xs
xsm
sm
md
lg

เยือน “พนมเปญ” ยลชีวิตริมทาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : กระจกเงา

หลังจากที่เครื่องบินร่อนลงจอดท่าอากาศยานโปเชนตง ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่ถึงแม้จะดูเล็กกว่าบ้านเรามาก แต่ในเรื่องของระบบการตรวจคนเข้าเมืองก็ถือว่าทันสมัยไม่เบา ตั้งแต่กล้องถ่ายรูปตอนประทับหนังสือเดินทาง ไปถึงสนามบินที่ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นนูนต่ำที่เหมือนจำลองนครวัดเลยทีเดียว

ออกมาจากสนามบินได้ไม่นานด้วยความตื่นตาตื่นใจที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเมืองนอกเมืองนาเหมือนคนอื่นเสียเท่าไร ผมจึงเริ่มลั่นชัตเตอร์ไม่ยั้งเก็บภาพชีวิตคนกัมพูชาที่น่าสนใจไม่น้อย ก็แหม...กล้องในยุคนี้มันช่างทันสมัยเหลือเกินถ่ายไม่พอใจก็ลบได้ แถมมีแลปท็อปในมืออย่างไรเสียไม่ต้องเป็นกังวลว่าเม็มโมรีจะเต็ม

ภาพชีวิตแรกที่เห็นและประทับใจไม่น้อยก็คือคนพนมเปญส่วนใหญ่จะนิยมใช้จักรยานยนต์สัญจรเป็นหลัก ส่วนรถยนต์ก็มีบ้างพอสมควรพอๆกับจักรยาน แต่ที่ดูคล้ายๆกับบ้านเราก็คือในช่วงเวลาเร่งด่วน บนถนนสายหลักรถจะติดหนึบประมาณน้องๆกรุงเทพฯทีเดียว

ส่วนที่จะต้องระวังคงจะเป็นรถราที่วิ่งกันอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ใครใคร่เลี้ยวเลี้ยว ใครใคร่แซงก็แซง แถมวิ่งสวนเลนกันหน้าตาเฉย ยิ่งถ้าเป็นคนต่างเมืองที่ไม่เคยชินกับถนนวิ่งชิดขวาแล้ว ยิ่งต้องปรับตัวตอนข้ามถนนหันมองซ้ายมองขวาจนมึน

สำหรับบนถนนของพนมเปญนั้นไม่มีรถเมล์วิ่งในเมืองเหมือนกับกรุงเทพ ซึ่งหากนั่งท่องเที่ยวกระเป๋าบางแบบเราๆ ต้องการเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องหันไปพึ่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จอดรอบรรดานักท่องเที่ยวอยู่ตามหน้าโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว ถึงแม้ว่าจะไม่มีเสื้อวินสีส้มให้เห็น แต่หากมองเห็นตาปริบๆเชิงอ้อนวอนก็รู้ใจว่ามารอลูกค้าแน่ โดยสนนราคานั้น ถ้าไปไม่ไกลนักอยู่ที่ครั้งละประมาณ 1000 รีล ประมาณ 15 บาท แต่หากจะเหมาเที่ยวทั้งวันจะตกอยู่ที่ประมาณ 6 – 8 ดอลล่าสหรัฐ

ส่วนรถรับจ้างอีกประเภทที่นักท่องเที่ยวนิยมไม่น้อย เห็นจะเป็นรถซิกโล (Cyclo) หรือสามล้อรับจ้างเหมือนบ้านเรานี่แหละ แต่ที่นี่หากเกิดอุบัติเหตุปะทะกันด้านหน้าแล้ว คนที่จะเจ็บก่อนคงเป็นผู้โดยสารเพราะมีที่นั่งอยู่ด้านหน้า

บรรดานักท่องเที่ยวมักจะนิยมใช้บริการซิกโลชมเมือง เนื่องจากเป็นยานพาหนะที่วิ่งไม่เร็วนัก สามารถนั่งกินลมได้สบายๆ ชมเมืองไปเรื่อยๆ ส่วนอัตราค่าบริการอยู่ที่ 5 -7 เหรียญสหรัฐฯต่อวัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปใกล้กันแค่ไหน

ธุรกิจริมทาง

ตามริมถนนในกรุงพนมเปญจะเห็นมีร้านขายขนมปังบาเก็ตต์ที่ตั้งเป็นกองวางเรียงรายขายอยู่ ซึ่งอาหารชนิดนี้กัมพูชาได้อิทธิพลมาจากฝรั่งเศส และผู้คนก็ยังนิยมจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้จะเห็นตู้ขายบัตรโทรศัพท์อยู่เต็มไปหมด จนบางครั้งนึกอยู่ในใจว่าคนกัมพูชาก็นิยมใช้มือถือไม่น้อยเหมือนกัน

