xs
xsm
sm
md
lg

ทำไมถึงทำกับ“บันทายสรี”ได้!?! /ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี

แม้ว่าปราสาทบันทายสรี มีขนาดจิ๋วหากเทียบกับนครวัด

แต่ว่าก็เป็น“จิ๋วแต่แจ๋ว”เพราะมีความงดงามวิจิตรซึมแทรกอยู่แทบทุกอณูพื้นที่ของปราสาทแห่งนี้

ปราสาทบันทายสรีงดงามจนได้รับการยกย่องให้เป็นรัตนมณีแห่งศิลปะเขมร ที่ ณ วันนี้งามเป็นหนึ่งเกินกว่าจะมีปราสาทใดเปรียบได้ โดยเฉพาะลวดลายจำหลักหินทรายสีชมพูที่ปราสาทบันทายสรีนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดความงามแห่งปราสาทขอม เพราะทั้งวิจิตรงดงาม ละเอียดประณีต ดูพลิ้วไหวมีชีวิตชีวายิ่งนัก

แต่ว่าในความงดงามล้ำลึกของปราสาทบันทายสรีนั้น กลับมีเรื่องราวฉาวโฉ่เกิดขึ้นที่ปราสาทแห่งนี้ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่านี่คือการกระทำของคนที่มีชื่อเสียงจากประเทศที่อวดอ้างตนว่าเป็นประเทศศิวิไลซ์ เคารพในสิทธิของความเป็นมนุษย์และความเสมอภาคเท่าเทียมกัน...

1...

...มีรุ่งโรจน์ ย่อมมีเสื่อมสลาย...

หลังอาณาจักรขอมโบราณเรืองอำนาจยาวนานในยุคเมืองพระนคร(พ.ศ.1333-1974)กินเวลา 600 ร้อยกว่าปี ในที่สุดอาณาจักรพระนครก็เสื่อมสลาย

นครวัด นครธม และเหล่าบรรดาปราสาทขอมทั้งหลายต่างถูกทิ้งรกร้างเนิ่นนานหลายร้อยปี

ปราสาทบันทายสรีก็ถือเป็นหนึ่งที่ประสบชะตากรรมไม่แตกต่างจากปราสาทขอมอื่นๆ

จนในปี พ.ศ. 2401 อองรี มูโอต์ นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสได้ค้นพบปราสาทนครวัด พร้อมทั้งได้ทำการบันทึกและสเก็ตซ์ภาพของนครวัดไว้

พ.ศ. 2403 มูโอต์ ได้เปิดบันทึกและภาพสเก็ตซ์เกี่ยวกับนครวัดให้โลกตะวันตกได้รู้จักในหนังสือ “การท่องโลก”(Le Tour du Monde) ถึงความน่าทึ่งของนครวัด

พ.ศ. 2406 ฝรั่งเศสยึดกัมพูชาได้สำเร็จ

พ.ศ. 2408 ฝรั่งเศสส่งคณะสำรวจชุดแรกไปศึกษาปราสาทขอมที่(อดีต)เมืองพระนคร

พ.ศ. 2457-2461 ฝรั่งเศสส่งทีมบูรณะปราสาทนอกเมืองพระนครมีปราสาทบันทายสรีเป็นหนึ่งในนั้น โดยมี อองรี ปาร์มองติเยร์ เป็นผู้ขุดค้น และอองรี มาร์ชาล เป็นผู้บูรณะตามวิธี “อนัสติโลซิส” (ANASTYLOSIS)ทำให้ปราสาทบันทายสรีกลับมางดงามวิจิตรอีกครั้ง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงเลื่องลือไกลไปจนถึงหูของ อ็องเดร มาลโรซ์ นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศสอันเป็นที่มาของการกระทำชำเราต่อปราสาทบันทายสรี...

2...

13 ตุลาคม พ.ศ. 2466 อ็องเดร มาลโรซ์(ขอให้จับตาดูหมอนี่ไว้ให้ดี)นักเขียนหนุ่มอนาคตไกลชาวฝรั่งเศสผู้หลงใหลในความงามแห่งศิลปะขอมกับภรรยา ได้เดินทางจากเมืองมาร์เซย์(ฝรั่งเศส)สู่เสียมเรียบ(กัมพูชา) หลังจากได้รับรู้ในความงดงามวิจิตรของปราสาทบันทายสรี

มาลโรซ์มุ่งหน้าสู่เสียมเรียบในฐานะนักค้นคว้าทางโบราณคดี ที่ได้รับหนังสืออนุญาตอย่างเป็นทางการจากฝรั่งเศส โดยหน่วยงานของรัฐบาลฝรั่งเศสผู้ดูแลโบราณสถานในเสียมเรียมได้กำชับกับมาลโรซ์ว่า “ห้ามมิให้แตะต้องศิลปะวัตถุใดๆที่พบเจอในป่า โดยศิลปวัตถุจะต้องอยู่ที่เดิม ห้ามนำออกจากป่า”

