xs
xsm
sm
md
lg

ขับรถท่องแดนกีวี ยลสีสันเกาะใต้แห่ง“นิวซีแลนด์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : ลูกหว้า

หลังจากที่คราวที่แล้วฉันมีโอกาสได้เที่ยวตามรอยหนังดังอย่างเรื่อง เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ที่เกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคิวไปขับรถตะลุยเกาะใต้กันบ้าง

สำหรับการการขับรถในประเทศนิวซีแลนด์นั้นมีกฎหมายที่เคร่งครัดเอาการอยู่ ซึ่งถึงแม้ว่าจะขับรถเลนซ้ายเหมือนบ้านเรา แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวจะต้องมีใบขับขี่สากลเสียก่อนถึงจะเช่ารถได้ นอกจากนี้ยังจะต้องมีอายุครบ 21 ปีด้วย

หลังจากที่ฉันแน่ใจว่าตัวเองมีคุณสมบัติครบถ้วนจนสามารถขับรถในประเทศนี้ได้แล้ว ก็จัดแจงเช่ารถพร้อมกับเลือกเส้นทางการขับรถเที่ยวครั้งนี้ไปพร้อมๆกัน ฉันตกลงใจเลือกเส้นทางควีนทาวน์-เมาท์คุ๊ก-ไครสเชิร์ช(Queenstown - Mt Cook - Christchurch ) ระยะทางประมาณ 636 กิโลเมตร(398 ไมล์) ใช้เวลา 3 วัน ฉันก็จะเห็นทั้งเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเกาะใต้คือไครสเชิร์ช นอกจากนี้ยังจะเห็นภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์คือเมาท์ คุ๊ก

แต่ก่อนจะเดินทางนั้นฉันต้องตระเตรียมสัมภาระอยู่พอสมควร เพราะที่เกาะใต้ของนิวซีแลนด์นี้อากาศจะหนาวเย็นกว่าที่เกาะเหนือประมาณ3-4 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่มาจากเมืองร้อนจะต้องหวังที่จะเห็นหิมะตก(เพราะบ้านเราไม่มี) แต่ในขณะเดียวกันในใจก็อดหวั่นใจกับความหนาวเย็นที่จะต้องเผชิญไม่ได้ ทำให้ต้องเตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อม ใครจะว่าฉันบ้าหอบฟางก็ช่าง...ก็ฉันไม่อยากหนาวตายนี่นา

ฉันเริ่มออกเดินทางกับเพื่อนจากเมืองควีนส์ ทาวน์ (Queenstown)ในตอนสายๆของวันที่อากาศดี และเมื่อล้อหมุนทุกอย่างก็ดูจะหมุนตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือแม้กระทั่งความรู้สึกสนุกสนาน โดยฉันเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์สองข้างทางของเมืองควีนส์ ทาวน์ แต่ก็ไม่ลืมที่จะรักษาระดับความเร็วรถไม่ให้เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะกฎหมายของที่นี่บังคับเอาไว้

เมื่อขับมาได้ไม่นานก็ถึงไอลไพน์ รีสอร์ท(alpine resort) ซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจรวมทั้งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีชื่อเสียงของเมืองควีนส์ทาวน์ เหมาะแก่ผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการกระโดดบันจี้จัมพ์ การเล่นเรือเจ็ท หรือแม้แต่การเล่นเซิร์ฟ แต่สำหรับฉันยังใจไม่ถึงพอจะเล่นกิจกรรมผาดโผนโจนทะยานขนาดนั้น จึงทำได้เพียงหาที่นั่งเหมาะๆใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อที่จะปิกนิกกินอาหารว่างและนั่งพักผ่อนกัน

