โดย : ธีรพัฒน์ อัครเศรณี

การกลับมาเยี่ยมเยือน “อิสตันบูล” เมืองที่เปรียบเสมือนอัญมณีล้ำค่าของประเทศตุรกีอีกครั้งในรอบ 10 ปีของผม ให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปมากมายจริงๆ
“อิสตันบูล” ในปัจจุบันดูกระฉับกระเฉงแคล่วคล่องกว่าในอดีตมากมายนัก ภาพเด็กหนุ่มจับกลุ่มคอยตื๊อนักท่องเที่ยวบริเวณหน้าร้านขายของคราวละ 3-4 คนเหลือน้อยเต็มที สภาพเศรษฐกิจ และการค้าของพวกเขานั้นดูดีขึ้น “อักโข”
ผู้คนดูมีสมาธิและตั้งหน้าตั้งตาหาเลี้ยงชีพ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย และ บริการนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาเยี่ยมชมทัศนียภาพริมฝั่งช่องแคบบอสฟอรัส มาดูภูมิทัศน์ของเมืองที่มีพื้นที่คาบคาอยู่ทั้งฝั่งทวีปเอเชียกับยุโรป มาชมศิลปะอันยิ่งใหญ่สไตล์ออตโตมันและไบเซนไทน์
คนในอิสตันบูลทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอย่างเดียวก็รวยเละแล้วครับ ทั้งเรื่องของโรงแรมขนาดพอเหมาะซึ่งเป็นของคนท้องถิ่นเอง ไม่ต้องไปง้อการลงทุนของเชนใหญ่ๆจากต่างชาติ
หลายคนเปิดร้านอาหารทะเลและอาหารพื้นเมืองไม่ใหญ่ไม่เล็กกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทำร้านขายของที่ระลึก ธุรกิจขนส่งผู้คนและนักท่องเที่ยว ธุรกิจเดินเรือพานักท่องเที่ยวท่องทะเล และบริษัททัวร์ซึ่งที่นี่เขาจัดแพ็คเกจทัวร์ไว้ให้นักท่องเที่ยวเลือกชมกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเป็นระบบ จะเอาอย่างครึ่งวัน เต็มวัน หรือหลายวันรวมไปเที่ยวยังจังหวัดอื่นด้วยก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย
เรียกว่านักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่รักความสบาย อยากไปไหนก็สามารถจิ้มเลือก ยกหูโทรศัพท์สั่งจอง จากนั้นก็นั่งรอราชรถบัสคันย่อมๆมารับถึงที่ จะขอแบบมีไกด์ไม่มีไกด์ได้หมด สะดวกสบายและสามารถดูดเงินจากนักท่องเที่ยวได้อย่างมีชั้นเชิง

ภูมิหลัง
แม้การพยายามเข้าสู่ประเทศในกลุ่มอียู หรือสหพันธ์รัฐยุโรปของตุรกีโดนปฏิเสธและกีดกัน แต่หลายคนยังสงสัยว่าเหตุผลใหญ่มาจากสภาพเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ หรือความหลังเรื่องสงครามศาสนากันแน่
แม้ ตุรกี จะมีพื้นที่เพียง 3 เปอร์เซ็นต์ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป และอีกถึง 97 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในเอเชียตะวันออกกลาง แต่สภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศค่อนข้างจะใกล้เคียงกับประเทศกรีซ
