ปรู๊น..ปรู๊น..ฉึกฉัก..ฉึกฉัก
เสียงหวูดรถไฟส่งสัญญาณเตือนให้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เดิน 2 เท้า ก้าวขึ้นสู่เจ้าม้าเหล็กในเช้าตรู่ของวันว่างเพื่อเดินทาง สู่ เมืองละโว้ หรือ จ. ลพบุรี
สำหรับทริปนี้เรามีเป้าหมาย อยู่ที่การทัวร์ 9 สถานที่สำคัญในเขตเมืองลพบุรี ซึ่งทางททท.ได้ชูเป็นกิจกรรม นั่งรถไฟเที่ยว "9 วัด-วัง-เวียงละโว้" ในลพบุรีภายใน 1 วัน
จากกรุงเทพฯหลับตื่นๆมาได้ประมาณ 3 ชั่วโมง รถไฟก็มาถึงยังสถานีลพบุรี ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการออกตะลอนเที่ยวในทริปนี้ ครั้นพอลงจากรถไฟเราเดินเท้าข้ามไปยัง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (1) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ เพื่อชมศิลปะที่น่าสนใจของวัดนี้ ไม่ว่าจะเป็น ศาลาเปลื้องเครื่องที่ในอดีตใช้สำหรับให้พระเจ้าแผ่นดินเปลื้องเครื่องทรงก่อนที่จะเข้าพิธีทางศาสนา แต่ว่าปัจจุบันเหลือเพียงแค่เสาตั้งเอนอยู่เท่านั้น ถัดมาเป็นวิหารหลวง ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ที่โดดเด่นด้วยพระปรางค์กลีบมะเฟืองที่มีความสมบูรณ์แบบและงดงาม นอกจากนี้ก็ยังมีพระปรางค์ที่สูงที่สุดในลพบุรีอีกด้วย
จากวัดแรกผ่านไป เราเดินทางสู่ วัดกวิศรารามราชวรวิหาร (2) วัดเก่าแก่ที่เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ สำหรับความน่าสนใจของวัดนี้อยู่ตรงที่ภายในพระอุโบสถ มีพระประธานปางมารวิชัยที่ลงรักผิดทองเหลืองอร่ามและงดงามด้วยศิลปะแบบอู่ทอง นอกจากนี้ก็ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังลายก้านแย่งลายพันธุ์พฤกษาที่งดงามอ่อนช้อย
สำหรับวัดต่อมา คือ วัดเชิงท่า (3) ที่มีสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ 2 วัดที่ผ่านมา โดยด้านในโบสถ์พระพุทธรูปประธานปางมารวิชัย สร้างจากหินทราย ส่วนบริเวณด้านหน้าวัดก็น่าชมด้วย พิพิธภัณฑ์หอโสภณศิลป์ ที่ทางเจ้าอาวาสวัดพระครูโสภณธรรมรัตจัดสร้างขึ้น โดยภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุเก่าแก่ของวัดเชิงท่าเอาไว้มากมาย รวมถึงของส่วนตัวของท่านพระครูโสภณธรรมรัต ที่มีทั้ง พระคัมภีร์ พระไตรปิฎก ตู้พระธรรม ถ้วยโถโอชาม เครื่องเคลือบล้ำค่า
หลังจาก "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ทัวร์วัดถึง 3 วัดแล้ว ขอสลับไปทัวร์วังกันบ้าง ที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ (4) หรือ วังนารายณ์ ที่เป็นวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อใช้เป็นที่ประทับ ณ เมืองลพบุรี พระราชวังแห่งนี้มีความโดดเด่นตั้งแต่กำแพงพระราชวัง ที่ก่ออิฐถือปูนมีใบเสมาเรียงรายบนสันกำแพง มีซุ้มประตูถึง 11 ประตู ประตูทางเข้าเป็นทรงจตุรมุขมีช่องทางเข้าโค้งแหลม ที่ซุ้มประตูและกำแพงพระราชฐานชั้นกลางและชั้นในมีช่องเล็ก ๆ เจาะเป็นรูปโค้งแหลมคล้ายบัวเรียงเป็นแถวสำหรับวางตะเกียง ประมาณ 2,000 ช่อง
