โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ถ้าให้จัดอันดับสวนสาธารณะซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจอันดับหนึ่งของหนุ่มลูกทุ่งอย่างฉันละก็ แน่นอนว่าต้องขอยกตำแหน่งให้กับ “สวนสันติชัยปราการ” สวนสาธารณะแถวๆ บ้าน (พระอาทิตย์) ของฉันนี่เอง
สวนสาธารณะในเมืองกรุงมีตั้งมากมาย แล้วสวนสันติฯ นี้เด่นกว่าที่อื่นยังไง?? คนที่ไม่เคยมาสัมผัสบรรยากาศที่นี่อาจตั้งคำถาม อันนี้ฉันตอบได้เลยว่าเป็นเรื่องของบรรยากาศล้วนๆ เพราะหากพูดถึงขนาดของพื้นที่แล้ว สวนสันติชัยปราการนับว่ามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับสวนสาธารณะอื่นๆ คือมีพื้นที่เพียง 8 ไร่เศษๆ เท่านั้น แต่ที่ตั้งของสวนสันติฯ นั้นนับว่าเป็นทำเลที่ได้เปรียบ เพราะอยู่ในแหล่งที่เรียกว่าเป็นชุมชนเก่าแก่ ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของศิลปวัฒนธรรม
และที่สำคัญ สวนสันติฯ แห่งนี้ยังมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม ด้านหนึ่งเปิดโล่งยาวขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถมองเห็นวิวสะพานพระราม 8 ได้อย่างชัดเจน ส่วนอีกด้านหนึ่งอยู่ติดกับถนนพระอาทิตย์ ถนนสายเล็กๆ แต่สวยงามด้วยร้านรวงน่ารักน่านั่งมากมาย แต่ก่อนที่ฉันจะพาชมสวนนั้น ก่อนอื่นจะพาไปรู้จักกับ “ป้อม” กันก่อนดีกว่า
ป้อมที่ว่านี้ไม่ได้เป็นใครที่ไหนหรอก แต่เป็นป้อมปราการที่มีชื่อเรียกว่า “ป้อมพระสุเมรุ” นั่นเอง ที่ต้องมาทำความรู้จักกับป้อมแห่งนี้ก็เพราะนี่คือ 1 ในสองป้อมปราการที่ยังเหลืออยู่ในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ และเป็นป้อมที่อยู่คู่กับสวนสันติชัยปราการนี้ด้วย
ป้อมพระสุเมรุ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จนมาเสร็จสิ้นลงในสมัยรัชกาลที่ 3 และเป็น 1 ใน 14 ป้อมที่สร้างขึ้นป้องกันข้าศึกตามกำแพงพระนครชั้นนอก ซึ่งได้แก่ ป้อมจักรเพชร ป้อมผีเสื้อ ป้อมพระจันทร์ ป้อมพระอาทิตย์ ป้อมพระสุเมรุ ป้อมมหากาฬ ป้อมมหาชัย ป้อมมหาปราบ ป้อมมหายักษ์ ป้อมมหาฤกษ์ ป้อมยุคนธร ป้อมวิสันธร ป้อมเสือทะยาน และสุดท้ายคือ ป้อมหมูทะลวง ปัจจุบันนี้ 12 ป้อมได้ทรุดโทรมไปมาก รวมทั้งหมดความจำเป็นที่จะต้องมีป้อมปราการแล้ว จึงได้มีการรื้อถอนลง เหลือเพียงป้อมมหากาฬ ใกล้สะพานผ่านฟ้า และป้อมพระสุเมรุ มุมถนนพระอาทิตย์ต่อกับถนนพระสุเมรุเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่
ป้อมพระสุเมรุมีลักษณะเป็นทรงแปดเหลี่ยม มีฐาน 3 ชั้น ฐานชั้นแรกมีบันไดทางขึ้นได้สองทางและมีทางเดินโดยรอบฐานชั้นนี้ กำแพงของฐานชั้นที่ 2 ทำเป็นรูปใบเสมา ประตูหน้าต่างเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยม และเจาะช่องลมรูปวงโค้งแหลม บริเวณผนังมีการเจาะช่องปืนโดยรอบ หลังคาเป็นโครงไม้ฉาบปูน ภายในมีเชิงเทิน ช่องยิงปืน ห้องเก็บกระสุนดินดำ และอาวุธต่างๆ เมื่อป้อมพระสุเมรุชำรุดทรุดโทรมลงมาก กรมศิลปากรจึงได้เข้ามาซ่อมแซมให้ดูสง่างาม โดยดูแบบจากรูปถ่ายในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันป้อมพระสุเมรุให้ชมได้เฉพาะด้านนอก ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปข้างบน