ในการแข่งขันกีฬาต่างๆนั้น ตุรกี ถูกบรรจุอยู่ในโควตาของชาติยุโรปเรียบร้อยแล้ว และเคยสร้างชื่อด้วยการคว้าตำแหน่งที่ 3 ในศึกฟุตบอลโลกปี 2002 ซึ่งประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ
พูดกันตามจริงแล้วตุรกีเองในการมีปัญหาในการรวบรวมเอกลักษณ์ของชาติตนเองเหมือนกัน เนื่องจากในอดีตมีคนจากหลายเผ่าพันธุ์อพยพมารวมตัวกันอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ทุกวันนี้ที่เราเดินอยู่ในเมืองอิสตันบูล ก็ยังสงสัยเหมือนกันว่า พวกเตอร์กิชสมควรจะถูกจัดอยู่ในทวีปใดกันแน่
ผู้คนในอิสตันบูล นั้นมีส่วนผสมหน้าตาของพวกแขกขาว บ้างก็ตัวเล็กหน้าตาเหมือนพวกแถบๆอุซเบกิสถานหรือมองโกล บ้างก็คล้ายพวกกรีกหรือยุโรปตะวันออกอย่าง บัลกาเรียน แต่หนุ่มบางคนก็มีความเข้มเหมือน อิตาเลี่ยน นิสัยช่างคุย ขี้โวยวาย แถมสไตล์การขับรถของพวกพี่ๆนั้น ภาษิตที่ว่า “ทำอะไรตามใจ คือไทยแท้” ยังต้องหลบชิดซ้าย
พวกนี้คงขับรถออกจากบ้านไม่ได้ถ้าแตรเสีย เพราะคอยจะใช้บีบอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับถนนหนทางในอิสตันบูล นั้นไม่ได้ใหญ่โตมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณในตัวเมือง และบางส่วนก็เป็นเส้นทางลาดชันขึ้น-ลงเขา มีบางประเภทที่นึกจะเลี้ยวก็เลี้ยว นึกจะจอดก็จอด สร้างความโกลาหลอยู่ตลอดทั้งวัน
ที่เห็นดีอยู่อย่างหนึ่งเรื่องการคมนาคมก็คือ พวกเขามีรถรางไฟฟ้าแล่นอยู่ในตัวเมือง คอยบริการส่งผู้คนไปทำงาน และขนนักท่องเที่ยวไปชมแหล่งโบราณสถานสำคัญ ก็เหมือนรถไฟฟ้าบ้านเราน่ะครับ แต่ขบวนสั้นกว่า แล้วยกรางมาอยู่บนถนนเลนหนึ่ง ท่าทางน่าจะก่อสร้างง่าย ใช้เวลาและงบประมาณน้อยกว่า
บ้านเราจะนึกฟิตเลียนแบบบ้างก็ได้ ลองใช้ขนคนในเขตชานเมืองเข้าตัวเมืองหรือไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆรอบๆถนนราชดำเนิน เชื่อมไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่วางแผนกันไว้ใหญ่โตอีกที ไม่ทำลายทัศนียภาพด้วย
อิสตันบูลวันนี้
“อิสตันบูล” เป็นเพียงเมืองท่า เมืองท่องเที่ยวและการพาณิชย์ที่สำคัญของตุรกีหาใช่เมืองหลวงไม่ ราชธานีของพวกเขาอยู่ที่เมืองอังการ่าครับ ส่วนสกุลเงินที่ใช้คือเตอร์กิชลีร์ ซึ่งจากค่าเงินเฟ้อสมัยก่อน ทำให้ชาวเตอร์กิชต้องใช้ธนบัตรกันเป็นปึกๆหรือเป็นหลักล้านๆลีร์ในการซื้อของ แต่ปัจจุบันในยุคที่ทางการพยายามแต่งตัวสุดฤทธิ์ เพื่อหาทางเข้าสู่อียู ตุรกีก็เลยออกธนบัตรใหม่โดยตัดเลขศูนย์ข้างหลังไปหกตัวเป็นหน่วย YTL แทน
พูดให้เข้าใจง่ายๆคือล้านนับเป็นหนึ่ง และถ้าเปรียบเทียบกับเงินบาทของเราแล้ว 1 YTL ก็ประมาณ 30 บาทครับ คนที่เดินทางไปสามารถพกเงินดอลล่าร์สหรัฐหรือเงินยูโรไปแลกเงินลีร์ได้ที่นั่น และขอแนะนำให้ไปแลกในธนาคารจะได้เรตดีกว่าที่สนามบิน โรงแรม หรือตามบู๊ทแลกเงินเล็กๆ
