เพราะชีวิตคือความท้าทาย...มนุษย์ถึงได้แสวงหาความตื่นเต้นจากกิจกรรมต่างๆ เพื่อทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่เรียบง่ายจนเกินไปนัก...
แต่สำหรับใครที่คิดว่าชีวิตยังจืดชืดขาดสีสัน "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ขอนำเสนอกิจกรรมท่องเที่ยวท้าทายนักผจญภัย อย่างการเดินป่า-โรยตัว 4 หน้าผา 5 น้ำตก ที่น้ำตกธารรัตนา จังหวัดนครนายก ที่รับประกันความมันโดย ททท.ภาคกลางเขต 8
สำหรับเส้นทางการโรยตัวน้ำตกธารรัตนานี้ได้ถูกค้นพบเมื่อปี 2545 นี้เอง การสำรวจครั้งนั้นก็ทำให้พบว่ามีน้ำตกนิรนามสี่แห่งที่ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ยิ่งกว่านั้นยังไม่สามารถเดินเท้าเข้าไปได้อีกต่างหาก ต้องอาศัยการโรยตัวลงไปเท่านั้น ความสวยงามและความน่าตื่นเต้นของเส้นทางการโรยตัว ทำให้เส้นทางผจญภัยสายนี้ถูกยกขึ้นมาเป็น Unseen Thailand 2 และวันนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็ได้เดินทางมาเพื่อพิสูจน์ว่า เส้นทาง 4 ผา 5 น้ำตกนี้ จะอันซีนจริงสมคำร่ำลือหรือไม่
แต่ก่อนที่จะได้ไปโรยตัวกันจริงๆ ที่น้ำตกธารรัตนา เราจะไปซ้อมโรยตัวกันก่อนที่ศูนย์ผจญภัยเขาหล่น เพราะสำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนจะได้เรียนรู้วิธีการโรยตัวที่ถูกต้อง แต่เรื่องการซ้อมเพื่อให้เกิดความเคยชินนั้นลืมไปได้ เพราะหน้าผาที่เราซ้อมกันวันนี้มีความสูงเพียง 17 เมตร แต่ผาแรกที่จะได้เจอพรุ่งนี้ สูงถึงเกือบๆ 70 เมตรทีเดียว จริงๆ แล้วความสูงก็ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่มากมายนัก แต่สิ่งที่เป็นเรื่องใหญ่กว่าก็คือความกลัวของเรานี่แหละ ซึ่งหากเอาชนะความกลัวก้าวแรกที่ต้องถอยหลังลงได้แล้ว ก้าวอื่นๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องเล็ก
วันรุ่งขึ้น "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เดินทางมายังน้ำตกธารรัตนา ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น้ำตกแห่งนี้รวมทั้งเส้นทางเดินป่าโรยตัวจะอยู่ในเขตจังหวัดนครนายก แต่ทางเข้าจะอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี เราหยุดแต่งเนื้อแต่งตัวกันตรงปากทางเข้าน้ำตก เพื่อเตรียมตัวเดินเท้าเข้าป่าไปยังหน้าผาแรก เครื่องแต่งตัวที่ว่าก็มีหมวกกันกระแทก ถุงมือ รองเท้านินจา ซึ่งเป็นเหมือนรองเท้าบู๊ตแต่ทำด้วยผ้า มีเชือกรัดใต้เข่า รองเท้าแบบนี้จะเกาะพื้นขณะโรยตัวหน้าผาได้ดี และอุปกรณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ฮาร์เนส (Harness) คือเป็นเหมือนเข็มขัดรัดเอว เอาไว้เกี่ยวกับเชือกที่เราจะใช้โรยตัว สะพายหลังด้วยถุงยังชีพที่มีอาหารกลางวันไว้ข้างในก็เป็นอันเสร็จ อุปกรณ์เหล่านี้ทางทีมงานสาริกา แอดเวนเจอร์ พอยต์ เป็นคนจัดการให้ทั้งหมด รวมทั้งเป็นผู้ดูแลเราอย่างดีตลอดเส้นทาง มั่นใจได้ในความปลอดภัย
