xs
xsm
sm
md
lg

พักผ่อนหย่อนใจ ใกล้เมืองกรุง ที่ “นครปฐม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ช่วงนี้หันไปทางไหนอะไรก็แพง ไล่มาตั้งแต่ น้ำมันที่ขยับขึ้นราคาได้ไม่เว้นแต่ละวัน แม้แต่ข้าวราดแกงที่เคยกินประจำราคาก็ยังแพงขึ้น(แต่ได้ปริมาณเท่าเดิม) สินค้าอุปโภค-บริโภคหลายรายการดูจะเตรียมจ่อคิวขึ้นราคากันจนยาวเป็นหางว่าว เศรษฐกิจก็ดูเหมือนจะหดตัว ส่งผลให้หลายคนหน้าดำคร่ำเครียดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แถมรัฐบาลก็ออกมาประกาศปาวๆให้ประหยัดพลังงาน ซึ่งแน่นอนว่าหมายรวมไปถึงน้ำมันด้วย

แต่จะให้คนชอบเที่ยวอย่าง “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เลิกเดินทางไปเลยนั้นดูจะเป็นการทำร้ายจิตใจกันเกินไป แต่ทำอย่างไรได้เพราะใจจริงเราก็อยากเป็นพลเมืองดีของชาติ ก็เลยต้องหาที่เที่ยวใกล้ๆกรุงเทพฯ อย่างจังหวัดนครปฐมเพราะเพียงแค่ขับรถมาชั่วโมงกว่าๆก็สามารถเที่ยวสถานที่ที่น่าสนใจของจังหวัดนครปฐมได้แล้ว อย่างนี้เรียกว่าช่วยชาติประหยัดน้ำมันแถมยังเป็นการกระจายรายได้ เข้าสูตรของรัฐบาลเป๊ะ

เราเริ่มต้นด้วยการมาสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ที่อยู่ในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน “ผู้จัดการท่องเที่ยว” สังเกตเห็นว่าองค์พระปฐมเจดีย์นั้นสูงเหลือเกินและมีความงดงามมาก ถามไถ่คนแถวนั้นได้ความว่าแต่เดิมนั้นองค์พระปฐมเจดีย์สูงเพียง 19 วา 2 ศอก แต่ที่เห็นว่าใหญ่โตโอฬารเหมือนทุกวันนี้ก็เนื่องจากในปี พ.ศ. 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้บูรณะโดยสร้างเจดีย์องค์ใหม่หุ้มเจดีย์องค์เดิมไว้ ภายในมีส่วนสูงถึง 3 เส้น 1 คืบ 10 นิ้ว ฐานวัดโดยรอบ 5 เส้น 17 ว่า 3 ศอก

หลังจากที่สักการะองค์พระปฐมเจดีย์เสร็จแล้ว “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ก็ได้เดินทอดน่องไปเรื่อยๆจนมาพบกับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันจึงเกิดความสนใจและเร็วกว่าสมองสองเท้าก็ก้าวพาเราเข้าไปยืนอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้ว ภายในจัดแสดงเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นการย้อนอดีตเพื่อให้ทราบว่าก่อนจะมาเป็นนครปฐมในปัจจุบัน ดินแดนแห่งนี้มีความเป็นมาอย่างไร สำหรับโบราณวัตถุที่จัดแสดงในส่วนนี้จะเป็นพวกเครื่องใช้สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เครื่องประดับ เครื่องดินเผาต่างๆ

ส่วนที่สองจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวความเชื่อต่างๆ รวมไปถึงศาสนาเพราะฉะนั้นโบราณวัตถุในส่วนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพระพุทธรูป ธรรมจักรที่อยู่ในสมัยทาราวดี ส่วนที่สามจะเป็นช่วงสมัยที่ความรุ่งเรืองของทวารวดีผ่านพ้นไปและเรื่องราวดำเนินมาจนกระทั่งเมืองนครปฐมได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น มณฑลนครชัยศรีและได้รับการยกฐานะขึ้นมาจนเป็นจังหวัดดังเช่นปัจจุบัน

เราออกจากวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารด้วยจิตใจอิ่มบุญพร้อมกับความรู้และความเข้าใจในส่วนที่เกี่ยวเนื่องของจังหวัดนครปฐม “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ว่าหากมีโอกาสศึกษาหรือรู้ประวัติความเป็นมาของสถานที่ที่เราจะไปเยือนก็ทำให้เราสามารถเข้าใจวัฒนธรรมหรือประเพณีท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกันได้ง่ายและจะทำให้การเดินทางสนุกขึ้น

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและโอกาส “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เลยเดินทางต่อไปยัง “พระราชวังสนามจันทร์” หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์(2)ที่อยู่ไม่ไกลจากองค์พระปฐมเจดีย์เท่าใดนัก

พระราชวังสนามจันทร์นี้สร้างขึ้นจากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ไว้สำหรับเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในโอกาสเสด็จฯ มาสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ และเพื่อประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ นอกจากนี้ยังทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับซ้อมรบเสือป่า

ภายในบริเวณกว่า 888 ไร่ประกอบด้วยหมู่พระตำหนักที่สร้างขึ้นอย่างงดงามและทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมมากมาย อาทิ พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรกสร้างขึ้นเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตกแต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา โดยสร้างช่องระบายลมที่ฉลุเป็นลวดลายปราณีตงดงาม

จุดมุ่งหมายต่อไปคือการไปชมหุ่นขี้ผึ้งที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ที่ตั้งอยู่บนถนนสายปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ซึ่ง “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ได้ยินเสียงร่ำลือมานานแล้วว่าเป็นการปั้นหุ่นขี้ผึ้งที่เหมือนคนจริงๆมาก แต่จะเหมือนจริงหรือไม่ต้องพิสูจน์

ทันทีที่เท้าเหยียบย่างก้าวเข้ามาในบริเวณของพิพิธภัณฑ์ “ผู้จัดการท่องเที่ยว”ก็ต้องขนลุกซู่เพราะบรรดาหุ่นขี้ผึ้งที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์นั้นจัดได้ว่าเข้าขั้น “เหมือนมาก”ส่วนแรกของพิพิธภัณฑ์ที่เราได้เข้าไปเยี่ยมชม ก็คือ ภายในบริเวณอาคารชั้นที่ 1 ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งหุ่นขี้ผึ้งชุดแรกที่ได้ชมก็คือ “ชุดมุมหนึ่งของชีวิต” เป็นหุ่นจำลองชีวิตมนุษย์ในอิริยาบถต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเล่นหมากฮอด การรอคอยจนหลับไป ซึ่งเมื่อ เดินเข้าไปชะโงกดูใกล้ๆด้วยอาการกล้าๆกลัวๆแล้วก็ให้ทึ่งกับฝีมือฝีมือสร้างสรรค์และอารมณ์อันละเอียดอ่อนของศิลปินเสียไม่ได้ เพราะนักปั้นนามว่าอาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ ซึ่งเป็นการปั้นหุ่นขี้ผึ้งตามแนวทางของมาดามทุซโซ ได้ใส่ใจในรายละเอียดทุกตารางเมตร ชนิดที่เรียกว่าเหมือนทุกรูขุมขนและรอยตีนกาเลยทีเดียว

หุ่นขี้ผึ้งชุดต่อมาก็คือ “ชุดอริยสงฆ์” เป็นการจัดแสดงหุ่นจำลองของพระอริยสงฆ์มีชื่อเสียงหลายองค์ในบรรยากาศที่เหมือนจริง ซึ่งประวัติของพระแต่ละองค์นั้นก็จะมีติดไว้ให้อ่านตามฝาผนังของห้องจัดแสดง ถัดมาอีกห้องเป็นห้องโถงใหญ่ จัดแสดงหุ่นจำลอง “ชุดพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี” ซึ่งเป็นผลงานเทิดพระเกียรติ ประกอบด้วยหุ่นจำลองพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-8 ภายในห้องจัดแสดงตกแต่งเป็นท้องพระโรงอันสวยงาม

แต่หากใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของวงสุนทราภรณ์แล้วละก็ ต้องเดินขึ้นมายังชั้นสอง ส่วนนี้จะมีรูปปั้นของครูเอื้อ สุนทรสนาน ซึ่งตามประวัติว่าไว้ว่าท่านเป็นหัวหน้าวงดนตรีคนแรกของกรมโฆษกและได้แต่งเพลงเผยแพร่ออกอากาศทำให้เป็นที่นิยมของคนในยุคนั้น ส่วนที่มาของชื่อวงสุนทราภรณ์นั้นได้มาจากการที่ท่านนำนามสกุลของตนเองไปบวกกับคำว่า “อาภรณ์”ซึ่งเป็นชื่อของคนรัก จึงได้ชื่อวงดนตรีที่มีความหมายออกมา

เมื่อเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์กันจนหนำใจแล้ว เราจึงเคลื่อนขบวนไปต่อไปยัง “ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้สามพราน”ที่นี่เราได้มีโอกาส“นั่งช้างลอดน้ำตก” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมมาก จากนั้นเราก็ไปดู “การแสดงจับจระเข้ด้วยมือเปล่า”ที่ต้องบอกก่อนว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวห้ามลอกเลียนแบบ เพราะผู้แสดง(ที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี)จะเข้าไปอยู่บ่อเดียวกับจระเข้ที่นอนอ้าปากอวดเขี้ยวอันแหลมคม จากนั้นเขาก็จะค่อยๆเอาศีรษะเข้าไปอยู่ในปากของจระเข้ จังหวะนี้เองที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว”สังเกตเห็นผู้ชมหลายคนพลอยลุ้นไปด้วยจนพาลไม่หายใจหายคอกันเลยทีเดียว

พักความหวาดเสียวจากจระเข้แล้ว เราก็หันเหความสนใจมาอยู่ที่“การแสดงช้างประกอบเสียง” ซึ่งมีทั้งการแสดง “นักเต้นเท้าไฟ” ของเจ้าช้างน้อย หรือ “ช้างเตะฟุตบอล” รวมทั้งการแสดงต่างๆอีกมากกว่า 10 ชุด และที่สำคัญ คือ การแสดง “ยุทธหัตถี” ของสมเด็จพระนเรศวร เป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ตระการตามากและก็เป็นครั้งที่สองในวันนี้ที่ทำให้เราต้องทึ่งในความแสนรู้ของช้างไทย ที่ ณ ได้เปลี่ยนสถานภาพจากช้างที่ใช้ในการศึกสงครามมาเป็น “นักแสดง”ที่แม้แต่มืออาชีพยังอาย

และในช่วงนี้สถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 3 แห่ง(ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้สามพราน ,สวนสามพราน,พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย) ได้ร่วมกันจัดโครงการ 3 In 1 Classic ขึ้นโดยได้มีการจำหน่ายบัตร3 In 1 Classic (199 บาท) แก่นักท่องเที่ยวเพื่อใช้ผ่านประตูเข้าชมกิจกรรมต่างๆได้ทั้ง 3 แห่ง ดังนั้นถ้าใครที่มีเวลาว่างและยังไม่เคยมาเที่ยวที่นครปฐมหรือใครที่เคยมาแล้วก็ลองแวะเวียนมาเที่ยวที่นี่ในรูปแบบนี้ดูสักครั้ง อาจจะได้รับอรรถรสใหม่ๆของการท่องเที่ยวกลับไปก็ได้
 

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

บัตร3 In 1 Classic มีจำหน่ายที่ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้ สามพราน (โทร.0-2429-0361-2),สวนสามพราน(โทร.0-3432-2544-7)และพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง(โทร.0-3433-2061) ในราคา 199 บาท(หมดเขต 31 ธ.ค.48) สนใจสอบถามรายละเอียดเรื่องท่องเที่ยว จ.นครปฐมเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์การท่องเที่ยว จ.นครปฐม 0-3434-0065-6

 

กำลังโหลดความคิดเห็น