ประเทศไทยเราแม้เป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็มีสิ่งที่เป็นที่สุดของโลกอยู่หลายสิ่งด้วยกัน อย่างเช่นเป็นประเทศที่มีชื่อเมืองหลวงยาวที่สุดในโลก เป็นประเทศที่มีข้าวพันธุ์ดีที่สุดในโลก มีไข่เจียวใหญ่ที่สุดในโลก และอีกหลายที่สุด ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ ไปจนถึงเป็นเรื่องไร้สาระเลยทีเดียว
แต่มีสิ่งที่เป็นที่สุดอย่างหนึ่ง ที่นอกจากจะไม่ไร้สาระแล้ว และยังเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปอีกต่างหาก นั่นก็คือ "เขื่อนคลองท่าด่าน" เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก ในจังหวัดนครนายก ที่การก่อสร้างกำลังจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้
*************************
เขื่อนคลองท่าด่าน มีชื่อเต็มๆ ว่า "เขื่อนคลองท่าด่าน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมืองนครนายก จ.นครนายก สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากที่เกิดกับประชาชนชาวนครนายกและจังหวัดใกล้เคียง จึงนับเป็นสิ่งก่อสร้างหนึ่งที่แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวนครนายกและชาวไทย
ตัวเขื่อนประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรองสร้างด้วยคอนกรีตบดอัด ซึ่งปัจจุบันนับว่าเป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก มีความยาวรวม 2,720 เมตร ความสูง (สูงสุด) 93 เมตร รับน้ำที่ไหลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ มีความจุ 224 ล้านลูกบาศก์เมตร
การสร้างเขื่อนโดยวิธีคอนกรีตบดอัดแน่น (Roller Compacted Concrete: RCC) นี้จะมีรูปแบบของเขื่อนด้านเปลือกนอก เป็นลักษณะแบบสร้างเขื่อนแบบปกติ มีความหนาข้างละประมาณ 70 ซม. ส่วนด้านในเป็นขี้เถ้าลอยซึ่งได้จากถ่านหินลิกไนต์จากเหมืองแม่เมาะ จ.ลำปาง ถือเป็นสิ่งใหม่ที่เพิ่งนำมาใช้ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก คงยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีข้อถกกันว่าจะกำจัดขี้เถ้าลอยลิกไนต์กันอย่างไร เพราะกลัวกันว่าจะเป็นอันตรายแก่คนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ นี่จึงนับว่าเป็นการทำขยะลิกไนต์ให้เกิดประโยชน์ได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนประโยชน์ของเขื่อนภายหลังการสร้างเสร็จแล้ว ยังจะมีตามมาอีกมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการที่มีน้ำในการทำเกษตรกรรม การอุปโภค บริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและบรรเทาอุทุกภัย ซึ่งเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 7-9 สิงหาคม 2547 เกิดฝนตกหนักติดต่อกันบนเขาใหญ่ ส่งผลให้น้ำป่าได้ไหลหลากลงสู่พื้นที่รับน้ำด้านล่าง ทำให้เกิดน้ำท่วมล้นตลิ่งแม่น้ำนครนายก สร้างความเสียหายกับระบบเศรษฐกิจ ขนาดว่าเขื่อนคลองท่าด่านฯ ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ก็กลับมีส่วนช่วยรองรับปริมาณน้ำป่าที่หลากลงมา ช่วยชะลอน้ำท่วมขังลงสู่แม่น้ำนครนายก เพราะถ้าเวลานั้นไม่มีเขื่อนปริมาณน้ำที่หลากลงมา ก็คงจะสร้างความเสียหายแก่ประชาชนมากกว่านี้
นอกจากนี้เขื่อนคลองท่าด่านจะยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของนครนายก นักท่องเที่ยวสามารถชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อน จะเห็นทิวทัศน์ด้านหน้าเขื่อน และชมทิวทัศน์เมืองนครนายกด้านหลังเขื่อนได้
นับจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินทรง ประกอบพิธีวาง ศิลาฤกษ์ เขื่อนคลองท่าด่านฯ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2545 กระทั่งผ่านมาถึงบัดนี้ที่ตัวเขื่อนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ เหลือเพียงการตกแต่งภูมิทัศน์บริเวณด้านหลังเขื่อน และจะเปิดอย่างเป็นทางการประมาณปลายปีนี้ ซึ่งถ้านักท่องเที่ยวที่สนใจจะแวะชมก็สามารถชมทิวทัศน์ด้านหน้าและหลังเขื่อนได้ที่จุดชมวิวด้านบนเขื่อนได้ตลอด