เท่าที่ฉันวนเวียนๆ อยู่แถวๆ ย่านถนนพระอาทิตย์นี้ ฉันก็เคยได้เห็นป้อมพระสุเมรุในหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะอารมณ์ร้อนท่ามกลางแดดเปรี้ยง หรืออารมณ์เย็นกลางฝนกระหน่ำ หรือบางทีป้อมก็ดูสว่างสดใส ขาวจั๊วะไปทั้งอันเนื่องจากเพิ่งทาสีใหม่ หรือบางครั้งจะดูกระดำกระด่างจากคราบน้ำฝนไปบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงป้อมพระสุเมรุก็ดูดีในสายตาของฉันเสมอ แต่ฉันว่าป้อมพระสุเมรุจะไม่สวยสง่าขนาดนี้หรอก หากว่าไม่มีสวนสันติชัยปราการตั้งอยู่ข้างๆ ...
ชื่อของ “สวนสันติชัยปราการ” นี้ แปลว่า “มีปราการที่เป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะของสันติภาพ” เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเมื่อคราวที่ได้มีการจัดทำโครงการบูรณะป้อมพระสุเมรุและปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบเป็นสวนสาธารณะ ได้มีการจัดสร้างพระที่นั่งเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ.2542 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานนามให้พระที่นั่งและสวนสาธารณะแห่งนี้ไว้ว่า “สวนสันติชัยปราการ”
ณ สวนสันติฯ แห่งนี้มีที่มาของชื่อย่านบางลำพูอยู่ด้วย นั่นก็คือต้นลำพูขนาดใหญ่อยู่ริมตลิ่ง เนื่องจากเมื่อก่อนนั้น บริเวณนี้เคยมีต้นลำพูอยู่หนาแน่นจนชาวบ้านเรียกขานชื่อกันว่า “บางลำพู” แต่บางลำพูวันนี้เหลือต้นลำพูอยู่เพียงต้นเดียว คือต้นที่ฉันว่านี่แหละ ตอนนี้เขาสร้างแนวไม้ไว้กันคลื่นลูกโตๆ จะมากระทบต้นลำพูต้นสุดท้ายนี้ไว้ด้วย นับเป็นความน่ารัก เหมือนลูกหลานคอยดูแลปู่ย่าตายายอายุมากของเราเอาไว้
ในช่วงแดดร่มลมตก นับเป็นช่วงไฮซีซั่นของสวนสันติฯ เพราะพ่อแม่จะจูงลูกจูงหลานมานั่งเล่นรับลมแม่น้ำเย็นๆ คู่รักจะจูงมือกันมานั่งชมพระอาทิตย์ตกน้ำเจ้าพระยา และเจ้านายจะจูงลูกน้อง (หมา) มาเดินเล่นออกกำลังกาย บางครั้งฉันยังเคยเห็นกลุ่มนักนักศึกษามานั่งล้อมวงประชุมกันกลางสนามหญ้าก็มี แหม...ก็บรรยากาศดีๆ อย่างนี้น่ะ ทำให้หัวแล่นดีนักแหละ แต่สำหรับฉัน แค่ได้อู้งานมานั่งมองความเป็นไปในสวนแห่งนี้ก็เพลินมากแล้ว ยิ่งมีปลาหมึกปิ้งสักไม้สองไม้ น้ำหวานเย็นๆ อีกสักขวดก็ยิ่งเพลินเข้าไปใหญ่
แต่ถ้าใครอยากเพลินกว่านี้ ช่วงหกโมงครึ่งในตอนเช้าวันเสาร์อาทิตย์ และช่วงหกโมงเย็นของทุกวัน ขอเชิญมาร่วมเต้นแอโรบิกกับชาวบางลำพูได้ตรงลานกว้างริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงเย็นๆ ใครที่นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาผ่านไปผ่านมาคงจะเคยเห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่เต้นออกกำลังกันอย่างพร้อมเพรียง