นั่งพักเหนื่อยอยู่ได้ซักครู่ก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ ซึ่งระหว่างการเดินทางเพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมายคือเมืองไครสเชิร์ชนั้น จะต้องผ่านเมืองต่างๆมากมายและหนึ่งในนั้นก็คือเมืองแอร์โรว์ทาวน์ (Arrowtown) ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญของนิวซีแลนด์ ที่ครั้งหนึ่งในอดีตมีนักแสวงโชคอย่างพวกขุดทองมากมายมาตั้งรกรากที่เมืองนี้ ถ้ามาถึงฉันแนะนำให้ไปดูเหมืองชุมชนชาวจีนตามริมแม่น้ำแอร์โรว์ แล้วถ้าจะให้ได้อารมณ์ต้องจินตนาการย้อนไปเมื่อครั้งมีการทำเหมืองจริงๆ จะได้อารมณ์มาก โดยในคืนนี้แอร์โรว์ทาวน์ คือเมืองที่ฉันเลือกค้างแรมเพื่อพักผ่อนเอาแรง ก่อนจะตะลุยขับรถต่อไปในวันรุ่งขึ้น

..........................................................

เช้าวันใหม่...

ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก การได้สูดอากาศดีๆยามเช้าที่นิวซีแลนด์นี้วิเศษจนต้องนึกขอบคุณโชคชะตาที่พาฉันมาถึงที่นี่ หลังจากจิบกาแฟยามเช้าที่ร้านกาแฟกิ๊บเก๋ในเมืองแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางต่อไปยังสวนองุ่นกิ๊บสตัน(Gibbston ) ที่มีไร่องุ่นยาวสุดลูกหูลูกตา แต่การเดินชมไร่องุ่นนั้นมีกฏว่าห้ามทำร้าย-หยิกหรือเด็ดองุ่นในเขตห้ามเด็ดมากินเด็ดขาด เนื่องจากองุ่นเหล่านี้ถูกประคบประหงมเป็นอย่างดีเพื่อใช้ทำไวน์หรือส่งขายต่อไป

ขับรถมาเรื่อยๆก็เห็นรูปปั้นแกะขนยาวใหญ่ยักษ์ เป็นเครื่องหมายบอกว่าเราได้เข้าเขตแดนของเมืองโอมารามา(Omarama)แล้ว ที่เมืองนี้มีลมพัดแรงพอสมควรทำเอาฉันต้องห่อตัวและดึงเสื้อให้กระชับขึ้น แต่ก็มิวายหนาวอยู่ดี แต่มองขึ้นไปบนฟ้าเห็นผู้คนมากมายที่อยากเป็นนกก็เลยทำตัวเหมือนนก ขึ้นไปโบยบินบนท้องฟ้าด้วยเครื่องร่อนดูหวาดเสียวดีแท้

เมืองต่อไปที่เราจะเดินทางไปคือเมืองทไวเซิล( Twizel) แต่ตอนนี้ฉันได้เปลี่ยนหน้าที่จากคนขับมาเป็นเนวิเกเตอร์เรียบร้อยแล้ว ทำให้มีเวลาชื่นชมธรรมชาติสองข้างทางอย่างเต็มที่ พอเข้าเขตเมืองทไวเซิลก็จะเห็นอาณาบริเวณส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำอาฮูริ(Ahuriri) และปลาเทร้าสีน้ำตาล ถือเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้เมืองนี้

พอรถแตะเบรก...ฉันก็รู้ว่าได้เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติเมาท์คุ๊ก( Mt Cook) ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในนิวซีแลนด์คือมีความสูงถึง 3,755เมตร(เหนือระดับน้ำทะเล) สถานที่แห่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งแห่งที่ในแต่ละปีสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาชมความสวยงามของเมาท์คุ๊กกันอย่างไม่ขาดสาย เพราะเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในทวีปออสเตรเลีย หลายคนติดใจการเดินเท้าเข้าป่าชมความอุดมสมบูรณ์ของป่า แต่สำหรับฉันก็ได้เห็นเมาท์คุ๊กก็พอใจแล้ว เพราะตอนนี้เรี่ยวแรงที่มีก็เหลือน้อยเต็มทีเลยตัดสินใจขับรถเข้าเมืองเพื่อหาที่พักผ่อนในคืนนี้

..............................................

