อุดรฯเป็นเจ้าภาพประชุมความร่วมมือด้านท่องเที่ยว ในโครงการ"สามเหลี่ยมมรดกโลก"บ้านเชียง-หลวงพระบาง-ฮาลอง พร้อมลงนามข้อตกลงส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน หวังดึงนักท่องเที่ยวเข้าแหล่งมรดกโลกให้มากขึ้น ขณะเดียวกันภายในงานยังจัดให้เอเย่นต์ทัวร์ทั้ง3ชาติเจราจาซื้อขายทางธุรกิจกันอีกด้วย
จารึก ปริญญาพล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 7-10 กรกฎาคม ที่โรงแรมเจริญศรี แกรนด์รอยัล ตัวแทนเจ้าหน้าที่ภาครัฐและเอกชน ที่เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวจากแขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) จังหวัดกวางบิงห์ สาธารณรัฐเวียดนาม และตัวแทนจากจังหวัดอุดรธานีจะร่วมประชุมหารือข้อตกลงความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ในโครงการสามเหลี่ยมมรดกโลกร่วมกัน ซึ่งสามเหลี่ยมมรดกโลกดังกล่าวหมายถึง บ้านเชียง จ.อุดรธานี เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาวและอ่าวฮาลองเบย์ เมืองกวางบิงห์ เวียดนาม
"สาระสำคัญที่เราจะหารือจะเน้น ไปที่ความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนทางด้านการศึกษา วัฒนธรรมประเพณีระหว่างเมืองมรดกโลกทั้ง 3 แห่ง ซึ่งล่าสุดเมื่อตันเดือนเมษายน ผู้แทนของอุดรฯก็ได้เดินทางไปกวางบิงห์ เพื่อร่วมฉลองครบ10 ปี ที่อ่าวฮาลองเบย์ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก"นายจารึกกล่าว
สำหรับโครงการความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวสามเหลี่ยมรดกโลก บ้านเชียง เมืองหลวงพระบางและอ่าวฮาลองเบย์นั้นเป้าหลักเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการคมนาคมการท่องเที่ยวร่วมกันทั้ง 3 ประเทศ เพื่อเสริมให้การทำตลาดแหล่งมรดกโลกทั้ง 3 แห่งแข็งแกร่งมากขึ้น และนำไปสู่การเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาเยือนแหล่งมรดกโลกทั้ง 3 ประเทศเพิ่มมากขึ้น
ด้าน เศรษฐพันธ์ พุทธานี ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยว(ททท.)ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5 จ.อุดรธานีกล่าวต่อว่าการประชุมเพื่อแสวงหาความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันตามโครงการสามเหลี่ยมรดกโลกครั้งนี้ ททท.ต้องการให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ในทางปฏิบัติจริงๆ หลังจากที่ตัวแทนระดับจังหวัดหารือในกรอบความร่วมมือกว้างๆมาแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้ททท.ได้ยกร่างข้อตกลงที่ตัวแทนทั้ง 3 ฝ่ายจะต้องลงนามเป็นพันธสัญญา ในประเด็นสำคัญประกอบด้วย 1.การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวด้วยระบบสารสนเทศ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวแต่ละฝ่ายปรับข้อมูลให้อัปเดตสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วโดยผ่านเว็บไซต์
2.การสนับสนุนและส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก ให้มีการการแลกเปลี่ยนการเยือนแต่ละฝ่ายเพื่อจัดกิจกรรมร่วมกันอย่างน้อยปีละครั้ง เช่น งานมรดกโลกบ้านเชียง อุดรธานีในเดือนกุมภาพันธ์และงานประจำปีต่างๆของหลวงพระบาง/กวางบิงห์ เป็นต้น
3.การส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวร่วมกัน เช่น สัมมนาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 3 ฝ่ายเพื่อหารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือการจัดรายการนำเที่ยวร่วมกัน,ร่วมงานส่งเสริมการขายในต่างประเทศที่เป็นประเทศเป้าหมายหรือร่วมกันจัดงาน Road show,Trade meet, table top ,consumer fair
เศรษฐพันธ์เปิดเผยว่า การจัดประชุมครั้งนี้ นอกจากจะได้กรอบข้อตกลงที่นำไปสู่ความร่วมมือทางปฏิบัติได้จริงแล้ว ภายในงานยังจัดให้มีการเจรจาธุรกิจการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการทั้ง 3จังหวัด 3ประเทศ โดยมีตัวแทนเอเยนต์ทัวร์ เจ้าของกิจการที่พัก โรงแรมจากหลวงพระบางและเมืองกวางบิงห์ เดินทางมาพบปะกับเอเยนต์ทัวร์ของไทยราว 30 บริษัท ขณะที่ตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยวในไทยเข้าร่วมงานประมาณ 15 บริษัท