สภาพเศรษฐกิจของตุรกีนั้น แน่นอนว่ายังไม่สามารถเทียบเท่าหลายชาติในยุโรป แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของอัตราการเจริญเติบโตแล้วไม่เบาทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองอย่างอิสตันบูล เอง คือแหล่งสูบเงินขนาดใหญ่เข้าประเทศ เพราะนอกจากรายได้จากนักท่องเที่ยวแล้ว พวกเขายังมีอุตสากรรมสิ่งทอที่ขึ้นชื่ออย่าง พรมทอมือ หรืออุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรอีกหลายชนิดทีเดียว

สถานที่น่าเที่ยว
วิธีชมทัศนียภาพของ “อิสตันบูล” ได้ทั่วถึงและครอบคลุมที่สุด น่าจะเป็นการล่องเรือเหนือทะเลมาร์มาร่า ชมความงามบนสองฝั่งฟากของช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งแยกระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย คุณสามารถเลือกแบบไปทั้งวันรวมอาหารกลางวันเสร็จสรรพด้วย หรือจะเอาแบบสั้นๆครึ่งวันก็พอไหว แต่ทัวร์ประเภทนี้จะไม่เปิดในฤดูหนาว เดือนที่น่าเที่ยวที่สุดก็คือช่วงซัมเมอร์ของที่นั่นตั้งแต่มิถุนายนจนถึงกันยายน
จุดหมายของการล่องเรือคือการแวะขึ้นฝั่งไปชม พระราชวัง โดมาบาเช่ หรือจะทำเก๋ไปโผล่ทานมื้อกลางวันบนฟากฝั่งทวีปเอเชีย ก่อนแล้วค่อยกลับมาขึ้นฝั่งยังทวีปยุโรปเหมือนเดิมก็แล้วแต่ความชอบและปริมาณของเงินในกระเป๋าคุณ
ส่วนสถานที่สำคัญในตัวเมืองที่คุณไม่ควรพลาดลำดับแรกก็คือวิหารเซนต์โซเฟีย หรืออายาโซเฟีย (Hagia Sophia) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางเทียบเคียงกับกำแพงเมืองจีน สโตนเฮนจ์ในอังกฤษ หรือโคลอสเซียมที่กรุงโรม มองจากภายนอกอาจจะดูเก่าโทรม แต่ภายในนั้นอลังการเสียเหลือเกิน
วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 563 มีความหลังมากมาย โดนแผ่นดินไหว ถูกไฟไหม้หลายต่อหลายครั้ง ผ่านการแย่งชิงระหว่างสองศาสนา คือคริสต์และอิสลามมาตั้งหลายรอบ ตลอดระยะเวลากว่าพันปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังตระหง่านคงทนอย่างมีมนต์ขลังต่อไป
ท่านที่ต้องการเข้าชมต้องเสียค่าเข้านะครับ ท่านละประมาณ 300-400 บาท ต้องเชื่อว่าคุ้มเกินคุ้ม เพราะภายในคุณจะได้เห็นโมเสกรูปพระแม่และพระกุมาร รวมทั้งศิลปะแบบไบเซนไทน์ อื่นๆอีกมากมาย ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ภาพถ่าย รวมทั้งประวัติความเป็นมาและการต่อสู้ช่วงชิงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ตั้งแต่อดีตกาลด้วย