พระอาทิตย์ทอแสงยามเช้าตรงขอบฟ้า ฉันนั่งอ่านแผนที่ได้ความว่าก่อนจะเดินทางไปถึงเมืองไครสเชิร์ช จะต้องผ่านทะเลสาบทีคาโป( Lake Tekapo) ซึ่งถนนสายนี้นำฉันมุ่งสู่หุบเขาทาสมัน( Tasman Valley) ไปสู่ทะเลสาปพูคากิ(Lake Pukaki)ที่งดงามยิ่ง น้ำสีฟ้าเทอคอยส์จัดจ้านสะกดสายตาให้จ้องมองอย่างหลงใหล

ทิวทัศน์ริมสองฟากถนนค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามความเร็วของรถที่พาเราออกจากที่ราบแม็คเค็นซี (Mackenzie)เรื่อยไปจนถึงภูเขาฮัทท์(Mt.Hutt) ซึ่งหากได้ขึ้นไปอยู่ในมุมสูงแล้วละก็จะสามารถเห็นสายน้ำราคาย่า( Rakaia )ที่เกาะเกี่ยวเหมือนกับถูกถักทอด้วยน้ำมือของธรรมชาติอย่างสวยงาม

หลังจากที่ผ่านเมืองและสถานที่น่าสนใจในเกาะใต้มามากมาย ชะเง้อคอมองในรถก็มาก ลงไปดูให้เห็นกับตาก็เยอะ ในที่สุดฉันก็เดินทางมาถึงไครสเชิร์ช (จุดสุดท้ายของการขับรถเที่ยวของฉัน) เมืองที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ ฉันขับรถผ่านสวนสาธารณะ แฮกลีย์ เรื่อยไปจนถึงศาลาว่าการประจำเมืองที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ที่สวยงาม จากนั้นชมความงามของแม่น้ำเอวอน(Avon) ที่ไหลผ่านกลางเมืองก็เป็นอันจบทริปอันแสนสุข

ฉันว่าการเดินทางแต่ละครั้งของแต่ละคนได้ให้อะไรมากมายนอกเหนือจากการพักผ่อน สำหรับฉันถึงจะเหนื่อยกายสักเพียงใด แต่หัวใจกลับเต็มอิ่มไปด้วยความสุขที่ได้พบเจอระหว่างทางในนิวซีแลนด์

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

 

ประเทศนิวซีแลนด์ได้ชื่อว่ามีความปลอดภัยบนท้องถนนสูง ประชาชนและนักท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัด นอกเหนือจากการขับรถเลนส์ซ้ายและการสังเกตไฟจราจรพร้อมป้ายบอกทางแล้ว นักท่องเที่ยวจะต้องรักษาระดับความเร็วในการขับรถ ซึ่งแบ่งเป็นนอกเมืองอนุญาตให้ขับได้ 100 กม.ต่อชั่วโมง

 

ส่วนในเมืองอยู่ที่ 50 กม.ต่อชั่วโมง ส่วนระยะทางจะบอกเป็นหลักกิโลเมตร(KMS) ผู้เช่ารถจะต้องมีใบขับขี่สากลและมีอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี และสภาพถนนจะมีความแตกต่าง เช่น ถนนที่ไม่มีการราดยางบนเส้นที่แยกจากไฮเวย์ ประกันรถอาจไม่คุ้มครองถนนบางสาย เพราะฉะนั้นควรสอบถามจากบริษัทรถเช่าและให้ทำเครื่องหมายบนแผนที่ว่ามีเส้นทางใดบ้างก่อนขับรถ ถนนบางเส้นในฤดูหนาวอาจมีหิมะ ควรดูป้ายบอกสัญลักษณ์ถนนลื่นและขับให้ช้าลง หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหันบนถนนที่มีน้ำแข็ง หากขับรถในชนบทควรระวังฝูงสัตว์ อาทิ วัว ฝูงแกะ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.0-2670-0774 ถึง 6  หมายเหตุ : ภาพจากการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์

 

กำลังโหลดความคิดเห็น