โดย : เหล็งฮู้ชง

ถึงแม้ว่าสี่หนุ่ม F4 จะโด่งดังระเบิดระเบ้อในเมืองไทย ซึ่งสาวๆหลายๆคนต่างหลงใหลในความหล่อเหลาของ 4 หนุ่มหน้าตี๋ แต่สำหรับผมกลับเห็นว่าจริงๆแล้วที่ไต้หวันนี่หาหนุ่มหล่อหน้าตาดียาก 10 คน จะเจอสัก 2 คน ไม่เหมือนกับสาวๆชาวไต้หวัน ที่ใน 10 คน จะมีคนสวย หน้าตาดี ขาว หมวยถึงประมาณ 6-7 คนทีเดียว
หลายๆคนให้ทัศนะว่าความน่าชมของสาวไต้หวันนั้นเนื่องมาจากหน้าตามีความงามแบบสาวจีน+สาวญี่ปุ่น+สาวเกาหลี ผสมกัน แต่สำหรับผมเห็นว่าสาวไต้หวันก็คือสาวไต้หวันที่ดูงามแบบไต้หวัน

และเมื่อพูดถึงหนุ่มสาวชาวไต้หวันและเรื่องราวของคนไต้หวันในยุคนี้พ.ศ.นี้ สิ่งหนึ่งที่หลายๆคนไม่ค่อยรู้ก็คือชนชาติดั้งเดิมของไต้หวันที่อยู่ในหมู่เกาะน้อย-ใหญ่ของเมืองนี้ เป็นชนเผ่าพื้นเมืองโบราณ แต่ว่าพอคนจีนแผ่นดินใหญ่ส่วนหนึ่งอพยพมาอยู่ในไต้หวันโดยการนำของ นายพลเจียง ไค เช็ค ชนเผ่าโบราณดั้งเดิมก็กลายกลายเป็นชนกลุ่มน้อยของไต้หวันไปแล้ว
ในขณะที่ชนเผ่าโบราณในไต้หวันที่แบ่งเป็นพวกชาวเขาและชาวเกาะนั้น ณ วันนี้นักประวัติศาสตร์แม้ไม่อาจฟันธงลงไปได้ว่าชนชาติดั้งเดิมในไต้หวันอันแท้จริงมีที่มาจากไหนแน่ แต่ก็พอสรุปได้ว่า มาจาก 3 สาย คือ มองโกเลีย มาเลเซีย และโปลีเนเซีย ซึ่งเดิมมีการแตกเหล่าแตกกอ ออกเป็น 19 เผ่า และหลงเหลืออยู่ 10 ชนเผ่าในปัจจุบัน

สำหรับหนึ่งในชนเผ่าพื้นเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ และได้มีการเปิดหมู่บ้านให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันสำคัญก็คือ ชนเผ่าไทยา (Tayal) ในหมู่บ้าน “อูไหล”(Wulai) ซึ่งเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมที่อยู่ไม่ไกลจาก“กรุงไทเป” เมืองหลวงของไต้หวันมากนัก
ในขณะที่กรุงไทเปค่อนข้างจะวุ่นวายตามประสาเมืองหลวงทั่วๆไป แต่ว่าที่หมู่บ้านอูไหลที่อยู่นอกเมืองไทเปออกไปในชั่วระยะเวลานั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง กลับเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างสงบในบรรยากาศลูกทุ่งแบบไต้หวัน
สำหรับการเดินทางสู่บ้านอูไหล พอออกนอกเมืองไทเปออกไป ถนนที่พาสู่หมู่บ้านนี้ก็จะลดเลี้ยวเคี้ยวโค้ง ขึ้นๆลงๆ ลัดเลาะไปตามไหล่เขา ท่ามกลางทิวทัศน์ 2 ข้างทางที่เป็นป่าเขาอันร่มรื่นเขียวครึ้ม บางช่วงมีหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตามไหล่เขา หรือตามริมแม่น้ำลำธารให้มองอย่างเพลินตาเพลินใจ
และเมื่อยิ่งใกล้ถึงหมู่บ้านอูไหล บรรยากาศ 2 ข้างทางยิ่งมายิ่งดูสงบและยิ่งดูมีความเป็นลูกทุ่งแบบไต้หวันเพิ่มมากขึ้น