แค่เต้นแอโรบิกบางคนอาจจะว่าธรรมดา สวนที่ไหนๆ ก็มี แต่หากใครมาที่นี่ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ประมาณ 5 โมงเย็น จะได้ฟังดนตรีไทยที่เล่นกันแบบสดๆ เคล้าไปกับลมเย็นๆ ดนตรีไทยวงนี้ไม่ได้เล่นแต่ทำนองเท่านั้น แต่ยังมีการร้องเพลงไทยเดิมให้ฟังกันอีกต่างหาก และที่เด็ดกว่านั้น!! เขามีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับฝรั่งที่มานั่งฟังอยู่ ด้วยการแปลเนื้อเพลงภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพราะเขารู้ว่าแถบนี้น่ะมีฝรั่งเยอะ และฉันคิดว่านั่นเป็นความใจดีจริงๆ ว่าไหม
และด้วยความที่ย่านนี้เป็นย่านวัฒนธรรม เมื่อมีงานเทศกาลต่างๆ จึงมักจะใช้สถานที่นี้จัดงานอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเด็ก วันสงกรานต์ งานที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน และที่ใกล้จะถึงนี้ก็คืองานลอยกระทงของทางกรุงเทพมหานคร ต่างก็มาจัดที่นี่อยู่บ่อยๆ
ยิ่งในช่วงนี้ฉันว่ายิ่งต้องมาสวนสันติฯ ให้ได้ เพราะตอนนี้เขากำลังมีงานเทศกาลละครกรุงเทพ ซึ่งจัดต่อเนื่องกันมาเป็นครั้งที่ 4 แล้ว โดยงานนี้จะเป็นการรวมตัวของคณะละครคุณภาพต่างๆ มาแสดงให้ผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลเสน่ห์ของละครทั้งหลายได้ชมกัน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันก็ยังได้ไปนั่งดูการแสดง เรื่อง “จินตนาการไม่รู้จบ ภาคการผจญภัยของอาเทรยู” จากคณะละครหน้ากากเปลือย ก็เห็นทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่มานั่งดูกันติดขอบเวที และยังมีอีกหลากหลายคณะละครที่มาร่วมกันแสดงในครั้งนี้ ทั้งคณะที่มีชื่อคุ้นหูอย่าง กลุ่มมะขามป้อม คณะมรดกใหม่ นักดนตรีมือหนึ่งอย่างครูสุดจิตต์ ดุริยประณีต ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินมืออาชีพอย่าง พิเชษฐ์ กลั่นชื่น และคณะละครที่มีฝีมือน่าสนใจอย่าง ยายหุ่น Babymime หรือ หุ่นสายเสมา และคณะละครอื่นๆ อีกมากมายที่ฉันว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว งานนี้เขาแสดงกันทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 12-13 และ19-20 พ.ย. นี้ เป็นงานที่ฉันไม่อยากให้ใครๆ พลาดเลย
เอาล่ะ... ช่วงแดดร่มลมตกแบบนี้ เห็นทีฉันต้องขอพักสมอง แอบแวบไปหาปลาหมึกปิ้งกินที่สวนสันติฯ ก่อนดีกว่า...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สวนสันติชัยปราการ ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนพระอาทิตย์ ต่อกับถนนพระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ มีรถเมล์สาย 3, 6, 9, 30, 32, 33, 53, 64, ปอ.6 ผ่าน
สำหรับงานเทศกาลละครกรุงเทพ 2548 จะเปิดการแสดงในวันเสาร์อาทิตย์ที่ 12-13 และ 19-20 พฤศจิกายน 2548 นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. ณ สวนสันติชัยปราการ ร้านอาหาร และแหล่งชุมชนย่านบางลำพู โดยมีคณะละครทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่นมาให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-9791-6220 หรือคลิกเข้าไปดูรายละเอียดตารางการแสดงได้ที่ www.lakorn.org
