ถ้าพูดถึงจังหวัดลพบุรีแล้วคุณนึกถึงอะไร??
คำตอบที่ได้คงจะวนเวียนอยู่แถวๆ ลิงศาลพระกาฬ พระปรางค์สามยอด ทุ่งดอกทานตะวัน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งสถานที่เหล่านี้บางคนคงเที่ยวกันจนปรุไปหมดแล้ว
คราวนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เลยนำเอาสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ ที่หลายคนยังไม่เคยไป เหมาะจะเที่ยวในช่วงหน้าฝนเป็นอย่างยิ่ง แถมยังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ มาแนะนำกัน สถานที่ที่ว่าก็คือ "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา" ต้นกำเนิดน้ำหยดแรกในเขื่อนป่าสัก และในวันนี้เราจะไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติกัน
เตรียมตัวเดินทางกันแต่เช้า หลังจากเติมกระเพาะให้เต็มเพื่อเตรียมแรงไว้เดินป่าเรียบร้อยแล้ว "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็เริ่มออกเดินทางไปยังผาเขากลาง จุดชมวิวของป่าซับลังกา จากที่ทำการเขตฯ เราเกาะท้ายกระบะโฟร์วีลวิ่งไปบนเส้นทางยาวประมาณ 3 กม. ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเราก็มาถึงผาเขากลาง จุดชมวิวแห่งหนึ่งของป่าซับลังกา ณ จุดนี้ เมื่อมองไปด้านหน้าจะเห็นเทือกเขายาวพาดขวางหน้า มีหมอกปกคลุมเล็กน้อย นั่นก็คือเขาพังเหย ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ หรือทุ่งดอกกระเจียวที่หลายๆ คนได้ไปชมกันมาแล้ว
ทิวทัศน์จากจุดนี้เป็นเหมือนเวิ้งที่สามารถมองไปได้กว้างไกล เมื่อมองลงไปยังหุบเขาเบื้องล่างระหว่างผาเขากลางกับเขาพังเหย หากใครตาดีก็จะเห็นที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา เจ้าหน้าที่เขตฯ บอกเราว่าถ้าหากมายืนอยู่จุดนี้ในช่วงหน้าหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายนจะเห็นสีของป่าชัดเจน เพราะในแถบนี้จะมีทั้งป่าไผ่ ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ซึ่งจะขึ้นอยู่ในระดับความสูงที่ต่างกัน มองเห็นสีที่แตกต่างของป่าแต่ละประเภทได้เป็นชั้นๆ ฟังดูท่าทางจะสวยงามไม่ใช่น้อย ถ้าใครมีเวลาว่างช่วงหน้าหนาวน่าจะลองมาดู อากาศหนาวๆ กับวิวสวยๆ น่าจะถูกใจใครหลายคน
จากผาเขากลางนั่งรถต่อมาอีกนิดหนึ่งเพื่อมาดู "ป่ากระเจียวย่อย" ซึ่งเป็นบริเวณที่มีดงดอกกระเจียวขึ้นอยู่เต็มบริเวณนับได้สัก 50 ดอกเห็นจะได้ ดอกกระเจียวของที่นี่เรียกว่า "บัวชั้น" เป็นคนละพันธุ์กับบัวสวรรค์แบบที่ป่าหินงาม และขนาดดอกก็มีความยาวกว่า คือยาวเกือบ 1 ฟุต กลีบแข็งเป็นสีชมพูสด แต่ใครอยากเห็นต้องรีบมาดู เพราะดอกกระเจียวจะบานอยู่แค่ในช่วงเดือนกรกฎาถึงสิงหาคมเท่านั้น
จริงๆ แล้วนอกจากป่ากระเจียวย่อยแล้ว ที่นี่ยังมีป่ากระเจียวใหญ่ ซึ่งมีดอกกระเจียวขึ้นอยู่เป็นบริเวณ 4-5 ไร่ แต่จะต้องเดินทางไปอีก 3 กิโล และเดินเท้าต่ออีกชั่วโมงหนึ่ง ซึ่งกินเวลาและกินแรงมากเกินไป พวกเราจึงขอเก็บโปรแกรมนี้ไว้คราวหลัง เพราะเดี๋ยวยังต้องใช้แรงไปกับการเดินป่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ "ห้วยพริก-น้ำตกผาผึ้ง" กันอีกเกือบๆ 4 ชั่วโมง
เมื่อถึงเวลาสายๆ พระอาทิตย์ทำมุมเฉียงๆ อยู่บนหัว ก็ได้เวลาที่เราจะเริ่มต้นเดินทางในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ งานนี้ได้พี่ ประพันธ์ หีบจันทร์กรี หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกาเป็นผู้นำทาง เราทำข้อตกลงร่วมกันก่อนเดินทางว่า หนึ่ง จะไม่เดินออกนอกเส้นทาง ต้องเดินตามคนนำทางเพื่อความปลอดภัย สอง ของป่าต้องอยู่ในป่า ห้ามเก็บสิ่งใดๆ ออกไปนอกจากภาพถ่าย สาม ห้ามทิ้งขยะทุกชนิดไว้ในป่า และสี่ ห้ามส่งเสียงดังขณะเดินป่าถ้าไม่อยากสร้างความแตกตื่นให้สัตว์ป่า แค่สี่ข้อเท่านี้ ทำตามกันได้สบายๆ อยู่แล้วใช่ไหม
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติห้วยพริก-น้ำตกผาผึ้งนั้นมีระยะทางไปกลับ 3.2 กิโลเมตร ไม่ไกลมาก แค่เหนื่อยพอดีๆ ใช้เวลาเดินบ้างพักบ้างประมาณ 4 ชั่วโมงด้วยกัน ระหว่างทางพี่ประพันธ์ก็จะชี้ให้ดูธรรมชาติที่น่าสนใจต่างๆ อย่างต้นพระเจ้าห้าพระองค์ ไม้มงคลที่ชักจะหายากขึ้นทุกวัน แต่ยังมีอยู่มากที่ป่าซับลังกา เหตุที่เรียกว่าต้นพระเจ้าห้าพระองค์นี้มีที่มา ตรงเมล็ดของมันที่เมื่อขูดเนื้อออกจนหมดแล้วจะเห็นลวดลายเหมือนมีพระ 5 องค์อยู่บนเมล็ด ซึ่งบางคนก็ถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
นอกจากพระเจ้าห้าพระองค์แล้ว ก็ยังมีต้นไม้ใหญ่อื่นๆ อย่างต้นตะเคียน ต้นยางนา แต่ที่ใหญ่และพิเศษกว่าต้นอื่นๆ ก็เห็นจะเป็น "ไผ่ปล้องห่าง" ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นต้นไผ่ป่าธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือความยาวของปล้องไผ่แต่ละปล้องนั้นมีความยาวเป็นเมตรๆ ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองฟุตแบบไผ่ปกติ สิ่งนี้น่าจะแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าซับลังกาได้
ระหว่างทางเดินมีลำธารสายเล็กๆ ที่ไหลมาจากน้ำตกผาผึ้งทำให้บริเวณทางเดินดูชุ่มฉ่ำ เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเห็ดยิ่งนัก พี่ประพันธ์สอนให้เราสังเกตเห็ดพิษกับเห็ดกินได้ หากเห็ดกินได้จะมีรอยกัดแทะของสัตว์บ้างเล็กน้อย แต่เห็ดพิษจะถูกปล่อยไว้ให้บานเต็มขอนไม้จนแก่ตายไปเองโดยที่ไม่มีใครไปยุ่งกับมันเลย และนอกจากความชุ่มฉ่ำจะทำให้เกิดเห็ดแล้ว ก็ยังทำให้ทางเดินนั้นลื่นด้วย บางคนไม่ระวังก็ได้ลงไปนั่งเล่นน้ำแบบไม่ตั้งใจ
ระยะทาง 500 เมตรจากจุดเริ่มต้น เราก็เดินทางมาถึงน้ำตกผาผึ้งชั้นที่หนึ่ง แม้จะเป็นน้ำตกที่ขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ต้นกำเนิดของมันมาจากแหล่งน้ำซับจากรากต้นไม้ในป่าดงดิบบนเทือกเขารวก ทำให้มีน้ำไหลตลอดปี อาจแห้งไปบ้างในช่วงหน้าแล้ง แต่สายน้ำในวันที่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ไปเห็นมานั้น ทั้งใสทั้งเย็นน่าลงไปนอนแช่จริงๆ