ครั้นพอเริ่มเข้าสู่ช่วงแรกของหมู่บ้านอูไหล ซึ่งถือเป็นจุดดูดเงินนักท่องเที่ยวระดับห้าดาว เพราะในพื้นที่บริเวณช่วงแรกนี้ ล้วนเต็มไปด้วย ร้านขายอาหารที่มีทั้งของกินพื้นเมืองและของกินทั่วไป ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกที่มีสินค้าเด่นๆ อย่าง เสื้อผ้า กระเป๋าพื้นเมือง ของฝากเล็กๆน้อยๆ รวมถึงร้านขายขนมอีกสารพัดอย่าง ซึ่งนี่ถือเป็นองค์ประกอบชั้นยอดในการดูดเงินนักท่องเที่ยว ที่หากใครใจไม่แข็งพอรับรองว่าทรัพย์ละลายแน่นอน
แต่ว่าช่วงจุดดูดเงินนี่จริงๆแล้วถือเป็นแค่น้ำจิ้มของหมู่บ้านอูไหลเท่านั้น เพราะไฮไลท์ที่แท้จริงของหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ที่ “หมู่บ้านวัฒนธรรม” บนเขา ที่มีเส้นทาง 2 สายให้เลือกขึ้นไปคือ จะเดินเท้าขึ้นไป หรือนั่งรถรางขึ้นไป
งานนี้ขาขึ้นผมเลือกเดินเท้าขึ้นไป เนื่องจากว่าจะใช้โอกาสนี้ถ่ายรูป ชมนกชมไม้ ชมอาคารของหมู่บ้านอูไหล ชมสาวๆ และชมอีกสารพัดสิ่งเด่นๆที่พบเห็นในระหว่างทาง ซึ่งที่น่าสนใจก็มีสะพาน Lanshun ที่เมื่อมองลงไปเห็นทิวทัศน์ของบ้านเรือนและสายน้ำ“หนันซื่อ” (Nanshih) ที่ใสสะอาดน่าเล่นมั่กๆ โดยในเส้นทางเดินขึ้น จะมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือ เสาทุกเสาของราวถนนในหมู่บ้านนี้จะตกแต่งด้วยรูปคนพื้นเมืองในชุดเก่งของเขา ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับว่าช่วยสร้างสีสันในการเดินทางสู่หมู่บ้านบนเขาได้ไม่น้อย

และแล้วประมาณครึ่งชั่วโมงของการเดินเท้า ผมก็มาถึงยังหมู่บ้านวัฒนธรรมอูไหลบนยอดเขา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำเลที่ตั้งของหมู่บ้านอูไหลบนขุนเขานี่ ถือว่าอยู่ในชัยภูมิหมู่บ้านท่องเที่ยวที่ดีมากๆ คือเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาเขียวครึ้มร่มรื่น
หมู่บ้านวัฒนธรรมอูไหล ถือว่ามีความแตกต่างจากบ้านชาวเขาในบ้านเราที่สร้างด้วยไม้ ไม้ไผ่ หลังคามุงจาก หรือแฝก หรือใบตองตึง แต่บ้านของชาวไทยาที่อูไหลจะเป็นบ้านปูนคล้ายๆกับบ้านตึกสร้างลดหลั่นกันไปตามไหลเขา โดยที่ภูเขาฝั่งตรงข้ามของหมู่บ้านจะมีน้ำตก “หนันซื่อ”ที่เป็นน้ำตกสูงยาวถึง 80 เมตร ตกลงมาเป็นสายน้ำแผ่วพลิ้วสองสายท่ามกลางความเขียวครึ้มของขุนเขาที่ดูแล้วสวยงามเพลินตามาก
นอกจากน้ำตกหนันซื่อแล้วบ้านอูไหลก็ยังมีน้ำพุร้อนที่เป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนยอดนิยมในไต้หวัน โดยคำว่าอูไหลในภาษาพื้นเมืองนั้นก็หมายถึงน้ำพุร้อน ซึ่งชื่อของหมู่บ้านนี้ถ้าเรียกแบบไทยๆก็อาจจะเรียกว่า “หมู่บ้านน้ำพุร้อน” ฟังดูก็เก๋ไปอีกแบบ