ถ้าให้จัดอันดับสวนสาธารณะซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจอันดับหนึ่งของหนุ่มลูกทุ่งอย่างฉันละก็ แน่นอนว่าต้องขอยกตำแหน่งให้กับ “สวนสันติชัยปราการ” สวนสาธารณะแถวๆ บ้าน (พระอาทิตย์) ของฉันนี่เอง
สวนสาธารณะในเมืองกรุงมีตั้งมากมาย แล้วสวนสันติฯ นี้เด่นกว่าที่อื่นยังไง?? คนที่ไม่เคยมาสัมผัสบรรยากาศที่นี่อาจตั้งคำถาม อันนี้ฉันตอบได้เลยว่าเป็นเรื่องของบรรยากาศล้วนๆ เพราะหากพูดถึงขนาดของพื้นที่แล้ว สวนสันติชัยปราการนับว่ามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับสวนสาธารณะอื่นๆ คือมีพื้นที่เพียง 8 ไร่เศษๆ เท่านั้น แต่ที่ตั้งของสวนสันติฯ นั้นนับว่าเป็นทำเลที่ได้เปรียบ เพราะอยู่ในแหล่งที่เรียกว่าเป็นชุมชนเก่าแก่ ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของศิลปวัฒนธรรม
และที่สำคัญ สวนสันติฯ แห่งนี้ยังมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม ด้านหนึ่งเปิดโล่งยาวขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถมองเห็นวิวสะพานพระราม 8 ได้อย่างชัดเจน ส่วนอีกด้านหนึ่งอยู่ติดกับถนนพระอาทิตย์ ถนนสายเล็กๆ แต่สวยงามด้วยร้านรวงน่ารักน่านั่งมากมาย แต่ก่อนที่ฉันจะพาชมสวนนั้น ก่อนอื่นจะพาไปรู้จักกับ “ป้อม” กันก่อนดีกว่า
ป้อมที่ว่านี้ไม่ได้เป็นใครที่ไหนหรอก แต่เป็นป้อมปราการที่มีชื่อเรียกว่า “ป้อมพระสุเมรุ” นั่นเอง ที่ต้องมาทำความรู้จักกับป้อมแห่งนี้ก็เพราะนี่คือ 1 ในสองป้อมปราการที่ยังเหลืออยู่ในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ และเป็นป้อมที่อยู่คู่กับสวนสันติชัยปราการนี้ด้วย
ป้อมพระสุเมรุ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จนมาเสร็จสิ้นลงในสมัยรัชกาลที่ 3 และเป็น 1 ใน 14 ป้อมที่สร้างขึ้นป้องกันข้าศึกตามกำแพงพระนครชั้นนอก ซึ่งได้แก่ ป้อมจักรเพชร ป้อมผีเสื้อ ป้อมพระจันทร์ ป้อมพระอาทิตย์ ป้อมพระสุเมรุ ป้อมมหากาฬ ป้อมมหาชัย ป้อมมหาปราบ ป้อมมหายักษ์ ป้อมมหาฤกษ์ ป้อมยุคนธร ป้อมวิสันธร ป้อมเสือทะยาน และสุดท้ายคือ ป้อมหมูทะลวง ปัจจุบันนี้ 12 ป้อมได้ทรุดโทรมไปมาก รวมทั้งหมดความจำเป็นที่จะต้องมีป้อมปราการแล้ว จึงได้มีการรื้อถอนลง เหลือเพียงป้อมมหากาฬ ใกล้สะพานผ่านฟ้า และป้อมพระสุเมรุ มุมถนนพระอาทิตย์ต่อกับถนนพระสุเมรุเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่
ป้อมพระสุเมรุมีลักษณะเป็นทรงแปดเหลี่ยม มีฐาน 3 ชั้น ฐานชั้นแรกมีบันไดทางขึ้นได้สองทางและมีทางเดินโดยรอบฐานชั้นนี้ กำแพงของฐานชั้นที่ 2 ทำเป็นรูปใบเสมา ประตูหน้าต่างเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยม และเจาะช่องลมรูปวงโค้งแหลม บริเวณผนังมีการเจาะช่องปืนโดยรอบ หลังคาเป็นโครงไม้ฉาบปูน ภายในมีเชิงเทิน ช่องยิงปืน ห้องเก็บกระสุนดินดำ และอาวุธต่างๆ เมื่อป้อมพระสุเมรุชำรุดทรุดโทรมลงมาก กรมศิลปากรจึงได้เข้ามาซ่อมแซมให้ดูสง่างาม โดยดูแบบจากรูปถ่ายในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันป้อมพระสุเมรุให้ชมได้เฉพาะด้านนอก ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปข้างบน
