xs
xsm
sm
md
lg

เดินทอดน่อง ท่อง"สามแพร่ง"แหล่งของกินอร่อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย...หนุ่มลูกทุ่ง

ในบรรดาชุมชนเก่าแก่ในกรุงเทพฯที่มีเสน่ห์ชวนค้นหาและน่าเยี่ยมเยือนที่สุดแห่งหนึ่ง ฉันเชื่อว่าต้องมีชื่อของ"สามแพร่ง"รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะเป็นย่านเก่าที่ยังคงหลงเหลือเรื่องราวและบรรยากาศของยุคสมัยเก่าๆ และยังได้ชื่อว่ามีร้านของกินของใช้ที่สืบทอดกิจการกันมากว่าครึ่งศตวรรษก็หลายร้าน

แต่ฉันก็เดาได้ว่าแม้หลายคนจะคุ้นเคยกับชื่อนี้มาก่อน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าสามแพร่งนั้นตั้งอยู่แห่งหนใดในเมืองกรุง ดังนั้นคงไม่ผิดถ้าหนุ่มลูกทุ่งอย่างฉันจะขอรับอาสาพาไปชม โดยเอาเป็นว่าให้เริ่มต้นง่ายๆ ที่ย่านคอกวัว ถนนราชดำเนิน ซึ่งก็คือบริเวณที่มีแผงขายล็อตเตอรี่มากๆนั่นล่ะ จากนั้นเดินเข้าไปด้านในจนสุดถนนตะนาว แล้วเลี้ยวขวา เราก็จะเข้าสู่ย่านเก่าสามแพร่งกันแล้ว

ก่อนอื่นคงต้องบอกเล่าเรื่องราวของสามแพร่งให้รู้แจ้งกันก่อน ว่าสามแพร่งก็คือชื่อของชุมชนเก่าแก่ที่มีมานาน ประกอบด้วยแพร่งภูธร แพร่งนรา และแพร่งสรรพศาสตร์ คำว่าแพร่งนั้นแปลว่าทางแยกทางบก ซึ่งแต่เดิมทั้งสามแพร่งเคยเป็นวังของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่และขุนนางคหบดี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงสังเกตได้ว่าอาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ มีลักษณะสถาปัตยกรรมทรงยุโรปผสมจีน ที่ดูสวยงามแปลกตาเพราะช่วงนั้นเริ่มมีวัฒนธรรมจากต่างชาติเข้ามาผสมผสาน

หลังจากนั่นก็มีการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนย้ายของผู้คนตามยุคสมัย ชั้นเจ้านายค่อยๆ ย้ายกันออกไป คนไทยเชื้อสายจีน (แคะแต้จิ๋ว) ก็ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยและทำการค้าขายรวมทั้งเปิดร้านอาหารสืบต่อกันมาหลายชั่วคน กลายเป็นชุมชนถิ่นการค้าที่คึกคักขึ้น ยิ่งเมื่อย้อนไปประมาณ 20-30 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองของสามแพร่งก็ว่าได้ เพราะในช่วงนั้นมีหน่วยงานราชการหลายกระทรวง ทั้งมหาดไทย กลาโหม ยุติธรรม ตั้งกระจายอยู่ใกล้ๆ ทำให้มีทั้งข้าราชการและประชาชนจำนวนมากแวะเวียนผ่านไปผ่านมาในย่านสามแพร่ง

นี่เองจึงทำให้ชาวชุมชนสามแพร่งทำการค้าที่หลากหลาย ทั้งเครื่องหนังรองเท้าเข็มขัดชั้นดี ทั้งร้านชุบเงินชุบทองฝีมือละเอียด ทั้งร้านตัดเสื้อผ้า ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านเครื่องทหารของเดินป่า และโดยเฉพาะกับร้านของกินสารพัดที่ประกันได้ถึงความอร่อยเพราะมีสูตรต้นตำรับที่มาจากทั้งในวังและสูตรจากเมืองจีน ทำต่อๆ กันมาหลายรุ่น จนมีร้านขายของและร้านอาหารเก่าแก่ขึ้นชื่อมากมาย ฉันจึงตั้งใจว่าจะเดินสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ไปเรื่อยๆ ถ้ามีของกินน่าสนใจก็จะแวะชิม คงจะดีไม่น้อย