ทางเดินในป่านั้นร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ บางทียังเผลอคิดไปว่าเป็นตอนเย็นแล้ว ทั้งที่เข็มนาฬิกาชี้บอกว่าตอนนี้คือเวลาเที่ยง แต่ถึงอากาศเย็นยังไงก็ยังได้เหงื่ออยู่ดี เพราะทางเดินที่ดูเหมือนว่าจะสบายๆ ในช่วงแรก กลายเป็นทางที่ต้องปีนป่ายใช้กำลังพอสมควรเลยทีเดียว บางตอนก็ถึงกับต้องตะกายใช้แรงตัวเองบ้างแรงเพื่อนบ้างทั้งดึงทั้งดันกันมาตลอดทาง จนมาถึง "ถ้ำผาผึ้ง" อีกจุดหนึ่งของเส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้
ถ้ำผาผึ้งเป็นถ้ำขนาดกลาง มีหินงอกหินย้อยสวยงามอยู่ภายใน ก่อนนี้ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเลียงผา และมีผึ้งมาทำรังตามหน้าผาและต้นไม้ใหญ่ๆ บริเวณนี้ แต่ตอนนี้ทั้งเลียงผาทั้งผึ้งต่างก็ย้ายบ้านไปกันหมดแล้ว แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้บ้าง อย่างเช่น รังผึ้ง และขี้เลียงผา เป็นต้น และนอกจากร่องรอยของสัตว์ทั้งสองอย่างนี้แล้วก็ยังมีร่องรอยของพระธุดงค์ที่มาปักกลดอยู่บนถ้ำแห่งนี้อีกด้วย
แวะพักให้หายเหนื่อยกันบนถ้ำสักครู่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็ตะเกียกตะกายไปต่อยังจุดสุดท้ายของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติห้วยพริก-น้ำตกผาผึ้ง นั่นก็คือป่าจันทน์ผาบนยอดเขาหินปูน ที่นี่เรียกว่าเป็นป่าจันทน์ผาได้จริงๆ เพราะมีต้นจันทน์ผาสลับกับสลัดไดอยู่เต็มยอดเขาไปหมด งานนี้เรียกว่าได้ปีนเขากันแบบจริงๆ จังๆ เพราะสองเท้าต้องคอยหาที่เหยียบเหมาะๆ บนหินยอดแหลมๆ ส่วนสองมือก็ต้องคอยหาที่เกาะให้มั่นๆ จริงๆ แล้วต้นจันทน์ผาก็มีให้เกาะให้เหนี่ยวอยู่เยอะแยะ เพียงแต่ไม่ค่อยจะมั่นใจนัก เพราะพี่ประพันธ์บอกว่าถึงมันจะดูแข็งแรง แต่จริงๆ แล้วต้นจันทน์ผาเป็นไม้ที่ไม่มีแก่น ใช้เกาะประคองตัวก็พอได้ แต่หากออกแรงเหนี่ยวแบบเต็มที่ ดีไม่ดีต้นอาจหักโครมลงมาตกเขาไป อันนี้ถึงตายได้เชียวนะ
นอกจากจะได้ตื่นตาตื่นใจกับต้นจันทน์ผามากมายแล้ว ตามซอกหินระหว่างทางก็ยังมีสิ่งสวยงามซ่อนอยู่ อย่างกล้วยไม้รองเท้านารีพันธุ์เหลืองปราจีนสีสดใสห้อยระย้าอยู่นั่นไง เป็นความงามที่เป็นธรรมชาติแท้ๆ เหมือนสาวน้อยขี้อายคอยหลบอยู่หลังหน้าต่างยังไงอย่างงั้น
เป็นอันจบเส้นทางการเดินป่าศึกษาธรรมชาติห้วยพริก-น้ำตกผาผึ้งแบบเหน็ดเหนื่อยกันพอประมาณ แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือการได้ใกล้ชิดและเรียนรู้ธรรมชาติ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเข้าใจและเป็นจุดกำเนิดสำนึกดีๆ ต่อธรรมชาติกันต่อไป
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา การเดินทาง
ที่พัก ร้านอาหาร
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
นั่งรถไฟไปเมืองละโว้ ทัวร์ 9 วัด-วัง-เวียง
สุนทรีย์แห่งเสียงเพลง บรรเลงย้อนความทรงจำ ณ พระราชวังนารายณ์ฯ
เมืองลิงลพบุรี เมืองนี้มีอะไร?
เพลิดเพลินกับ 1 วันใน “ลพบุรี”
ใจอาจหาญ ผสานจิต สู่ผู้พิชิตหน้าผา“เขาจีนแล”
"ทัวร์ทหาร" ท่องเที่ยวแบบทหารหาญ