สำหรับอีกจุดน่าสนใจของบ้านอูไหลบนเทือกเขาที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมากก็คือ สีสันวิถีชีวิตของชนเผ่าไทยาที่อยู่ที่บ้านอูไหลมาร่วม 300 ปีแล้ว โดยชนเผ่านี้ปัจจุบันก็เหมือนชนพื้นเมืองทั่วโลก คือ ใช้ชีวิต และแต่งกายตามสมัยนิยม แต่กระนั้นที่หมู่บ้านอูไหลก็ได้คัดเอาเผ่าไทยากลุ่มหนึ่ง มาแต่งชุดพื้นเมือง แสดงการประกอบอาชีพอย่างทอผ้า ร้อยลูกปัด และทำของที่ระลึกขายให้นักท่องเที่ยวชมในจุดต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยมีหัวหน้ากลุ่มคือสาววัยกลางคนที่ดูงามแบบสาวรุ่นใหญ่ เป็นคนคอยให้ข้อมูลต่างๆแก่นักท่องเที่ยว

แต่ดูเหมือนว่างานนี้ทางหัวหน้ากลุ่มจะไม่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวหนุ่มเท่ากับ“เจ้าหญิง”ของหมู่บ้าน ซึ่งเธอทั้งสวยรวยเสน่ห์ หน้าตาหมดจดงดงาม และยิ่งเธอสวมชุดพื้นเมืองสีแดงสดก็ยิ่งช่วยขับให้เธอชวนมองมากขึ้นไปอีก
นับได้ว่านอกจากเธอจะเป็นเจ้าหญิงและเธอยังเป็นดาราดังของหมู่บ้านอูไหลอีกด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาย-หญิงที่เมื่อขึ้นไปถึงหมู่บ้านบนเขาส่วนมากก็จะขอถ่ายรูปคู่กับเธอแทบทั้งนั้น
แน่นอนว่าผมก็เป็นหนึ่งที่ไม่ยอมพลาดการถ่ายรูปคู่กับเธอด้วยประการทั้งปวง เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งหลังจากกลับมาเมืองไทยหากพูดถึงไต้หวัน สาวๆหลายๆคนอาจะนึกถึงสี่หนุ่ม F4 แต่สำหรับผมหากเอ่ยชื่อไต้หวัน ผมมักจะหยิบรูปที่ถ่ายคู่กับเจ้าหญิงแห่งหมู่บ้านอูไหลขึ้นมาดู พร้อมๆกับร้องเพลงของหนูมิเตอร์คลอตามไปเบาๆว่า
“มองภาพถ่ายแล้วใจคิดถึง เฝ้าคำนึงคิดถึงแต่เธอ....” ซึ่งนอกจากจะคิดถึงเธอแล้วยังคิดถึงไต้หวันอีกด้วย...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อูไหลเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมที่อยู่ใกล้ๆกับกรุงไทเปเมืองหลวงไต้หวัน ซึ่งไต้หวันจะใช้เงินสกุลไต้หวันดอลลาร์ หรือ NT ซึ่งมีอัตรา 1 NT : 1.3 บาท ส่วนเวลา ไต้หวันจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง
นอกจากน้ำตกหนันซื่อ น้ำพุร้อน วิถีชีวิตของชนเผ่าไทยาแล้ว ที่หมู่บ้านอูไหลก็ยังมีสิ่งน่าสนใจสำหรับการท่องเที่ยวอีก อาทิ การนั่งกระเช้าหรือนั่งรถรางชมทิวทัศน์ สปา กิจกรรมดูนก
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจเดินทางไปไต้หวันสายการบิน อีวีเอ แอร์ (EVA Air) ซึ่งมีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ไทเป ทุกวัน
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ท่อง"ไทเป"ยลเสน่ห์เมืองหลวงแห่งไต้หวัน
ถึงแม้ว่าสี่หนุ่ม F4 จะโด่งดังระเบิดระเบ้อในเมืองไทย ซึ่งสาวๆหลายๆคนต่างหลงใหลในความหล่อเหลาของ 4 หนุ่มหน้าตี๋ แต่สำหรับผมกลับเห็นว่าจริงๆแล้วที่ไต้หวันนี่หาหนุ่มหล่อหน้าตาดียาก 10 คน จะเจอสัก 2 คน ไม่เหมือนกับสาวๆชาวไต้หวัน ที่ใน 10 คน จะมีคนสวย หน้าตาดี ขาว หมวยถึงประมาณ 6-7 คนทีเดียว
หลายๆคนให้ทัศนะว่าความน่าชมของสาวไต้หวันนั้นเนื่องมาจากหน้าตามีความงามแบบสาวจีน+สาวญี่ปุ่น+สาวเกาหลี ผสมกัน แต่สำหรับผมเห็นว่าสาวไต้หวันก็คือสาวไต้หวันที่ดูงามแบบไต้หวัน
และเมื่อพูดถึงหนุ่มสาวชาวไต้หวันและเรื่องราวของคนไต้หวันในยุคนี้พ.ศ.นี้ สิ่งหนึ่งที่หลายๆคนไม่ค่อยรู้ก็คือชนชาติดั้งเดิมของไต้หวันที่อยู่ในหมู่เกาะน้อย-ใหญ่ของเมืองนี้ เป็นชนเผ่าพื้นเมืองโบราณ แต่ว่าพอคนจีนแผ่นดินใหญ่ส่วนหนึ่งอพยพมาอยู่ในไต้หวันโดยการนำของ นายพลเจียง ไค เช็ค ชนเผ่าโบราณดั้งเดิมก็กลายกลายเป็นชนกลุ่มน้อยของไต้หวันไปแล้ว
ในขณะที่ชนเผ่าโบราณในไต้หวันที่แบ่งเป็นพวกชาวเขาและชาวเกาะนั้น ณ วันนี้นักประวัติศาสตร์แม้ไม่อาจฟันธงลงไปได้ว่าชนชาติดั้งเดิมในไต้หวันอันแท้จริงมีที่มาจากไหนแน่ แต่ก็พอสรุปได้ว่า มาจาก 3 สาย คือ มองโกเลีย มาเลเซีย และโปลีเนเซีย ซึ่งเดิมมีการแตกเหล่าแตกกอ ออกเป็น 19 เผ่า และหลงเหลืออยู่ 10 ชนเผ่าในปัจจุบัน
สำหรับหนึ่งในชนเผ่าพื้นเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ และได้มีการเปิดหมู่บ้านให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันสำคัญก็คือ ชนเผ่าไทยา (Tayal) ในหมู่บ้าน “อูไหล”(Wulai) ซึ่งเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมที่อยู่ไม่ไกลจาก“กรุงไทเป” เมืองหลวงของไต้หวันมากนัก
ในขณะที่กรุงไทเปค่อนข้างจะวุ่นวายตามประสาเมืองหลวงทั่วๆไป แต่ว่าที่หมู่บ้านอูไหลที่อยู่นอกเมืองไทเปออกไปในชั่วระยะเวลานั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง กลับเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างสงบในบรรยากาศลูกทุ่งแบบไต้หวัน
สำหรับการเดินทางสู่บ้านอูไหล พอออกนอกเมืองไทเปออกไป ถนนที่พาสู่หมู่บ้านนี้ก็จะลดเลี้ยวเคี้ยวโค้ง ขึ้นๆลงๆ ลัดเลาะไปตามไหล่เขา ท่ามกลางทิวทัศน์ 2 ข้างทางที่เป็นป่าเขาอันร่มรื่นเขียวครึ้ม บางช่วงมีหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ตามไหล่เขา หรือตามริมแม่น้ำลำธารให้มองอย่างเพลินตาเพลินใจ
และเมื่อยิ่งใกล้ถึงหมู่บ้านอูไหล บรรยากาศ 2 ข้างทางยิ่งมายิ่งดูสงบและยิ่งดูมีความเป็นลูกทุ่งแบบไต้หวันเพิ่มมากขึ้น