จากอายาโซเฟียก็ต้องมาต่อที่ สุเหร่าบลูมอสก์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันในย่านสุลต่านอาเหม็ดปาร์ค ซึ่งจะถือเป็นย่านอนุสรณ์แห่งไบเซนไทน์ก็ว่าได้ นอกจากนั้นยังมีฮิปโปโดรม ซึ่งประกอบด้วยอนุสาวรีย์ทั้งหมดสามเสาอยู่ใกล้เคียงกันคือ เสาโอบีลิสก์ฟาโรห์ธุตโมส, เสางู และเสาคอลัมน์คอนแสตนตินที่ 7
ในวันที่อากาศดีคุณสามารถซื้อไอศกรีมเหนียวข้นสูตรเตอร์กิช ที่คนขายต้องคอยใช้ไม้กวนอยู่ตลอดเวลา มานั่งทานไป ชมโบราณสถานพวกนี้ไปด้วยก็มีความสุขอย่าบอกใคร
กลับมาว่ากันถึง บลูมอสก์ สุเหร่าสีฟ้าที่มักจะปรากฏโฉมอยู่ตามโปสการ์ดและหนังสือท่องเที่ยวประเทศตุรกี บลูมอสก์มองจากภายนอกอยู่ในสภาพสมบูรณ์และสวยงามมาก ขนาดก็ใหญ่โตไม่แพ้ อายาโซเฟีย แต่ภายในไม่งดงามเท่า ปัจจุบันยังเป็นที่สวดของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามที่นั่น ภายในนั้นมีบรรยากาศที่ร่มรื่น โดยรอบมีต้นไม้ใหญ่ทำให้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย
สุเหร่าแห่งนี้อยู่ใกล้กับทะเล เวลานักท่องเที่ยวเดินทางข้ามฝั่งเมืองอิสตันบูล พอลงสะพานมาหรือขับรถเลียบชายฝั่ง ก็จะเห็น บลูมอสก์ ก่อนเด่นชัด สวยงามและโรแมนติคยิ่งนัก โดยเฉพาะในค่ำคืนที่สปอตไลท์ฉายส่อง
บลูมอสก์จะกลายเป็นสัญลักษณ์และความประทับใจแห่งเมือง “อิสตันบูล” ไปในบัดดล

สถานที่ขึ้นชื่ออีกแห่งเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูนั่นก็คือ ทอปกาปิ พาเลซ หรือพระราชวังทอปคาปิ ในวันที่ผมไปเยือนนั้น นักท่องเที่ยวและเด็กนักเรียนไปเข้าแถวต่อแถวกันซื้อบัตรยาวเหยียด น่าจะที่เที่ยวซึ่งฮิตที่สุดแล้ว
แต่ขอเตือนอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ที่จะตัดสินใจซื้อบัตรเข้าชมต้องมีกำลังขาและกำลังใจแข็งแกร่งพอสมควรในการเดิน เอาตั้งแต่ทางขึ้นเนินเขายันถึงในพระราชวังซึ่งกินอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งมีสถานที่ให้เดินชมมากมาย ทั้ง พระราชวังชั้นนอก พระราชวังชั้นใน และฮาเร็ม
ภายในพระราชวังทอปกาปิยังมีสวนสัตว์ย่อมๆ ที่ว่ากันว่าเป็นที่เก็บสิงสาราสัตว์ที่เป็นของบรรณาการจากประเทศต่างๆ นอกจากนั้นยังมีมัสยิด น้ำพุหินอ่อน และโรงอาบน้ำ รวมทั้งสมบัติเก่าของกษัตริย์ล้ำค่าหาดูได้ยากอีกมากมาย
ส่วนใครที่ชอบเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ แนะนำให้ไป Archaeological Museum ซึ่งอยู่บริเวณทางขึ้น-ลง ก่อนจะถึงพระราชวังทอปกาปินั่นเอง ภายในมีของเก่าทั้งสภาพดีและชำรุดทรุดโทรม หม้อไหโบราณคล้ายๆบ้านเชียงของเราเหมือนกัน รวมทั้งมัมมี่ของอิยิปต์ด้วย
ที่น่าเศร้าก็คือรูปปั้นเทพต่างๆ พระเยซู พระแม่มารี อยู่ในสภาพถูกทำลาย ตัดแขน-ขาทิ้งบ้าง เฉือนจมูก หน้าแหว่งบ้าง ก็เนื่องมาจากสงครามการสู้รบในอดีตนั่นเอง