ส่วนด้านในมีพระที่นั่งสำคัญๆ อย่าง พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งศิลปกรรมแบบไทยและฝรั่งเศสผสมกัน พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์ฯ พระที่นั่งจันทรพิศาล ที่ภายในจัดแสดงพระราชประวัติ และพระปรีชาสามารถในด้านต่าง ๆ ของพระนารายณ์ฯ
"ผู้จัดการท่องเที่ยว"เดินชมวังพระนารายณ์ฯอย่างเพลิดเพลิน จนรู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่าแล้ว อย่ากระนั้นหาอะไรกินเติมพลังกันเสียหน่อยแล้วค่อยออกทัวร์ต่ออีก 5 สถานที่ในช่วงบ่าย
เมื่ออิ่มท้องแล้ว หากเป็นยามปกติอาจต้องหามุมเหมาะหลับสักงีบ แต่ว่าในบรรยากาศเช่นนี้ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเหตุนี้เราจึงมุ่งหน้าต่อไปที่ วัดเสาธงทอง (5) ที่ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองลพบุรีอีกวัดหนึ่ง วัดนี้มีโบราณสถานสำคัญ อย่าง พระวิหารหลวง ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ โดยภายในประดิษฐาน "หลวงพ่อโต" พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์โตที่ชาวลพบุรีให้ความนับถือกันมาก ซึ่งเรานั้นเมื่อเข้ามาในโบสถ์ก็ไม่รอช้ารีบพนมมือวันทากราบขอพรเป็นการใหญ่
ครั้นพอขอพรเสร็จสรรพก็เดินออกเดินทางต่อไปยัง ศาลลูกศร หรือ ศาลหลักเมือง (6) เพื่อไหว้ศาลหลักเมือง เพราะจะว่าไปแล้วมาไหว้พระ เที่ยววัด ที่ลพบุรีทั้งที ไอ้ครั้นจะไม่ไปไหว้ศาลหลักเมืองมันก็กระไรอยู่ โดยศาลหลังนี้มีลักษณะเป็นตึกเล็กๆ ด้านหน้าศาลจะมีแท่งหินแท่งหนึ่งโผล่เหนือระดับพื้นดินขึ้นมา สูงประมาณ 1 ม. นั่นล่ะคือศาลหลักเมืองของที่นี่ ถือว่าเป็นเป็นศาลเจ้าหลักเมืองโบราณที่เรียกว่า ศาลลูกศร ซึ่งชาวลพบุรีให้ความเคารพสักการะกันมาก ถึงขนาดมีตำนานความเชื่อเล่ากันว่า เมื่อครั้งสร้างเมืองลพบุรี มีลูกศรของพระรามที่กลายเป็นหินสีเขียวขนาดใหญ่อยู่กลางบ่อน้ำ และจะต้องดูแลไม่ให้บ่อน้ำนี้แห้ง มิฉะนั้นจะเกิดเพลิงไหม้เมืองลพบุรี เหมือนที่เคยเกิดเพลิงไหม้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เหลือรอดเพียงศาลลูกศรแห่งนี้เท่านั้นที่ไม่ไหม้
สำหรับสิ่งที่คนทั่วไปนิยมปฏิบัติเมื่อมาไหว้ศาลหลักเมืองนี้ก็คือ นิยมนำน้ำมาเติมที่หัวลูกศรนี้ เพื่อไม่ให้น้ำหัวลูกศรแห้งมิฉะนั้นจะเกิดไฟไหม้ขึ้นมา และภายในศาลยังมีรูปเคารพ อย่างเทพเจ้าปุนเถ่ากง ปุนเถ่าม่า เจ้าพ่อกวนอู และเจ้าพ่อเขาตก ให้ได้กราบไหว้ขอพรกัน ซึ่ง "ผู้จัดการท่องเที่ยว"มาถึงแล้วก็ขอทำทั้ง 2 อย่างทั้งเติมน้ำที่หัวลูกศรและไหว้เจ้าขอพร
จากศาลหลักเมืองเราเดินทางต่อไปที่ วัดมณีชลขัณฑ์ (7) ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในวัดมีโบราณสถานที่น่าสนใจ คือ พระเจดีย์รูปทรงแปลก คือก่อเป็นเหลี่ยมสูงชะลูดขึ้นไป คล้ายกับเจดีย์เหลี่ยมสมัยเชียงแสน (ล้านนา) แต่ตรงมุมมีการย่อมุมไม้สิบสอง ทำเป็นสามชั้น มีซุ้มประตูยอดแหลมอยู่ด้านข้างทั้งสี่ด้านทุกชั้น และที่วัดนี้ยังมีพระพุทธระนาคะสุดโต พระพุทธรูปปางนาคปรกสร้างด้วยอิฐถือปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหน้าใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์ให้ได้เคารพสักการะกัน