ครั้นพอเริ่มเข้าสู่ช่วงแรกของหมู่บ้านอูไหล ซึ่งถือเป็นจุดดูดเงินนักท่องเที่ยวระดับห้าดาว เพราะในพื้นที่บริเวณช่วงแรกนี้ ล้วนเต็มไปด้วย ร้านขายอาหารที่มีทั้งของกินพื้นเมืองและของกินทั่วไป ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกที่มีสินค้าเด่นๆ อย่าง เสื้อผ้า กระเป๋าพื้นเมือง ของฝากเล็กๆน้อยๆ รวมถึงร้านขายขนมอีกสารพัดอย่าง ซึ่งนี่ถือเป็นองค์ประกอบชั้นยอดในการดูดเงินนักท่องเที่ยว ที่หากใครใจไม่แข็งพอรับรองว่าทรัพย์ละลายแน่นอน
แต่ว่าช่วงจุดดูดเงินนี่จริงๆแล้วถือเป็นแค่น้ำจิ้มของหมู่บ้านอูไหลเท่านั้น เพราะไฮไลท์ที่แท้จริงของหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ที่ “หมู่บ้านวัฒนธรรม” บนเขา ที่มีเส้นทาง 2 สายให้เลือกขึ้นไปคือ จะเดินเท้าขึ้นไป หรือนั่งรถรางขึ้นไป
งานนี้ขาขึ้นผมเลือกเดินเท้าขึ้นไป เนื่องจากว่าจะใช้โอกาสนี้ถ่ายรูป ชมนกชมไม้ ชมอาคารของหมู่บ้านอูไหล ชมสาวๆ และชมอีกสารพัดสิ่งเด่นๆที่พบเห็นในระหว่างทาง ซึ่งที่น่าสนใจก็มีสะพาน Lanshun ที่เมื่อมองลงไปเห็นทิวทัศน์ของบ้านเรือนและสายน้ำ“หนันซื่อ” (Nanshih) ที่ใสสะอาดน่าเล่นมั่กๆ โดยในเส้นทางเดินขึ้น จะมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือ เสาทุกเสาของราวถนนในหมู่บ้านนี้จะตกแต่งด้วยรูปคนพื้นเมืองในชุดเก่งของเขา ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับว่าช่วยสร้างสีสันในการเดินทางสู่หมู่บ้านบนเขาได้ไม่น้อย
และแล้วประมาณครึ่งชั่วโมงของการเดินเท้า ผมก็มาถึงยังหมู่บ้านวัฒนธรรมอูไหลบนยอดเขา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำเลที่ตั้งของหมู่บ้านอูไหลบนขุนเขานี่ ถือว่าอยู่ในชัยภูมิหมู่บ้านท่องเที่ยวที่ดีมากๆ คือเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาเขียวครึ้มร่มรื่น
หมู่บ้านวัฒนธรรมอูไหล ถือว่ามีความแตกต่างจากบ้านชาวเขาในบ้านเราที่สร้างด้วยไม้ ไม้ไผ่ หลังคามุงจาก หรือแฝก หรือใบตองตึง แต่บ้านของชาวไทยาที่อูไหลจะเป็นบ้านปูนคล้ายๆกับบ้านตึกสร้างลดหลั่นกันไปตามไหลเขา โดยที่ภูเขาฝั่งตรงข้ามของหมู่บ้านจะมีน้ำตก “หนันซื่อ”ที่เป็นน้ำตกสูงยาวถึง 80 เมตร ตกลงมาเป็นสายน้ำแผ่วพลิ้วสองสายท่ามกลางความเขียวครึ้มของขุนเขาที่ดูแล้วสวยงามเพลินตามาก
นอกจากน้ำตกหนันซื่อแล้วบ้านอูไหลก็ยังมีน้ำพุร้อนที่เป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนยอดนิยมในไต้หวัน โดยคำว่าอูไหลในภาษาพื้นเมืองนั้นก็หมายถึงน้ำพุร้อน ซึ่งชื่อของหมู่บ้านนี้ถ้าเรียกแบบไทยๆก็อาจจะเรียกว่า “หมู่บ้านน้ำพุร้อน” ฟังดูก็เก๋ไปอีกแบบ