หากเขื่อนคลองท่าด่านนี้เสร็จสมบูรณ์ลงเมื่อไร ก็คงจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนพากันหลั่งไหลมาชม ไม่เฉพาะเพียงแค่ตัวเขื่อนเท่านั้น แต่ในบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกมากเช่นกัน
ศูนย์ภูมิรักษ์...จากพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง
เป็นที่ซาบซึ้งกันดีว่า พระราชกรณียกิจของในหลวงที่ทรงทำเพื่อประชาชนนั้น มีมากมายเพียงใด
เฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น ก็มีถึงกว่า 3,000 โครงการ ซึ่งแต่ละโครงการถือกำเนิดมาจากพระอัจฉริยภาพ พระเมตตาคุณ พระกรุณาธิคุณ ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานเพื่อเป็นแนวทางในการบำบัดปัดเป่าความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวไทยในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
และ "ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ" ในจังหวัดนครนายก ห่างจากเขื่อนท่าด่านเพียง 200 เมตร ก็คือสถานที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รวบรวมภูมิความรู้ควบคู่กับความเพลิดเพลิน อันเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัว
ชื่อ "ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ" เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิชัยพัฒนา และเป็นโครงการที่ สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับมูลนิชัยพัฒนา ดำเนินการจัดสร้าง เพื่อเผยแพร่แนวพระราชดำริให้กว้างขวางและลึกซึ้ง โดยการแสดงแนวคิดและทฤษฏีการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านการเกษตร ปศุสัตว์ สิ่งแวดล้อม และพลังงาน ตลอดจนการสาธิตความเป็นอยู่ วิถีไทยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเหมาะสม
โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของมูลนิชัยพัฒนา บริเวณบ้านท่าด่าน ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก จะเป็นสถานที่รวบรวมข้อมูลและกิจกรรมที่แสดงให้เห็นโครงการอันเนื่องอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งแนวทางการพัฒนาตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น จะเห็นว่าทรงมุ่งการพัฒนาด้วยการแก้ไขปรับปรุงคุณภาพของ คน ดิน น้ำ ป่า อย่างเป็นระบบ โดยให้คน คือ เกษตรกร ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเป็นแกน ตามแนวทางคนต้องอยู่ พึ่งพา และ ดูแลป่า ดิน น้ำ อย่างใกล้ชิด ซึ่งได้มีการแบ่งพื้นที่จัดแสดงในโครงการออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการจัดนิทรรศการในส่วนการจัดแสดง โดยจะเป็นการสรุปภาพรวมของพระราชกรณียกิจ อันเป็นที่มาของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้งหมด
ส่วนที่สองเป็นการจัดนิทรรศการบริเวณใกล้เคียงกับอาคาร อาทิ การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ การควบคุมดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น บ่อบำบัดน้ำเสียแบบฝังใต้ผิวดิน Cross Section กอ หรือ แปลงหญ้าแฝก เพื่อแสดงให้เห็นการทำงานของรากหญ้าแฝกที่ยึดดิน และส่วนที่สาม เป็นการแสดงในพื้นที่ภายนอกอาคาร ด้วยการจำลองป่า และภูมิประเทศของประเทศไทยทั้ง 4 ภาค รวมถึงการจัดแสดงเกษตรทฤษฎีใหม่ และชีวิตที่พอเพียง กับวิถีชีวิตของคนไทย โดยได้จัดทำคำบรรยายตามสถานที่สำคัญๆ ทั่วทั้งพื้นที่จัดแสดง
นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอวิถีชีวิต และภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งจะเป็น "อาศรมปัญญา" โดยการรวบรวม "108 เซียน" ผู้มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ถือเป็นปราชญ์ชาวบ้านที่จะหมุนเวียนมาช่วยคิดช่วยถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้สนใจ
อีกไม่นาน ศูนย์ภูมิรักษ์นี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์ และจะนับได้ว่าเป็น "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติมีชีวิต" เพราะจะให้ผู้สนใจได้ศึกษา ทดลอง และเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้ผู้เข้าชมได้ทั้งความรู้ ความเข้าใจ และความเพลิดเพลิน นำไปสู่การพัฒนาต่อยอดความรู้ โดยรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ใช้ภูมิปัญญาและความคิดสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์
ยิ่งกว่านั้นผู้มาเยือนจะได้ซาบซึ้งในพระราชกรณียกิจ และพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะสิ่งแสดงทุกๆ อย่างที่สื่อความหมาย เช่น การเดินเที่ยวชมในพื้นที่ลาดชันของภาคเหนือ ก็สร้างความลาดชันให้ได้กับการเดินขึ้นดอยอินทนนท์ ห้วยน้ำดัง หรือเดินทางเที่ยวชมส่วนหนึ่งในภาคใต้ อาจจะจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะจัดทำภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงดำเนินในภูมิประเทศคล้ายคลึงกันนี้มาติดไว้ เพื่อให้ผู้เที่ยวชมสามารถรับรู้ รับทราบด้วยตัวเอง ถึงพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ได้ทรงบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ
เราต้อนรับท่านเหมือนญาติ…ที่ท่าด่านโฮมสเตย์
ห่างจากเขื่อนคลองท่าด่านไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจตั้งอยู่ นั่นก็คือ "ท่าด่านโฮมสเตย์" โฮมสเตย์มาตรฐานไทย ที่มีคำขวัญว่า "เราต้อนรับท่านเหมือนญาติ บ้านเราเหมือนกับบ้านท่าน" เป็นโฮมสเตย์ที่ชาวชุมชนบ้านหินตั้ง จังหวัดนครนายกกว่า 11 ครัวเรือนได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวสวนจังหวัดนครนายกกัน
ประดิษฐ์ สุมลฑา ประธานโฮมสเตย์บ้านท่าด่าน บอกเล่าถึงที่มาของการรวมตัวจัดตั้งโฮมสเตย์ขึ้นมาว่า หลังจากที่เมื่อก่อนไปขายผลไม้ที่น้ำตกนางรอง และมีนักท่องเที่ยวที่สนใจเกี่ยวกับผลไม้มาขอพักด้วยและเรียนรู้การทำสวนผลไม้ พอมีคนสนใจมาพักครั้งบ่อยเข้าจึงเปิดบ้านให้พักเป็นโฮมสเตย์และชักชวนเพื่อนบ้านหลังอื่นๆ ให้ทำด้วย จนถึงตอนนี้ก็เป็นปีที่ 7 แล้ว เรียกว่าจากอาชีพเสริมก็กลายมาเป็นอาชีพหลักไปเสียแล้ว
สำหรับกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสหากมาพักที่นี่ก็คือ การได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบชาวสวน ซึ่งชาวท่าด่านโฮมสเตย์ต่างก็มีสวนผลไม้ตามฤดูกาลต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชม ทั้งส้มโอ กล้วย ขนุน มะม่วง มะไฟ ลองกอง กระท้อน ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เก็บผลไม้เอง หรือใครอยากฝึกเป็นชาวสวนจริงๆ ก็สามารถเรียนรู้และฝึกการขยายพันธุ์พืช เรียนรู้การดูแลรักษาต้นไม้ รวมทั้งซื้อหาผลไม้ตามฤดูกาลได้ในราคาถูกอีกด้วย
นอกจากการเรียนรู้วิถีของชาวสวนท่าด่านแล้ว กิจกรรมอื่นๆ ก็ยังมีอีกมากมาย เช่น การล่องแก่งแม่น้ำนครนายก การเดินป่าเขาใหญ่ การดูนกตกปลา หรือจะเช่าจักรยานเสือภูเขาจากบ้านสมาชิกโฮมสเตย์ขี่เล่นรอบๆ ก็ได้ หรือใครอยากฝึกงานฝีมือก็มีกิจกรรมการแกะสลักเหง้าไม้ไผ่ซึ่งชาวท่าด่านเขายินดีสอนให้ แต่หากใครไม่อยากทำกิจกรรมเหล่านี้ อยากพักผ่อนเฉยๆ ที่ท่าด่านโฮมสเตย์ก็มีบริการนวดแผนไทย และนวดฝ่าเท้าให้ด้วย เรียกว่ามาที่นี่แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะเบื่อ