เราใช้เวลาประมาณ 20 นาที เดินเลาะเรียบน้ำตกธารรัตนามาเรื่อยๆ ไม่ช้าก็มาถึงหน้าผาแรกที่เราจะโรยตัวกัน จากจุดนี้เมื่อมองไปด้านหน้าจะเห็นอ่างเก็บน้ำวังบอนซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรา และเมื่อมองไปด้านล่างก็จะได้พบกับความสูง 70 เมตร สูงจนหลายๆ คนเริ่มถามหาทางลงทางอื่น แต่ได้รับคำตอบว่า "ไม่มี" ทางเดียวที่ไปได้คือต้องไต่หน้าผาลงไป
แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่า ตอนที่ยากที่สุดก็คือก้าวแรก เพราะเห็นแต่ละคนบอกว่าไม่กล้าลงๆ แต่ก็เห็นลงไปได้สวยงามกันทุกคน มีเคล็ดลับวิธีลงแบบไม่ให้กลัวก็ง่ายมาก แค่อย่ามองไปข้างล่าง มองแค่เท้าของเรากับหน้าสตาฟฟ์เป็นพอ แล้วก็ค่อยๆ เอนตัวลงแล้วเดินถอยหลัง เดินๆๆ มันไปเรื่อยๆ สำหรับหน้าผาแรกนี้ถึงจะมีความสูงมากแต่ก็ยังไม่มีน้ำตกมาเป็นอุปสรรค
"ผู้จัดการท่องเที่ยว" เองก็ค่อยไต่หน้าผาลงมาเรื่อยๆ ในหัวคิดอยู่อย่างเดียวว่า 'อย่ามองข้างล่าง' พลางหาที่วางเท้าเหมาะๆ แต่ก็มีบ้างบางจังหวะที่เท้าหลุดจากหน้าผา ทำให้ตัวเราห้อยอยู่กลางอากาศ แล้วเชือกก็จะหมุนให้หันหน้าออกจากหน้าผาโดยอัตโนมัติ ทีนี้ละ ได้ชมวิวมุมสูงแบบเสียวๆ โดยไม่ตั้งใจ แล้วเลยได้เหลือบมองลงไปข้างล่างแว๊บนึง โอ้โห...สูงจริงๆ ด้วย
กว่าจะโรยตัวลงมาจากความสูง 70 เมตรได้ก็เล่นเอาเหงื่อไหลเป็นน้ำเลยทีเดียว แต่เมื่อลงมาแล้วก็สามารถไปคลายร้อนด้วยการเล่นน้ำตกสองพี่น้องที่ตั้งอยู่ข้างๆ หน้าผาเป็นการพักผ่อนรอเพื่อนฝูงที่ค่อยๆ ทยอยโรยตัวตามกันลงมา เมื่อได้ลงมานั่งดูจากข้างล่างแล้ว "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็อดทึ่งตัวเองไม่ได้ว่า ลงมาได้ยังไงกันเนี่ย!?!
หากผ่านหน้าผาแรกมาได้แล้ว ผาอื่นๆ ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะผาที่เหลือมีความสูงประมาณ 20-30 เมตร เท่านั้นเอง หน้าผาที่สองถัดมาคือน้ำตกสองสวรรค์ชั้นที่ 1 ความสูง 18 เมตร คราวนี้มีให้เลือกสองเส้นทางคือแบบเปียกกับไม่เปียก แล้วแต่ใครใคร่จะไปเส้นทางไหน แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดหลังจากผ่านหน้าผาแรก 70 เมตรมาได้ก็คือคราวนี้ก็ไม่มีใครอิดออดเกี่ยงกันลงอีกแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะใกล้เวลาเที่ยงเต็มทีก็ไม่รู้ ต่างคนต่างก็อยากเปิดถุงยังชีพดูว่ามีอะไรกินบ้าง
สองหน้าผาผ่านไป ทุกคนหยุดแวะพักกินข้าวเที่ยงกันที่ใต้ชะง่อนหินระหว่างน้ำตกสายสวรรค์ชั้นที่ 1 และ 2 ข้าวกลางวันแบบง่ายๆ อย่างข้าวเหนียวหมูทอด ปลาช่อนทอด และข้าวต้มมัดในมื้อนี้อร่อยอย่างบอกไม่ถูก เติมพลังกันเต็มที่ก่อนจะโรยตัวกันต่อในผาที่สาม ซึ่งคือน้ำตกสายสวรรค์ชั้นที่ 2 ความสูง 38 เมตร คราวนี้ก็มีให้เลือกสองทางเช่นกัน คือแบบเปียกมากกับเปียกน้อย แม้ว่าในช่วงนี้น้ำจะไม่มากนัก แต่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็ยังรู้สึกเสียศูนย์ไปบ้างตอนที่น้ำตกเทโครมๆ ลงมา แถมหน้าผานี้ก็ยังมีตะไคร่น้ำเกาะจนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ นาทีที่ต้องเลือกว่าจะวางเท้าก้าวต่อไปตรงไหนขณะที่สายน้ำหลั่งไหลลงมาตรงหน้า ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตหนึ่งได้มาทำอะไรแบบนี้สักทีก็ดีเหมือนกัน
