หากจะถามว่าสิ่งประดิษฐ์ใดในโลกที่มหัศจรรย์ที่สุด หลายๆ คนคงจะตอบไปอย่างที่ใจคิด อย่างเช่นความสามารถของพี่น้องตระกูลไรท์ที่ประดิษฐ์เครื่องร่อนทำให้มนุษย์รู้ว่าเราสามารถบินได้อย่างไร หรือจะเป็น โทมัส อัลวา เอดิสันที่สามารคิดค้นหลอดไฟฟ้าได้เป็นผลสำเร็จ
แต่สำหรับ "ผู้จัดการตระเวนกิน" แล้วคิดว่า เจ้า "ตะเกียบ" ของชาวจีนนี่แหละมหัศจรรย์ที่สุด ก็จะไม่ให้คิดอย่างนั้นได้ไงละ ในเมื่อเพียงแค่ไม้เหลายาวๆสองแท่งก็สามารถใช้คีบอาหารเข้าปากได้แล้ว
พอพูดถึง "ตะเกียบ" ก็พลอยนึกไปถึงอาหารจีนขึ้นมาในบัดดล เหตุเพราะอาหารจีนกับตะเกียบถือได้ว่าเป็นของคู่กัน เนื่องจากชาวจีนรู้จักใช้ตะเกียบมากว่าพันปี นอกจะเป็นอุปกรณ์การกินที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารของชาวจีน ตะเกียบยังเปรียบเสมือนเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวจีน ว่ากันว่าคนที่จับตะเกียบได้ถูกต้องจะปัดพู่กันจีนในการเขียนอักษรได้คล่องแคล่วอีกด้วย
และพอพูดถึงอาหารจีนก็ทำให้กระเพาะส่งเสียงจ๊อกๆขึ้นมาทันใด "ผู้จัดการตระเวนกิน" เป็นคนตามใจปากและกระเพาะอยู่แล้ว มื้อนี้เราเลยจะไปหม่ำอาหารจีนที่ร้าน "เลิศรสโภชนา" ย่านเจริญกรุงกัน
เลิศรสโภชนาเป็นร้านอาหารจีนแต้จิ๋ว ซึ่งคุณอุทัย ศิริจรรยากุล เจ้าของร้านได้บอกกับเราว่าเปิดขายมานานกว่า 30 ปีและที่ร้านมีเมนูเด็ดที่รับรองว่ามีแห่งเดียวในประเทศไทยคือ สุกี้พระรามลงสรง (150 และ 200 บาท) ที่เสิร์ฟมาในหม้อสุกี้ เด่นตรงที่น้ำซุปเข้มข้น เพราะใส่สารพัดเครื่องเทศและสมุนไพรกว่า 20 ชนิด เวลากินคล้ายสุกี้คือใส่หมู ไก่ หรือเนื้อ กุ้ง (ตามแต่ชุดที่เลือกสั่ง) รสชาติที่ได้จะออกเค็มนิดๆ เข้มข้นเครื่องเทศ อร่อยไปอีกแบบ
ถัดมาเป็นอีกเมนูที่น่าสนใจคือ กุ้งนึ่ง (250บาท) ที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ว่าน่าสนใจเพราะเหมือนกับกินไข่ตุ๋นใส่กุ้ง เนื่องจากที่ร้านจะใช้กุ้งแม่น้ำผ่ากลางตัว แล้วนำไปใส่ในไข่ที่ปรุงรสและตีไว้ เสร็จแล้วนำไปนึ่ง ทำให้เมนูกุ้งนึ่งจานนี้หน้าตากระเดียดไปทางไข่ตุ๋นแถมรสชาติก็คล้ายเสียด้วย เวลากินได้กลิ่นเหล้าจีนอ่อนๆ แต่สำหรับใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านทางร้านก็เตรียมน้ำจิ้มซีฟู้ดไว้ให้
ใครๆก็รู้ว่าเนื้อปลาดีต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่พลาดที่จะสั่ง หัวปลาเผือก(150 และ 280บาท) หัวปลาของที่นี่ใช้ปลาซ้งเฮ้อ (ปลาจีน) นำมาชุบแป้งแล้วทอดให้สุก เสร็จแล้วนำไปต้มกับเผือกพร้อมกับปรุงรสออกกลางๆคือไม่เค็มไม่หวานจัด แต่เวลาตักน้ำซุปเข้าปากแล้วได้กลิ่นหอมของเผือกบวกกับหอมเจียวจนเกรียมซึ่งเป็นสูตรของทางร้าน ส่วนเนื้อตรงหัวปลาก็ไม่เปื่อยยุ่ยจนเกินไป เรียกว่ากินจนเพลินเลยทีเดียว
เคยกินแต่ปลาดิบสัญชาติญี่ปุ่นกันมานักต่อนัก มาคราวนี้ "ผู้จัดการตระเวนกิน" เลือกที่จะสั่ง ปลาดิบจีน (200 บาท) มาลองลิ้นดูบ้าง แต่ขอสารภาพตามตรงว่าพอเห็นหน้าค่าตาแล้วก็ไม่แน่ใจว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร เพราะภาพที่เห็นคือเนื้อปลาเฉาเฮ้อ (ปลาจีน) แล่บางๆโรยด้วยงาขาว กินแกล้มกับหัวไชเท้าขูดเป็นเส้นๆ หัวไชโป๊ว แตงกวาและคื่นฉ่าย ราดด้วยน้ำจิ้มหวาน แต่พอส่งเข้าปากแล้วก็ให้แปลกใจเพราะจากที่คิดว่าไม่น่าจะเข้ากันได้ กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เนื้อปลาสดไม่มีกลิ่นคาว เวลาเคี้ยวจะออกหวานหน่อยๆและมีรสเค็มนิดๆจากหัวไชโป๊ว เผลอแป๊ปเดียวหมดจานไม่รู้ตัว
สำหรับใครที่ยังมีที่ว่างเหลือในกระเพาะ ทางร้านเลิศรสโภชนาก็ยังมีเมนูน่าสนใจอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น ขาหมูตุ๋นถั่วดำเมืองจีน(โถละ 80 บาทหม้อไฟ 150 บาท) หอยกะพงผัดพริก (80บาท) ไก่นานึ่ง 200 บาท ยำกระเพาะปลา 120 บาท แต่สำหรับ "ผู้จัดการตระเวนกิน" นั้น ขอนั่งพักซักก่อนที่จะกลับไปหม่ำๆต่อ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *