ” ยลชีวิตริมทาง