สำหรับอีกจุดน่าสนใจของบ้านอูไหลบนเทือกเขาที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมากก็คือ สีสันวิถีชีวิตของชนเผ่าไทยาที่อยู่ที่บ้านอูไหลมาร่วม 300 ปีแล้ว โดยชนเผ่านี้ปัจจุบันก็เหมือนชนพื้นเมืองทั่วโลก คือ ใช้ชีวิต และแต่งกายตามสมัยนิยม แต่กระนั้นที่หมู่บ้านอูไหลก็ได้คัดเอาเผ่าไทยากลุ่มหนึ่ง มาแต่งชุดพื้นเมือง แสดงการประกอบอาชีพอย่างทอผ้า ร้อยลูกปัด และทำของที่ระลึกขายให้นักท่องเที่ยวชมในจุดต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยมีหัวหน้ากลุ่มคือสาววัยกลางคนที่ดูงามแบบสาวรุ่นใหญ่ เป็นคนคอยให้ข้อมูลต่างๆแก่นักท่องเที่ยว
แต่ดูเหมือนว่างานนี้ทางหัวหน้ากลุ่มจะไม่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวหนุ่มเท่ากับ“เจ้าหญิง”ของหมู่บ้าน ซึ่งเธอทั้งสวยรวยเสน่ห์ หน้าตาหมดจดงดงาม และยิ่งเธอสวมชุดพื้นเมืองสีแดงสดก็ยิ่งช่วยขับให้เธอชวนมองมากขึ้นไปอีก
นับได้ว่านอกจากเธอจะเป็นเจ้าหญิงและเธอยังเป็นดาราดังของหมู่บ้านอูไหลอีกด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาย-หญิงที่เมื่อขึ้นไปถึงหมู่บ้านบนเขาส่วนมากก็จะขอถ่ายรูปคู่กับเธอแทบทั้งนั้น
แน่นอนว่าผมก็เป็นหนึ่งที่ไม่ยอมพลาดการถ่ายรูปคู่กับเธอด้วยประการทั้งปวง เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งหลังจากกลับมาเมืองไทยหากพูดถึงไต้หวัน สาวๆหลายๆคนอาจะนึกถึงสี่หนุ่ม F4 แต่สำหรับผมหากเอ่ยชื่อไต้หวัน ผมมักจะหยิบรูปที่ถ่ายคู่กับเจ้าหญิงแห่งหมู่บ้านอูไหลขึ้นมาดู พร้อมๆกับร้องเพลงของหนูมิเตอร์คลอตามไปเบาๆว่า
“มองภาพถ่ายแล้วใจคิดถึง เฝ้าคำนึงคิดถึงแต่เธอ....” ซึ่งนอกจากจะคิดถึงเธอแล้วยังคิดถึงไต้หวันอีกด้วย...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อูไหลเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมที่อยู่ใกล้ๆกับกรุงไทเปเมืองหลวงไต้หวัน ซึ่งไต้หวันจะใช้เงินสกุลไต้หวันดอลลาร์ หรือ NT ซึ่งมีอัตรา 1 NT : 1.3 บาท ส่วนเวลา ไต้หวันจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง
นอกจากน้ำตกหนันซื่อ น้ำพุร้อน วิถีชีวิตของชนเผ่าไทยาแล้ว ที่หมู่บ้านอูไหลก็ยังมีสิ่งน่าสนใจสำหรับการท่องเที่ยวอีก อาทิ การนั่งกระเช้าหรือนั่งรถรางชมทิวทัศน์ สปา กิจกรรมดูนก
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจเดินทางไปไต้หวันสายการบิน อีวีเอ แอร์ (EVA Air) ซึ่งมีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ไทเป ทุกวัน
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ท่อง"ไทเป"ยลเสน่ห์เมืองหลวงแห่งไต้หวัน