เทคนิคการชอปปิ้ง
แน่นอนที่การมาเยือนเมืองท่องเที่ยวและเมืองใหญ่เช่นนี้ นักท่องเที่ยวทั้งหลาย (โดยเฉพาะคนไทย) คงอดไม่ได้ที่จะต้องมองหาของฝากเป็นที่ระลึกให้ตนเองและคนสนิท ส่วนใหญ่ก็จะพาตนเองหรือถูกพาตรงดิ่งไปยังตลาดบาร์ซาร์ หรือแกรนด์บาร์ซาร์ แหล่งชอปปิ้งมอลล์ตำหรับเตอร์กิช ชื่อคุ้นหูนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ของที่วางขายในนั้นมีหลากหลายตั้งแต่พรมทอด้วยมือซึ่งเป็นสินค้าขึ้นชื่อของตุรกี เสื้อยืด ชุดถ้วยชา กาแฟทั้งแบบท้องถิ่นนิยมและสากลนิยม นอกจากนั้นยังมีของที่ระลึกต่างๆประเภทพวงกุญแจหรือกระเบื้องเพนท์ติดผนัง ยันไปถึงของทานเล่นอย่าง ถั่วมาคาเดเมีย- พิตาชิโอ หรือขนมอย่างเตอร์กิชดีไลท์ ที่คุณไปถึงแล้วต้องลองชิม แถมยังสามารถซื้อยกกล่องมาเป็นของฝากได้เช่นกัน
แต่ในฐานะนักท่องเที่ยวกระเป๋ามิได้นูนหนานักอย่างพวกเรา พึงจำหลักเศรษฐศาสตร์เขาบอกไว้ ที่ใดมีดีมานด์หรือความต้องการสินค้ามาก ราคาของก็ย่อมเขยิบสูงกว่าที่อื่นๆ จึงขอแนะนำให้ลองมองหาร้านขายของที่ระลึกในตัวเมืองซึ่งเป็นร้านเล็กๆแยกออกมา โอกาสที่คุณจะถูกฟันหัวแบะจะลดน้อยลง
ส่วนเทคนิคการต่อรองราคาที่นี่ ถ้าในตลาดบาร์ซาร์ เขาว่าให้ต่อกันครึ่งต่อครึ่ง ช่วงแรกคนขายอาจจะไม่ยอม แต่จะค่อยๆลดราคาลงมา ขอให้คุณยืนกรานตัวเลขของตัวเองไว้ให้เหนียวแน่น แล้วลองเล่นละครทำตัดใจเดินออกจากร้าน ไม่นานพ่อค้าพวกนั้นจะตะโกนเรียก “มายเฟรนด์...มายเฟรนด์..โอเค..โอเค..” เป็นอันเสร็จพิธี
แต่สำหรับร้านค้าย่อยด้านนอกนั้นอาจจะลดได้น้อยกว่า ก็คงต้องเลือกต่อรองราคาลงมาประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้และทั้งนั้นถ้าคุณพอมีเวลาก็ควรเดินสำรวจราคาของหลายๆร้านให้พอรู้เลาๆก่อนก็จะดี

อาหารการกิน
ตามหลักของนักท่องเที่ยวที่ดีนั้น เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ควรจะหลิ่วตาตาม ดังนั้นถ้าไปเยือนถึงเมืองเขาแล้วก็ควรทำตาและทำใจเปิดกว้าง เพื่อรับรู้อารยะธรรมและความเป็นอยู่ของเขาบ้าง เพื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา
เดินอยู่หลายวันที่นั่น ผมไม่แปลกใจที่ไม่ค่อยเห็นคนอ้วน หากดูจากอาหารการกินทุกมื้อของพวกเตอร์กิชแล้ว คุณจะถึงบางอ้อ เพราะนี่คือสูตรทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ที่รับรองว่าคุณหมอทุกท่านต้องพยักหน้าเห็นด้วย