จากวัดมณีชลขัณฑ์ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ออกเดินทางสู่ วัดตองปุ (8) เพื่อไปนมัสการพระพุทธรูปหินทรายปางสมาธินาคปรก เป็นศิลปะแบบลพบุรี ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และนอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองจำนวนมาก ล้วนแล้วแต่เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่หาชมได้ยากยิ่ง อีกทั้งวัดนี้ยังมีนามที่เป็นมงคล "ตองปุ" เป็นภาษามอญ หมายถึง ที่รวมพลหรือรวมทหารที่จะออกไปรบเพื่ออวยชัยให้ชนะสงคราม
จากนั้นก็เดินทางไปปิดทริปที่ ศาลพระกาฬ (9) ที่เป็นเทวสถานเก่าของขอม ภายในประดิษฐานพระนารายณ์ยืนทำด้วยศิลา 2 องค์ องค์เล็กเป็นแบบเทวรูปเก่าในประเทศไทย องค์ใหญ่เป็นประติมากรรมแบบลพบุรี แต่พระเศียรเดิมหายไป ภายหลังมีผู้นำพระเศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยอยุธยามาสวมต่อไว้ ที่ศาลพระกาฬนี้ในแต่ละวันจะมีประชาชนแวะเวียนมาเคารพสักการะอยู่ตลอดทั้งวัน รวมไปถึงที่นี่ยังมีบรรดาเจ้าลิงจ๋อจำนวนมากมาอาศัยความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่เป็นแหล่งพักพิง จึงทำให้กลายที่นี่เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของจังหวัดลพบุรีที่ถ้ามาเยือนลพบุรีก็ต้องไม่พลาดแวะเที่ยว
แต่ว่าไหนๆ แล้วขอแถมอีกหนึ่งที่เที่ยว ที่อยู่ใกล้กับศาลพระกาฬและถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของลพบุรี คือ พระปรางค์สามยอด เป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ เป็นศิลปะเขมรแบบบายน มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 สร้างด้วยศิลาแลงหินทราย ตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม และที่นี่มีบรรดาลิงจ๋ออาศัยอยู่เป็นจำนวนมากไม่ต่างจากที่ศาลพระกาฬเลย
"ผู้จัดการท่องเที่ยว" ปิดทริปทัวร์ "9 วัด-วัง-เวียงละโว้" ที่พระปรางค์สามยอดแห่งนี้ แล้วรีบเร่งเดินทางมาที่สถานีรถไฟลพบุรี และก็โชคดีที่มาทันขบวนรถไฟพอดิบพอดี ได้นั่งรถไฟกลับกรุงเทพฯ บ้านเรา ปรู๊น..ปรู๊น..ฉึกฉัก..ฉึกฉัก
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
นักท่องเที่ยวที่สนใจนั่งรถไฟไปเที่ยวลพบุรี มีรถไฟสายเหนือจากทม. (ผ่านตัวเมืองลพบุรี-เชียงใหม่) วันละหลายขบวน สอบถามตารางการเดินรถไฟได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0-2223-0344 หรือ 1690 และทางททท. ภาคกลางเขต 7 ได้จัดทำแพ็คเกจนั่งรถไฟทัวร์ "9 วัด-วัง-เวียงละโว้" แบบไปเช้าเย็นกลับขึ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-3642-2768-9 หรือที่ Happiness Group โทร 0-2736-2125 - 6, 0-2318-3922-3, 0-2530-2675, 0-2514-1284-5
การเดินทางสู่จังหวัดลพบุรี ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว
ทริปตัวอย่างการนั่งรถไฟไปเที่ยวลพบุรี เที่ยวลพบุรีไปตามคำขวัญ
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ลพบุรี
สระบุรี...เมืองนี้มิใช่แค่ทางผ่าน