เท่าที่ฉันวนเวียนๆ อยู่แถวๆ ย่านถนนพระอาทิตย์นี้ ฉันก็เคยได้เห็นป้อมพระสุเมรุในหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะอารมณ์ร้อนท่ามกลางแดดเปรี้ยง หรืออารมณ์เย็นกลางฝนกระหน่ำ หรือบางทีป้อมก็ดูสว่างสดใส ขาวจั๊วะไปทั้งอันเนื่องจากเพิ่งทาสีใหม่ หรือบางครั้งจะดูกระดำกระด่างจากคราบน้ำฝนไปบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงป้อมพระสุเมรุก็ดูดีในสายตาของฉันเสมอ แต่ฉันว่าป้อมพระสุเมรุจะไม่สวยสง่าขนาดนี้หรอก หากว่าไม่มีสวนสันติชัยปราการตั้งอยู่ข้างๆ ...
ชื่อของ “สวนสันติชัยปราการ” นี้ แปลว่า “มีปราการที่เป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะของสันติภาพ” เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเมื่อคราวที่ได้มีการจัดทำโครงการบูรณะป้อมพระสุเมรุและปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบเป็นสวนสาธารณะ ได้มีการจัดสร้างพระที่นั่งเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ.2542 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานนามให้พระที่นั่งและสวนสาธารณะแห่งนี้ไว้ว่า “สวนสันติชัยปราการ”
ณ สวนสันติฯ แห่งนี้มีที่มาของชื่อย่านบางลำพูอยู่ด้วย นั่นก็คือต้นลำพูขนาดใหญ่อยู่ริมตลิ่ง เนื่องจากเมื่อก่อนนั้น บริเวณนี้เคยมีต้นลำพูอยู่หนาแน่นจนชาวบ้านเรียกขานชื่อกันว่า “บางลำพู” แต่บางลำพูวันนี้เหลือต้นลำพูอยู่เพียงต้นเดียว คือต้นที่ฉันว่านี่แหละ ตอนนี้เขาสร้างแนวไม้ไว้กันคลื่นลูกโตๆ จะมากระทบต้นลำพูต้นสุดท้ายนี้ไว้ด้วย นับเป็นความน่ารัก เหมือนลูกหลานคอยดูแลปู่ย่าตายายอายุมากของเราเอาไว้
ในช่วงแดดร่มลมตก นับเป็นช่วงไฮซีซั่นของสวนสันติฯ เพราะพ่อแม่จะจูงลูกจูงหลานมานั่งเล่นรับลมแม่น้ำเย็นๆ คู่รักจะจูงมือกันมานั่งชมพระอาทิตย์ตกน้ำเจ้าพระยา และเจ้านายจะจูงลูกน้อง (หมา) มาเดินเล่นออกกำลังกาย บางครั้งฉันยังเคยเห็นกลุ่มนักนักศึกษามานั่งล้อมวงประชุมกันกลางสนามหญ้าก็มี แหม...ก็บรรยากาศดีๆ อย่างนี้น่ะ ทำให้หัวแล่นดีนักแหละ แต่สำหรับฉัน แค่ได้อู้งานมานั่งมองความเป็นไปในสวนแห่งนี้ก็เพลินมากแล้ว ยิ่งมีปลาหมึกปิ้งสักไม้สองไม้ น้ำหวานเย็นๆ อีกสักขวดก็ยิ่งเพลินเข้าไปใหญ่
แต่ถ้าใครอยากเพลินกว่านี้ ช่วงหกโมงครึ่งในตอนเช้าวันเสาร์อาทิตย์ และช่วงหกโมงเย็นของทุกวัน ขอเชิญมาร่วมเต้นแอโรบิกกับชาวบางลำพูได้ตรงลานกว้างริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงเย็นๆ ใครที่นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาผ่านไปผ่านมาคงจะเคยเห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่เต้นออกกำลังกันอย่างพร้อมเพรียง