อาหารทุกมื้อของคนที่นี่ต้องมีสลัดเป็นส่วนประกอบ ผักผลไม้ทุกประเภทอย่าง พริกหยวก มะเขือเทศ มะเขือยาว แตงกวา องุ่นดำ ล้วนแล้วแต่สดซ้ดสด เนื่องจากสภาพภูมิอากาศแถบนี้ ส่วนจานหลักจะเป็นเนื้อวัว เนื้อแกะ หรือเนื้อไก่ ย่าง หรือจะเป็นมิกซ์กริลล์รวมก็ได้ ไม่ค่อยทานของทอด ที่นี่ไม่ทานหมูนะครับเนื่องจากเป็นอิสลาม หากคุณเป็นคนไม่ทานเนื้อวัวและเนื้อแกะ บางโอกาสและสถานที่อาจจะต้องสอบถามหรือสั่งจองให้ดีก่อนว่า มีเนื้อไก่เผื่อไว้บ้างหรือเปล่า
สำหรับประเภทแป้งนั้น ก็จะมีขนมปัง ข้าว หรือแป้งพิต้า (คล้ายๆกับโรตี) ให้เลือกทาน เท่านี้คุณก็อิ่มแปล้ได้แบบไม่ค่อยมีไขมันและคอเลสเตอรอลด้วย
แต่คนที่มีนิสัยค่อนข้างทานยากสักหน่อยที่นี่ก็มีร้านฟาสต์ฟู้ด ประเภทแม็คโดนัลด์ ในราคาแพงกว่าบ้านเราไม่มากนักให้เลือก หรือจะติดมาม่าใส่น้ำพริกไปกินให้สิ้นเรื่องสิ้นราวก็แล้วแต่
ส่วนของว่างยามบ่ายนั้น พวกเตอร์กิช ชอบนั่งชิวๆเหมือนกัน จิบชาในถ้วยแก้วใสทรงคอดกลาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา
บ้างก็จิบชาเตอร์กิช บ้างก็เป็นชาผลไม้ แอปเปิ้ลหรือเชอร์รี่ จิบกันไปเสวนากันไป สูบบุหรี่ควันโขมง ถือเป็นเมืองที่มีสิงห์อมควันมากที่สุดเมืองหนึ่งของโลกก็ว่าได้ครับ

คืนค่ำในอิสตันบูล
หากมาตุรกีแล้วไม่ได้ชมระบำหน้าท้อง คงเรียกว่ามาไม่ถึง ทริปของเรานั้นได้เลือกจองทัวร์ไปที่ “Kervansaray”ไนท์คลับ ซึ่งไปถึงแล้วต้องทึ่งว่าคนไปจับจองที่นั่งกันเพียบจริงๆ ส่วนใหญ่มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆ ทำให้การจัดโต๊ะอาจจะเบียดกันสักหน่อย
แต่พอจ่อมก้นลงนั่งได้ไม่นาน บริกรก็จะรีบมาต้อนรับและเริ่มต้นเสิร์ฟขนมปังหลากชนิดในตระกร้าใบย่อมเพื่อเรียกน้ำย่อยของคุณก่อน จากนั้นก็ตามด้วยสลัดทูน่า ซึ่งถือว่าเป็นเมนูอร่อยที่สุดในคืนวันนั้น และอะไรบางอย่างคล้ายๆกับปอเปี๊ยะทอดบ้านเรา แต่ข้างในน่าจะเป็นมั่นบดผสมชีส
จากนั้นการแสดงบนเวทีได้เริ่มต้นขึ้นด้วยวงดนตรีสี่ชิ้นบรรเลงเพลงฟังค์และแจ๊ซสนุกๆ ไม่นานก็มีกลุ่มแดนเซอร์ผู้ชายมาเต้นระบำปลายเท้าให้ดู ต่อด้วยโปรแกรมที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการ โชว์ระบำหน้าท้อง ซึ่งสาวเตอร์กิชผมทองหน้าตายั่วยวน ออกมายักย้ายส่ายสะโพก ร้อนแรงไปตามจังหวะเพลง
พอโชว์เสร็จเธอแสดงความใกล้ชิดกับผู้ชม ด้วยการเดินลงมาถ่ายรูปกับทุกโต๊ะ หะแรกเราก็นึกว่าเธออยากจะเอาใจแขก แต่ความจริงแล้วมากับช่างภาพเพื่อถ่ายรูปเอาไว้ขายเป็นของที่ระลึกในตอนเลิก ให้กับแขกที่มาเยี่ยมเยือนในคืนวันนั้น
อาหารยังคงทยอยมาอย่างต่อเนื่องพร้อมเครื่องดื่ม ซึ่งคุณจะเลือกเป็นซอฟต์ดริงค์อย่างน้ำส้ม โค้ก หรือไวน์ขาว ไวน์แดงก็ได้สุดแล้วแต่ลิ้นใครลิ้นมัน มาถึงจานหลักก็จะเป็นเนื้อแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด และผักต้ม จานไม่ใหญ่มากแต่ก็พออิ่ม