ฉันเดินผ่านบริเวณทางเข้าแพร่งสรรพศาสตร์ ที่เมื่อก่อนนี้เคยเป็นวังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพศาสตร์ศุภกิจแต่ตอนนี้เหลือเพียงซุ้มประตูวังเป็นอนุสรณ์เท่านั้น ซึ่งใกล้ๆ กันนั้นมี "ร้านวิวิธภูษาคาร" ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องแบบนักเรียน ข้าราชการ และเครื่องหมายประดับยศมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 นับว่าเป็นร้านเก่าแก่และมีชื่อเสียงขนาดว่าข้าราชการส่วนใหญ่ต้องเป็นลูกค้าของร้าน แต่พอหน่วยงานต่างๆ ย้ายออกไปบรรยากาศจึงดูเงียบเหงา เท่าที่เห็นล่าสุดนี่ก็มีปรับปรุงพื้นที่ส่วนหนึ่งเปิดร้านอาหารไทยอยู่ข้างๆ ด้วย ซึ่งคงจะช่วยทำให้ร้านคึกคักขึ้นมาบ้าง

ถัดจากร้านวิธภูษาคาร ก็เป็น"ร้านราดหน้า 40 ปี"ฉันเห็นมีหลายคนนั่งกินท่าทางจะอร่อย จึงขอแวะพักเติมความอิ่มให้กระเพาะเสียก่อน ทำให้มีแรงเดินกันต่อไปได้อย่างสบายๆ ที่เยื้องปากซอยแพร่งภูธรยังมี "ร้าน ก.พานิช" ซึ่งขายข้าวเหนียวมูลโด่งดังมานานกว่า 72 ปี ปัจจุบันนี้ก็ยังมีคนมายืนซื้อเป็นทั้งของกินของฝากอยู่อย่างมาก เรียกว่าไม่ต้องรอให้ถึงหน้ามะม่วงก็มีข้าวเหนียวมูนให้กินตลอดปี

บริเวณแพร่งภูธร ล้วนแต่เต็มไปด้วยของกินที่ขึ้นชื่อ มีทั้งร้านขนมเบื้องโบราณ ร้านปาท่องโก๋เสวย ร้านขนมจีน ร้านข้าวแกง ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวมันไก่ ร้านอาหารอีสาน และอีกสารพัดร้าน ที่พอเอ่ยชื่อเป็นต้องเชื่อใจได้ในความเก่าของอายุร้านและความเก๋าในรสชาติ อย่าง "ร้านไอศครีมนัฐพร" ที่ขายไอศกรีมกะทิทรงเครื่องมานานและขายดีเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้าจนต้องเพิ่มสาขาจากที่แพร่งภูธรมาตั้งที่ถนนตะนาวเพิ่มอีกร้าน

นอกจากนี้ยังมี "ร้านโชติจิตร" ที่เปิดขายอาหารและยาดองมานานกว่า 80 ปี มีอาหารไทยจานเด็ดได้แก่ หมี่กรอบ ยำถั่วพลู และแกงเลียง ซึ่งแม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีลูกค้าทั้งขาจรขาประจำแวะเวียนอยู่บ่อยๆ ตรงข้ามก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านขายอาหารตามสั่งอยู่อีกหลายร้าน และถ้าเดินต่อไปอีกหน่อยก็จะมี "ร้านสมองหมู" ที่ขึ้นชื่อเพราะมีจานเด็ดอย่างเกาเหลาสมองหมูซึ่งเชื่อกันว่ากินแล้วจะฉลาด โดยสังเกตดีๆ จะเห็นมีสองร้านตั้งตรงข้ามเยื้องๆกัน ซึ่งวิธีการทำและสูตรเด็ดอาจจะต่างกันบ้าง แต่ดูจำนวนลูกค้าแล้วก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก

ฉันใช้เวลาในการแวะกินและแวะดูนั่นดูนี่อย่างไม่รีบร้อน โดยเดินเข้าไปในแพร่งภูธรจนกระทั่งไปถึง "สถานีสุขุมาลอนามัย" ที่เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2471 โดยพระดำริของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี เพื่อให้เป็นสถานีอนามัย ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นที่รักษาพยาบาลของคนในชุมชนอยู่ และที่ด้านหลังของสถานีอนามัยทางชุมชนได้มีการปรับแต่งเป็นสวนหย่อมและร่มครึ้มด้วยต้นไม้ สำหรับพักผ่อนและทำกิจกรรมของคนในชุมชน ฉันจึงแวะหลบความร้อนรับไอเย็นสบายๆ จากลมธรรมชาติ พร้อมๆกับเฝ้าดูรถโบราณหลายคันที่จอดอยู่ที่ "อู่วิเชียรซ่อมรถ" อู่เก่าแก่กว่า 70 ปี ที่มีลูกค้านำรถโบราณมาให้ช่างช่วยซ่อมและตกแต่งดัดแปลงอยู่เสมอ