"เราหวังที่จะให้เอเยนต์ทัวร์และเจ้าของที่พักโรงแรมของทั้ง 3 ประเทศได้พบปะซื้อขายรายการนำเที่ยว ที่พักโรงแรม การเจรจาทางธุรกิจท่องเที่ยวครั้งนี้ จะนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างแหล่งมรดกโลกทั้ง 3 แห่งในอนาคตได้ดี" เศรษฐพันธ์กล่าว
จารึก ปริญญาพล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 7-10 กรกฎาคม ที่โรงแรมเจริญศรี แกรนด์รอยัล ตัวแทนเจ้าหน้าที่ภาครัฐและเอกชน ที่เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวจากแขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) จังหวัดกวางบิงห์ สาธารณรัฐเวียดนาม และตัวแทนจากจังหวัดอุดรธานีจะร่วมประชุมหารือข้อตกลงความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ในโครงการสามเหลี่ยมมรดกโลกร่วมกัน ซึ่งสามเหลี่ยมมรดกโลกดังกล่าวหมายถึง บ้านเชียง จ.อุดรธานี เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาวและอ่าวฮาลองเบย์ เมืองกวางบิงห์ เวียดนาม
"สาระสำคัญที่เราจะหารือจะเน้น ไปที่ความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนทางด้านการศึกษา วัฒนธรรมประเพณีระหว่างเมืองมรดกโลกทั้ง 3 แห่ง ซึ่งล่าสุดเมื่อตันเดือนเมษายน ผู้แทนของอุดรฯก็ได้เดินทางไปกวางบิงห์ เพื่อร่วมฉลองครบ10 ปี ที่อ่าวฮาลองเบย์ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก"นายจารึกกล่าว
สำหรับโครงการความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวสามเหลี่ยมรดกโลก บ้านเชียง เมืองหลวงพระบางและอ่าวฮาลองเบย์นั้นเป้าหลักเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการคมนาคมการท่องเที่ยวร่วมกันทั้ง 3 ประเทศ เพื่อเสริมให้การทำตลาดแหล่งมรดกโลกทั้ง 3 แห่งแข็งแกร่งมากขึ้น และนำไปสู่การเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาเยือนแหล่งมรดกโลกทั้ง 3 ประเทศเพิ่มมากขึ้น
ด้าน เศรษฐพันธ์ พุทธานี ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยว(ททท.)ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5 จ.อุดรธานีกล่าวต่อว่าการประชุมเพื่อแสวงหาความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันตามโครงการสามเหลี่ยมรดกโลกครั้งนี้ ททท.ต้องการให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ในทางปฏิบัติจริงๆ หลังจากที่ตัวแทนระดับจังหวัดหารือในกรอบความร่วมมือกว้างๆมาแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้ททท.ได้ยกร่างข้อตกลงที่ตัวแทนทั้ง 3 ฝ่ายจะต้องลงนามเป็นพันธสัญญา ในประเด็นสำคัญประกอบด้วย 1.การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวด้วยระบบสารสนเทศ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวแต่ละฝ่ายปรับข้อมูลให้อัปเดตสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วโดยผ่านเว็บไซต์
2.การสนับสนุนและส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก ให้มีการการแลกเปลี่ยนการเยือนแต่ละฝ่ายเพื่อจัดกิจกรรมร่วมกันอย่างน้อยปีละครั้ง เช่น งานมรดกโลกบ้านเชียง อุดรธานีในเดือนกุมภาพันธ์และงานประจำปีต่างๆของหลวงพระบาง/กวางบิงห์ เป็นต้น
3.การส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวร่วมกัน เช่น สัมมนาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 3 ฝ่ายเพื่อหารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือการจัดรายการนำเที่ยวร่วมกัน,ร่วมงานส่งเสริมการขายในต่างประเทศที่เป็นประเทศเป้าหมายหรือร่วมกันจัดงาน Road show,Trade meet, table top ,consumer fair
เศรษฐพันธ์เปิดเผยว่า การจัดประชุมครั้งนี้ นอกจากจะได้กรอบข้อตกลงที่นำไปสู่ความร่วมมือทางปฏิบัติได้จริงแล้ว ภายในงานยังจัดให้มีการเจรจาธุรกิจการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการทั้ง 3จังหวัด 3ประเทศ โดยมีตัวแทนเอเยนต์ทัวร์ เจ้าของกิจการที่พัก โรงแรมจากหลวงพระบางและเมืองกวางบิงห์ เดินทางมาพบปะกับเอเยนต์ทัวร์ของไทยราว 30 บริษัท ขณะที่ตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยวในไทยเข้าร่วมงานประมาณ 15 บริษัท
"เราหวังที่จะให้เอเยนต์ทัวร์และเจ้าของที่พักโรงแรมของทั้ง 3 ประเทศได้พบปะซื้อขายรายการนำเที่ยว ที่พักโรงแรม การเจรจาทางธุรกิจท่องเที่ยวครั้งนี้ จะนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างแหล่งมรดกโลกทั้ง 3 แห่งในอนาคตได้ดี" เศรษฐพันธ์กล่าว