แค่เต้นแอโรบิกบางคนอาจจะว่าธรรมดา สวนที่ไหนๆ ก็มี แต่หากใครมาที่นี่ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ประมาณ 5 โมงเย็น จะได้ฟังดนตรีไทยที่เล่นกันแบบสดๆ เคล้าไปกับลมเย็นๆ ดนตรีไทยวงนี้ไม่ได้เล่นแต่ทำนองเท่านั้น แต่ยังมีการร้องเพลงไทยเดิมให้ฟังกันอีกต่างหาก และที่เด็ดกว่านั้น!! เขามีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับฝรั่งที่มานั่งฟังอยู่ ด้วยการแปลเนื้อเพลงภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพราะเขารู้ว่าแถบนี้น่ะมีฝรั่งเยอะ และฉันคิดว่านั่นเป็นความใจดีจริงๆ ว่าไหม
และด้วยความที่ย่านนี้เป็นย่านวัฒนธรรม เมื่อมีงานเทศกาลต่างๆ จึงมักจะใช้สถานที่นี้จัดงานอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเด็ก วันสงกรานต์ งานที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน และที่ใกล้จะถึงนี้ก็คืองานลอยกระทงของทางกรุงเทพมหานคร ต่างก็มาจัดที่นี่อยู่บ่อยๆ
ยิ่งในช่วงนี้ฉันว่ายิ่งต้องมาสวนสันติฯ ให้ได้ เพราะตอนนี้เขากำลังมีงานเทศกาลละครกรุงเทพ ซึ่งจัดต่อเนื่องกันมาเป็นครั้งที่ 4 แล้ว โดยงานนี้จะเป็นการรวมตัวของคณะละครคุณภาพต่างๆ มาแสดงให้ผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลเสน่ห์ของละครทั้งหลายได้ชมกัน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันก็ยังได้ไปนั่งดูการแสดง เรื่อง “จินตนาการไม่รู้จบ ภาคการผจญภัยของอาเทรยู” จากคณะละครหน้ากากเปลือย ก็เห็นทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่มานั่งดูกันติดขอบเวที และยังมีอีกหลากหลายคณะละครที่มาร่วมกันแสดงในครั้งนี้ ทั้งคณะที่มีชื่อคุ้นหูอย่าง กลุ่มมะขามป้อม คณะมรดกใหม่ นักดนตรีมือหนึ่งอย่างครูสุดจิตต์ ดุริยประณีต ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินมืออาชีพอย่าง พิเชษฐ์ กลั่นชื่น และคณะละครที่มีฝีมือน่าสนใจอย่าง ยายหุ่น Babymime หรือ หุ่นสายเสมา และคณะละครอื่นๆ อีกมากมายที่ฉันว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว งานนี้เขาแสดงกันทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 12-13 และ19-20 พ.ย. นี้ เป็นงานที่ฉันไม่อยากให้ใครๆ พลาดเลย
เอาล่ะ... ช่วงแดดร่มลมตกแบบนี้ เห็นทีฉันต้องขอพักสมอง แอบแวบไปหาปลาหมึกปิ้งกินที่สวนสันติฯ ก่อนดีกว่า...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สวนสันติชัยปราการ ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนพระอาทิตย์ ต่อกับถนนพระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ มีรถเมล์สาย 3, 6, 9, 30, 32, 33, 53, 64, ปอ.6 ผ่าน
สำหรับงานเทศกาลละครกรุงเทพ 2548 จะเปิดการแสดงในวันเสาร์อาทิตย์ที่ 12-13 และ 19-20 พฤศจิกายน 2548 นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. ณ สวนสันติชัยปราการ ร้านอาหาร และแหล่งชุมชนย่านบางลำพู โดยมีคณะละครทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่นมาให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-9791-6220 หรือคลิกเข้าไปดูรายละเอียดตารางการแสดงได้ที่ www.lakorn.org