แต่ว่าในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2466 มาลโรซ์กับภรรยาและเพื่อนอีก 3 คน ถูกจับที่พนมเปญเพราะพวกเขาได้ลักลอบนำหินแกะสลักของปราสาทบันทายสรีออกไป 7 ชิ้น โดยหนึ่งในนั้นมีภาพสลักหิน “โมนาลิซ่าแห่งเอเชีย" ที่เป็นเทพถือดอกไม้ที่กำลังจะบาน ซึ่งว่ากันว่าเป็นภาพสลักหินที่งดงามวิจิตรยิ่งนัก

งดงามจนทำให้มาลโรซ์ห้ามใจไม่อยู่ต้องขโมยศิลปะวัตถุ 7 ชิ้นของบันทายสรีออกไป ทำให้มาลโรซ์(เพียง)ถูกกักบริเวณอยู่ที่โรงแรม(น่าแปลกที่ไม่ติดคุก) ส่วนภรรยาของมาลโรซ์ได้เดินทางกลับฝรั่งเศส พร้อมชักชวนปัญญาชนนักคิด นักเขียน ซึ่งถือเป็นผู้นำทางภูมิปัญญาของฝรั่งเศสในยุคนั้นประท้วงการจับกุม โดยอ้างเหตุผลว่า มาลโรซ์ได้ทำประโยชน์อันทรงคุณค่าให้กับฝรั่งเศสจากงานเขียนของเขา ไม่นานนักมาลโรซ์ก็ได้รับอิสรภาพและเดินทางกลับฝรั่งเศสได้อย่างไม่ยากเย็น...

3...

พ.ศ. 2473 อ็องเดร มาลโรซ์ ตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง“ราชมรรคา” (LA VOIE ROYALE) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางผจญภัยอย่างตื่นเต้นและโรแมนติกตามเส้นทางราชมรรคา จากนครวัด(กัมพูชา)สู่พิมาย(ไทย)ของนายคล็อด เวเนค(Claude Veanek) ตัวเอกของเรื่องที่เป็นนักโบราณคดีหนุ่มจบใหม่ไฟแรงผู้พิสมัยอย่างแรงกล้าในงานศิลปะขอม ซึ่งเดินทางจากฝรั่งเศสมาเสี่ยงโชคเสาะหาภาพจำหลักหินศิลปะขอม

สำหรับแก่นของเรื่องราชมรรคา มาลโรซ์ ต้องการนำเสนอถึงความเป็นนิรันดร์ของงานศิลปะ และการต่อสู้เพื่อเอาชนะความตายที่ท้ายที่สุดมนุษย์ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ส่วนนายคล็อด เวเนค ตัวเอกของนวนิยายเรื่องราชมรรคาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวแทนของอ็องเดร มาลโรซ์ ผู้แต่งนวนิยายเรื่องนี้ ที่นอกจากจะไม่ต้องโดนลงโทษใดๆจากการกระทำเรื่องอื้อฉาวต่อปราสาทบันทายสรี หมอนี่ยังได้รับรางวัล “แอ็งแตราลิเย” เป็นรางวัลเกียรติยศคนแรกจากผลงานการประพันธ์เรื่องราชมรรคาในปี พ.ศ. 2473 อีกด้วย

หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2476 อ็องเดร มาลโรซ์ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากผลงานวรรณกรรมเรื่อง “มนุษยภาวะ” (La Condition Humaine) และในปี พ.ศ.2502-2510 มาลโรซ์ได้รับการแต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศส ท่ามกลางความงุนงงของนักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสจำนวนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตด้วยวัย 95 ปี ใน พ.ศ. 2519…

4...

ในขณะที่มาลโรซ์ได้รับการตอกย้ำความรุ่งโรจน์ด้วยตำแหน่งรมต.กระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศส ปราสาทบันทายสรีกลับชอกช้ำจากการถูกพรากภาพจำหลักหินอันวิจิตรงดงามไป โดยภาพจำหลักหินส่วนหนึ่งที่มาลโรซ์ลักลอบขนไปและถูกจับที่พนมเปญได้จัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพนมเปญ

นอกจากนี้ภาพจำหลักหินสวยงาม แปลกตา และโบราณวัตถุส่วนหนึ่งของปราสาทบันทายสรีก็ยังถูกฝรั่งเศสยึดไปเป็นสมบัติของตัวเองเมื่อคราวที่เดินทางเข้ามาบูรณะซ่อมแซมปราสาทขอมในเมืองเสียมเรียบ โดยโบราณวัตถุส่วนใหญ่ ถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กีเมต์ ซึ่งดูๆไปแล้วคล้ายๆกับกรณี“ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธ์”แห่งปราสาทหินพนมรุ้ง ไปปรากฏอยู่ที่ สถาบันศิลปะชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะใช้เวลาถึง 15 ปี ทวงกลับคืนมาตั้งเคียงคู่ปราสาทหินพนมรุ้งได้ในปี 2531