สำหรับผาที่สามนี้เมื่อโรยตัวลงมาแล้วจะเจอกับแอ่งน้ำเย็นฉ่ำให้ดำผุดดำว่ายกันตามใจชอบ ก่อนจะต้องเดินบุกป่าเลาะเรียบลำธารไปยังหน้าผาสุดท้าย ระหว่างทางเดินป่านี้ต่างคนต่างก็ได้แผลได้รอยช้ำกันไปคนละนิดละหน่อย ด้วยความที่ต้องเดินลุยลำธารเหยียบก้อนหินน้อยใหญ่ที่หลบอยู่ใต้น้ำ มองเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ทำเอาล้มลุกคลุกคลานกันสนุกสนาน ไหนจะกิ่งไม้ที่ยื่นเกะกะออกมาอีก เพื่อนร่วมทางคนหนึ่งพึมพำสำนึกบุญคุณหลังจากที่หลบกิ่งไม้จนหัวกระแทกหินว่า ...รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงต้องให้ใส่หมวก
ประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึงยังหน้าผาสุดท้าย คือน้ำตกวังบอน ความสูง 26 เมตร มองลงไปเบื้องล่างคืออ่างเก็บน้ำวังบอน ซึ่งเป็นแหล่งเก็บกักน้ำจากน้ำตกธารรัตนาไว้เพื่อการเกษตรของชาวนครนายก เมื่อโรยตัวลงจากผาน้ำตกวังบอนนี้แล้ว ก็จะต้องพายเรือคายัคเข้าสู่ฝั่งซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร "ผู้จัดการท่องเที่ยว" รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นจารชนที่กำลังไต่หน้าผาหนีตำรวจ แล้วมีพรรคพวกเอาเรือคายัคมารอรับอยู่ด้านล่างยังไงอย่างงั้นเลย
เมื่อลงมายังเรือคายัคแล้ว ใครที่ยังมีแรงเหลือจะพายเรือเล่นไปรอบๆ อ่างเก็บน้ำก็ได้ แต่ถ้าใครไม่อยากก็มุ่งหน้าไปขึ้นฝั่งได้เลย ซึ่งจากท่าเทียบเรือนี้ ถ้าหันหลังมองกลับมาก็จะสามารถมองเห็นหน้าผาแรก 70 เมตร ที่พวกเราโรยตัวลงมาได้ ไม่น่าเชื่อว่าระยะทางจากจุดนั้นมาจนถึงที่ที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" กำลังยืนอยู่นี้ห่างกันแค่ 4.5 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางตั้งเกือบครึ่งวัน แต่ก็เป็นครึ่งวันที่ได้รสชาติความมันแบบเต็มที่ และเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับขาลุยอย่างเราๆ เป็นอย่างยิ่ง
แต่การท่องเที่ยวแบบผจญภัยที่จังหวัดนครนายกยังไม่หมดแค่นี้ เพราะยังมีทั้งการพายเรือคายัคและเรือยางล่องแก่งแม่น้ำนครนายก ความยาว 7.5 กิโลเมตร การปั่นจักรยานเสือภูเขาท่องเที่ยวธรรมชาติและเดินป่าดูนก รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่ยังรอให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสกันได้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สำหรับกิจกรรมโรยตัว 4 หน้าผา 5 น้ำตกนั้น รับนักท่องเที่ยวกรุ๊ปละ 8-10 คน มีค่าใช้จ่ายคนละ 1,500 บาท (One day trip) และ 2,300 บาท (2 วัน 1 คืน) สอบถามรายละเอียดได้ที่ สาริกา แอดเวนเจอร์ พอยท์ 0-3732-8432, 0-1251-8317, 0-5044-6963 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.sarikaadventure.com
ททท.ภาคกลางเขต 8 โทร.0-3731-2282, 0-3731-2284
การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
สดชื่น ชุ่มฉ่ำ กับสายน้ำเมือง"นครนายก"
เที่ยว"บ้านท่าด่าน" ชมของดีใกล้กรุง
ตะลุยแดนฝัน สุดมันที่นครนายก
ล่องแก่ง ผจญสายน้ำที่“นครนายก”เมืองในฝันใกล้กรุงฯ