บรรยากาศตอนนี้ช่างเป็นใจทำให้ฉันรู้สึกดีไม่น้อย เหมือนได้ย้อนกลับไปสู่ยุคในอดีต เพราะตลอดทางที่ฉันเดินผ่านอาคารตึกแถวสถาปัตยกรรมแบบยุโรปเก่าแก่สวยงามที่เรียงกันไปตามแนวยาวของถนน ทุกๆ ห้องก็ยังคงเค้าโครงลักษณะเดิมเพียงแต่จะเห็นความทรุดโทรมไปตามเวลา ซึ่งฉันรู้มาว่าตอนนี้อาคารสิ่งก่อสร้างในย่านนี้เป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ดังนั้นการจะปรับปรุงหรือเสริมแต่งอะไรจึงทำได้ยาก ถึงแม้ว่าบางอย่างจะโรยราและมีเทคโนโลยีความทันสมัยรุกคืบคลานเข้ามาปะปนบ้าง แต่สภาพและวิถีเก่าๆ ก็ยังคงเหลือเค้ารางนั้นให้ได้สัมผัสกัน

เพราะถึงแม้จะมีการอพยพย้ายถิ่นเข้าออกตามเวลาที่เปลี่ยนไป แต่คนในชุมชนก็ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก ซึ่งอันนี้ไม่ใช่ฉันจะเล่าตามๆ เขามา แต่ทว่าเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกได้จริงๆ เพราะไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ฉันยังต้องผจญกับความวุ่นวายและสภาพการจราจรที่คับคั่งบนถนนราชดำเนิน แต่พอเดินเข้ามาเพียงไม่กี่ร้อยเมตร กลับได้เห็นภาพของความสงบเงียบ ผู้คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคนใช้ชีวิตโดยไม่เร่งร้อน แทบไม่น่าเชื่อว่า ณ จุดที่ฉันอยู่ตอนนี้ คือส่วนหนึ่งของเมืองกรุงที่เมื่อครั้งอดีตเต็มไปด้วยสีสันและความคึกคักมีชีวิตชีวา

เอาเป็นว่าเรื่องราว แหล่งกิน และแหล่งเที่ยวของสามแพร่ง ยังไม่หมดแค่นี้ ครั้งหน้าฉันก็จะยังคงวนเวียนและซอกซอนเที่ยวไปกินไปกันต่อ ซึ่งจะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น ต้องติดตามกันให้ดี

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

พื้นที่บริเวณแพร่งนรา เดิมเคยเป็นที่ตั้งวังท่าของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ต่อมาทรงตัดถนนแพร่งนราผ่านกลางวัง และสร้างตึกแถวขึ้นสองฟากถนน ในบริเวณนี้ยังมีโรงละครปรีดาลัย ซึ่งเป็นโรงละครแห่งแรกของประเทศไทย

พื้นที่บริเวณแพร่งสรรพศาสตร์ เดิมเป็นที่ตั้งวังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพศาสตร์ศุภกิจ ซึ่งท่านเป็นผู้สนใจเกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์คนแรกของประเทศไทย และวังนี้ได้ถูกรื้อเหลือเพียงซุ้มประตูวังเท่าที่เห็นในปัจจุบัน

พื้นที่บริเวณแพร่งภูธร เป็นถนนซอยที่ตะนาวบริเวณวังกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ เชื่อมถนนตะนาว ถนนอัษฎางค์ และถนนบำรุงเมือง ตึกแถวถนนแพร่งภูธร สร้างไปตามถนนเว้นตรงกลางไว้เป็นสถานีอนามัยและตลาดขายอาหาร อาคารทั่วไปยังอยู่ในสภาพดี

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

เรื่องเล่าของร้านเก่าในบางกอก

"เปาะเปี๊ยะสองหมวย" เปาะเปี๊ยรสดีชวนกิน

รสเด็ดชวนหม่ำ ขนมจีนไหหลำ "โกหลุ่น"

มื้อนี้อิ่มสบายท้องกับ "ราดหน้ายอดผัก (40 ปี)"  
 
"สมองหมูไทยทำ" รสชาติยังน่าหม่ำเหมือนเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น