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปราสาทบันทายสรีนั้น“ธีรภาพ โลหิตกุล” นักเขียนสารคดีชื่อดังได้เปรียบเปรยเอาไว้ในหนังสือ“ชายชรากับบ่วงกรรมและคำสาป นครวัด นครธม”ตอน “หยาดน้ำตาเทวาลัย บันทายสรี” ว่า

...หากปราสาทบันทายสรีเป็นเด็กสาว ก็เป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสา ผิวกายละเอียดเนียนไร้รอยตำหนิ เลือดฝาดขับความเปล่งปลั่งที่พวงแก้มสีชมพูสด ดวงตาเป็นประกายใสซื่อ ปากนิดจมูกน้อย น่าทะนุถนอม...

ทว่า...เธอมีปูมหลังอันปวดร้าวด้วยเคยถูกข่มขืน!!!
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ปราสาทบันทายสรี อยู่ในเมืองเสียมเรียบ ห่างจากนครวัด นครธม ไปทางเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร สำหรับการเที่ยวชมปราสาทขอมในเขมรนั้นจะเสียค่าเที่ยวชม 20 เหรียญสหรัฐ(ประมาณ 1 พันบาท) ต่อวัน/คน ส่วนถ้าอยากเที่ยวนาน 3 วัน ซื้อตั๋ว 40 เหรียญ/คน เที่ยว 4-7 วัน ซื้อตั๋ว 60 เหรียญ/คน ส่วนค่าวีซ่าเข้าเขมรก็อยู่ที่ 20 เหรียญ(สถานทูตกัมพูชาในเมืองไทย อยู่ที่ ถ.ราชดำริ โทร. 0-2254-6630)

อนัสติโลซิส (ANASTYLOSIS) คือวิธีการอนุรักษ์โบราณสถาน โดยรื้อของเดิมลงมาแล้วทำรหัสไว้ จากนั้นทำฐานใหม่หรือโครงสร้างใหม่ให้แข็งแรง แล้วจึงนำชิ้นส่วนที่รื้อรวมทั้งที่พังทลายลงมากลับไปตั้งใหม่ในที่เดิม ตำแหน่งเดิม

การไปเที่ยวปราสาทบันทายสรี นครวัด นครธม หรือปราสาทอื่นๆในเสียบเรียบ หากไม่ไปกับบริษัททัวร์ก็สามารถเดินไปได้โดย

ทางเครื่องบิน : มีสายการบินบางกอกแอร์เวยส์บินตรง กรุงเทพฯ-เสียมเรียบ ทุกวัน วันละ 4 เที่ยว สอบถาม 1771

ทางรถยนต์ : เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือเข้าทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ผ่านด่านคลองลึกเข้าสู่ประเทศกัมพูชาที่ด่านปอยเปต แล้วผ่านจังหวัดบันเตียเมียนเจย สู่จังหวัดเสียมเรียบ ระยะทาง 154 กม. ใช้เวลาเดินทาง 4-5 ชม.เนื่องจากถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ (หากเป็นหน้าฝนอาจใช้เวลา 6-7 ชม.)

ปัจจุบันประเทศกัมพูชายังไม่อนุญาตให้คนไทยนำรถทะเบียนไทยไปขับในกัมพูชาได้ ยกเว้นกรณีที่ขออนุญาตสถานทูตกัมพูชาเป็นกรณีพิเศษ เช่นไปคาราวานทัวร์

ทั้งนี้ผู้ที่ไปเที่ยวชมปราสาทขอมต่างๆในเมืองเสียมเรียบ หากต้องการได้อรรถรสมากขึ้นควรหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม ที่น่าสนใจก็มี นิราศนครวัด:สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, ถกเขมร : ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ,ตำนานแห่งนครวัด:จิตร ภูมิศักดิ์, เมืองพระนคร-นครวัดนครธม : ยอร์ช เซเดส์ แปลโดย ปราณี วงษ์เทศ, ชายชรากับบ่วงกรรมและคำสาป นครวัด นครธม : ธีรภาพ โลหิตกุล, เที่ยวเขมร : วีระ ธีรภัทร

นิยายเรื่อง“ราชมรรคา”(LA VOIE ROYALE) ประพันธ์โดย อ็องเดร มาลโรซ์ มีฉบับแปลเป็นภาษาไทยโดย วัลยา วิวัฒน์ศร จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ใน พ.ศ. 2539

กำลังโหลดความคิดเห็น