สำหรับเรื่องบ้านพักนั้น ในบ้านโฮมสเตย์จำนวน 11 ครัวเรือน ก็จะมีทั้งแบบที่ให้นักท่องเที่ยวอยู่ร่วมกับชาวบ้าน และแบบที่แยกตัวเป็นบ้านเดี่ยว เพื่อความสะดวกทั้งตัวเจ้าบ้านและตัวนักท่องเที่ยว หรือใครจะกางเต็นท์นอนใกล้ๆ สวนผลไม้ก็ได้ ซึ่งท่าด่านโฮมสเตย์สามารถรับนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดประมาณ 70 คน แต่การมาพักหรือมาเที่ยวที่นี่ นักท่องเที่ยวจะต้องทำความเข้าใจว่า เป็นการพักและอยู่แบบวิถีชาวบ้าน ไม่ใช่การท่องเที่ยวที่มีความสะดวกสบายเหมือนการพักในโรงแรม
"หัวใจของการบริการที่นี่ คือ เน้นความสะอาด และต้องมีความพร้อมในการให้บริการ ชาวบ้านพร้อมให้ข้อมูล ข้อแนะนำ ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวประทับใจ บอกว่าอาหารอร่อย ซึ่งก็เป็นอาหารพื้นบ้านตามฤดูกาล เช่นหน่อไม้ ปลากระทิง และนักท่องเที่ยวที่เคยมาพักแล้วก็ยังกลับมาอีกบ่อยๆ ซึ่งบางคนกลับมาเที่ยวอีกเป็นสิบรอบแล้ว" ประดิษฐ์บอก
ถ้าอยากรู้ว่าท่าด่านโฮมสเตย์มีอะไรดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับมาได้เป็นสิบรอบอย่างนี้ สงสัยคงต้องมาหาคำตอบด้วยตัวเองเสียแล้ว
เที่ยว 3 น้ำตก ใกล้บ้านท่าด่าน
นอกจากศูนย์ภูมิรักษ์ และท่าด่านโฮมสเตย์แล้ว ไม่ใกล้ไกลนักจากเขื่อนคลองท่าด่านนักก็ยังมีน้ำตกที่ขึ้นชื่อลือชาอยู่อีก 3 แห่งด้วยกัน นั่นก็คือน้ำตกสาริกา น้ำตกนางรอง และน้ำตกวังตะไคร้
สำหรับน้ำตกสาริกานั้นเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เกิดจากน้ำฝนที่ตกบนเขาใหญ่แล้วไหลมารวมกันเป็นสายธารลงมาจากหน้าผาที่สูงกว่า 200 เมตร น้ำตกสาริกามีทั้งหมด 9 ชั้น แต่เปิดให้เที่ยวชมเพียงชั้นที่ 1-4 เท่านั้น เพราะชั้นที่ 5 ขึ้นไปเป็นเส้นทางที่อันตราย ส่วนชั้นที่นับว่าสวยที่สุดนั้นอยู่ที่ชั้น 3 และนักท่องเที่ยวนิยมเล่นน้ำกันในชั้นที่ 1-2 และในบริเวณน้ำตกก็ยังมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างเพียบพร้อม
ส่วนน้ำตกนางรอง ที่มีความงดงามไม่แพ้กัน แต่ต้องออกกำลังเดินเท้าประมาณ 10 นาทีเพื่อไปยังตัวน้ำตก ในหน้าฝนเช่นนี้น้ำตกนางรองค่อนข้างเชี่ยวแต่ก็น่าชมไปอีกแบบ ส่วนรอบๆข้างน้ำตกก็ยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้เขียวครึ้ม และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อยู่ตรงบริเวณสะพานไม้ที่ทอดข้ามไปชมน้ำตก และสามารถมองเห็นตัวน้ำตกได้อย่างชัดเจน
ส่วนน้ำตกที่สุดท้าย คืออุทยานวังตะไคร้หรือ "วังตะไคร้" ซึ่งอยู่ในความดูแลของมูลนิธิจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ภายในจะมีไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ให้ชมกัน และที่สำคัญก็คือธารน้ำตกวังตะไคร้ที่ไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานอีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก
สอบถามข้อมูลเขื่อนคลองท่าด่านเพิ่มเติมได้ที่ งานประชาสัมพันธ์โครงการก่อสร้าง 5 โทร.0-3738-4208-9 ต่อ 133 หรือ www.thadandam.com
สอบถามข้อมูล "ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ" เพิ่มเติม ได้ที่ วริสร รักษ์พันธุ์ ผู้จัดการศูนย์ฯ 0-1970-3779
สอบถามข้อมูลท่าด่านโฮมสเตย์เพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-1804-4503, 0-3738-5015
การเดินทางมาจังหวัดนครนายก
ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนหมายเลข 305 รังสิต-องครักษ์ เข้านครนายก ระยะทาง 105 กิโลเมตร หรือจะใช้เส้นทางถนนหมายเลข 1 เลี้ยวขวาที่หินกองไปตามถนนสุวรรณศร ทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงนครนายก ระยะทาง 137 กิโลเมตร
ทางรถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ–นครนายก มีบริการรถโดยสารประจำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (ถนนกำแพงเพชร 2) ทุกวัน สอบถามได้ที่โทร.0-2936-3660, 0-2936-3666
ททท.ภาคกลางเขต 8 โทร.0-3731-2282, 0-3731-2284