พูดถึงมือถือในกัมพูชา ขอเตือนก่อนว่าหากใครเปิดบริการข้ามแดนอัตโนมัติไว้ หากไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ ปิดเครื่องได้ให้ปิดหรืออย่าโทรออกเลย เพราะค่าโทรศัพท์ที่นี่แพงมหาโหด ถึงแม้ว่าจะมีเครือข่ายแคมชิน (Cam Shin) ที่ดูชื่อก็มองออกว่าเป็นของใครมาเปิดบริการก็ตามที

กลับมาเดินชมเมืองกันต่อดีกว่า นอกจากนี้ตามริมถนนยังมีปั๊มหลอดหรือปั๊มขวดขายน้ำมันราคาถูก เหมาะอย่างยิ่งในยุคน้ำมันแพง แต่ที่จริงแล้วราคาน้ำมันที่นี่ก็ไม่ได้ถูกลิตรหนึ่งตอนที่ผู้เขียนไปเที่ยวตกราคาประมาณ 30 กว่าบาทเลยทีเดียว

นอกจากนี้แผงหนังสือวางเป็นเพิงเล็กตามจุดชุมชน ถึงแม้จะมีไม่มากมายนักเนื่องจากคนกัมพูชายังไม่นิยมอ่านหนังสือเท่าใด แต่หากมองการจัดร้านแล้วรู้สึกเหมือนกับเป็นแฟรนไชส์ ที่เกือบทุกร้านจะนำหนังสือมาหนีบกับเชือกเป็นสาย ดูแล้วสวยไปอีกแบบ

ตึกรามบ้านช่อง

สำหรับตึกรามบ้านช่องในกรุงพนมเปญนั้นหากเป็นย่านใจกลางเมืองบนถนนสายหลักจะเห็นบ้านเรือนหลังโต ที่มีรั้วรอบขอบชิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านคนใหญ่คนโตในรัฐบาลหรือนักธุรกิจ ขณะที่ไม่ไกลกันนั้นแค่เพียงเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ จะมีคนอยู่กันอย่างแออัด มีลูกเด็กเล็กแดงออกมาวิ่งเล่นแก้ผ้ากลางซอย ผู้หลักผู้ใหญ่ออกมานั่งสูดอากาศหน้าบ้านที่กว้างขวางกว่าในบ้านนัก

บางครั้งหันไปมองบ้านบางหลังจะเห็นรูปทรง หรือหลังคาที่คล้ายออกมาเป็นแบบสถาปัตยกรรมบ้านเรือนไทย ส่งผลให้รัฐบาลกัมพูชาต้องออกมาประกาศเรียกร้องให้ประชาชน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนมีฐานะ) เลิกสร้างบ้านทรงไทย แล้วเรียกร้องให้มาใช้สถาปัตยกรรมแบบขอมเพื่อแสดงออกถึงความเป็นกัมพูชาแทน

นอกจากนี้ตามถนนสายหลักในเมืองอย่างบริเวณหน้าพระบรมหาราชวังเลียบริมโตนเลสาบ บนถนนนโรดม บูลเลอเวิร์ด สีหนุบูลเลอเวิร์ด หรือมณีวงศ์บูลเลอเวิร์ดซึ่งเป็นถนนสายหลัก จะยังเห็นบ้านเรือนที่ยังคงหลงเหลือจากยุคฝรั่งเศสปกครอง ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการปรับปรุงให้กลายมาเป็นร้านอาหารแบบคลาสสิก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ถูกปล่อยทรุดโทรมดูแล้วน่าเสียดาย

เมื่อไม่นานมานี้องค์กรเฮอริเทจ วอตช์ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ทำงานด้านอนุรักษ์โบราณสถานจึงเข้ามาให้ความช่วยเหลือทางการกัมพูชาในการบูรณะอาคารโบราณสมัยฝรั่งเศส ที่ตั้งเป้าไว้ในขั้นแรกถึง 40 แห่ง พร้อมทั้งให้ความรู้กับประชาชนเข้ามาร่วมมืออนุรักษ์โบราณสถาน

พัฒนาเมืองในแกนวาย

หากเดินไปตามถนนกรุงพนมเปญในปัจจุบันจะเห็นตึกเริ่มเพิ่มชั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังบูมอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากมีการก่อสร้างบ้านเรือนหลังใหม่ๆ อยู่ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านแบบทาวน์เฮาส์ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ชาวกัมพูชาที่ประกอบธุรกิจ

นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกันสร้างตึกสูงอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากเมื่อปีที่แล้วบริษัทโอเวอร์ซีส์แคมโบเดียนอินเวสต์เมนต์คอร์ปได้ประกาศจะสร้างตึกสูง 24 ชั้นที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตึกสูงที่สุดในกัมพูชาเลยทีเดียว แต่ไม่กี่เดือนมานี้ธนาคารวัฏนาคก็ออกมาประกาศว่าจะลงมือสร้างสำนักงานสูง 18 ชั้น ซึ่งหากใครเสร็จก่อนจะกลายเป็นที่ 1 ในด้านแกนวายของพนมเปญทันที

ไหนพูดถึงเรื่องตึกแล้ว ผมก็ขอย้ายตัวเองจากริมถนนเข้าไปตึกอย่าง “โสรยา” ห้างหรูแห่งแรกในกัมพูชา ซึ่งหากจำไม่ผิดน่าจะมี 5 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้กับปาซาร์ ทเมยหรือตลาดรูปโดม แต่ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นห้างนี้นับได้ว่าเป็นห้างแรกในกัมพูชาที่มีบันไดเลื่อน ที่เพิ่งเปิดมาไม่กี่ปีนี้เอง

บรรยากาศภายในนับได้ว่าผู้คนให้ความสนใจไม่น้อย ยิ่งในวันที่ผมไปเดินด้วยแล้ว ฝนข้างนอกกำลังพรำๆ ทำให้หลายคนขอใช้ห้างเป็นที่หลบฝน โสรยานับได้ว่าเป็นจุดศูนย์รวมวัยรุ่นยุคใหม่ของกัมพูชาทีเดียว ดูๆไปแล้วไม่ต่างจากเซ็นเตอร์พอยท์ที่วัยรุ่นใส่สายเดี่ยว รัดรูป นุ่งยีนส์หลุดตูดเดินเป็นคู่อย่างมีความสุข

ห้างแห่งนี้นับว่าทันสมัยไม่น้อยชั้นบนยังมีฟูดคอร์ท ให้นั่งทานอาหารไปชมวิวของเมืองไปได้โดยรอบอย่างสบายใจ นอกจากนี้ยังมีโรงหนังบนห้างที่วัยรุ่นหลายสิบคนกำลังรอคอยรอบต่อไปของภาพยนตร์เรื่องต่อไปกันอยู่

แต่ที่สำคัญห้างแห่งนี้สินค้าทุกชิ้นหยิบขึ้นมาดูแล้วต้องรีบวางแทบไม่ทัน เพราะติดราคาเป็นดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นอีกหน่วยเงินหนึ่งที่นิยมใช้ในประเทศแห่งนี้ รองมาจากเงินท้องถิ่น หรือบางแห่งก็รับเงินไทยเหมือนกัน

เดินทอดน่องดูบรรยากาศชีวิตริมถนนเพลินๆ หรือแอบแวบเข้าไปในห้างบ้าง เพื่อดูวิถีวัยรุ่นให้ใจแช่มชื่นบ้าง กลับมานั่งคิดนอนคิดในที่พัก ก็รู้สึกว่าถึงแม้กัมพูชาจะผ่านพ้นช่วงยุคสงครามกลางเมืองได้ไม่ถึง 40 ปี แต่ก็สามารถพัฒนาเมืองได้อย่างรวดเร็วไม่น้อยเหมือนกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
กรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา สามารถเดินทางจากไทยได้หลายเส้นทางด้วยกัน
เครื่องบิน การบินไทย และบางกอกแอร์เวย์ มีบินตรงจากท่าอากาศยานกรุงเทพฯ มายังท่าอากาศยานโปเชนตง กรุงพนมเปญ

นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางด้วยรถจากด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว – ปอยเปตและด่านหาดเล็ก จ.ตราด-เกาะกง ซึ่งบริเวณด่านฝั่งกัมพูชา จะมีรถบัสและแท็กซี่บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังกรุงพนมเปญ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมใช้เส้นทางทางอรัญฯมากกว่า เนื่องจากสามารถแวะเยี่ยมชมนครวัดได้

ทั้งนี้หากใครต้องการพักผ่อนบรรยากาศชายทะเล แนะนำให้ใช้เส้นทางจ.ตราด เมื่อข้ามแดนแล้วจะมีเรือไปยังสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่สวยงามของกัมพูชา หลังจากนั้นค่อยนั่งรถบัสประจำทางมายังกรุงพนมเปญ

กำลังโหลดความคิดเห็น