เมนูปิดท้ายคือไอศกรีมหวานเจี๊ยบ เสิร์ฟบนส้มรสเปรี้ยวจี๊ด กินแล้วตัดกันดีชะมัด แต่ก็คลายเลี่ยนได้ดี ก่อนที่จะจัดการกับของหวานเสร็จเรียบร้อย ก็มีสาวสวยอีกหนึ่งนางขึ้นมาเต้นระบำปิดท้าย เที่ยวนี้สาวเจ้าผมดำ สวย และเต้นเก่งกว่าคนแรกที่เอวติดรีโมทแล้วซะอีก
เราอำลาค่ำคืนนั้นในอิสตันบูลด้วยความประทับใจแต่แสบตา เพราะควันบุหรี่ คนที่ทนบรรดาสิงห์อมควันไม่ได้ ก็แนะนำว่าอย่าไปเลยครับ ทรมานเปล่าๆ ส่วนใหญ่ภัตตาคารและที่เที่ยวของตุรกี ไม่มีการห้ามสูบบุหรี่เหมือนอย่างในบ้านเราครับ ก็คงต้องทำใจ
สุดท้ายก่อนโบกมือลา ขอบอกว่าการไปเยือน “อิสตันบูล” เมืองเก๋ๆทริปนี้ แม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปมากพอควร แต่ความประทับใจในความงดงามของศิลปะและภูมิทัศน์ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
หลายท่านที่ยังลังเลใจไม่กล้าไปเที่ยว เกรงว่าเป็นเมืองลึกลับ เป็นเมืองแขกบ้างไม่น่าเที่ยว ลองหาโอกาสมาเยือนสักครั้งเชื่อว่า“อิสตันบูล”จะสร้างความประทับใจให้คุณไม่รู้ลืม
การกลับมาเยี่ยมเยือน “อิสตันบูล” เมืองที่เปรียบเสมือนอัญมณีล้ำค่าของประเทศตุรกีอีกครั้งในรอบ 10 ปีของผม ให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปมากมายจริงๆ
“อิสตันบูล” ในปัจจุบันดูกระฉับกระเฉงแคล่วคล่องกว่าในอดีตมากมายนัก ภาพเด็กหนุ่มจับกลุ่มคอยตื๊อนักท่องเที่ยวบริเวณหน้าร้านขายของคราวละ 3-4 คนเหลือน้อยเต็มที สภาพเศรษฐกิจ และการค้าของพวกเขานั้นดูดีขึ้น “อักโข”
ผู้คนดูมีสมาธิและตั้งหน้าตั้งตาหาเลี้ยงชีพ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย และ บริการนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาเยี่ยมชมทัศนียภาพริมฝั่งช่องแคบบอสฟอรัส มาดูภูมิทัศน์ของเมืองที่มีพื้นที่คาบคาอยู่ทั้งฝั่งทวีปเอเชียกับยุโรป มาชมศิลปะอันยิ่งใหญ่สไตล์ออตโตมันและไบเซนไทน์
คนในอิสตันบูลทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอย่างเดียวก็รวยเละแล้วครับ ทั้งเรื่องของโรงแรมขนาดพอเหมาะซึ่งเป็นของคนท้องถิ่นเอง ไม่ต้องไปง้อการลงทุนของเชนใหญ่ๆจากต่างชาติ
หลายคนเปิดร้านอาหารทะเลและอาหารพื้นเมืองไม่ใหญ่ไม่เล็กกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทำร้านขายของที่ระลึก ธุรกิจขนส่งผู้คนและนักท่องเที่ยว ธุรกิจเดินเรือพานักท่องเที่ยวท่องทะเล และบริษัททัวร์ซึ่งที่นี่เขาจัดแพ็คเกจทัวร์ไว้ให้นักท่องเที่ยวเลือกชมกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเป็นระบบ จะเอาอย่างครึ่งวัน เต็มวัน หรือหลายวันรวมไปเที่ยวยังจังหวัดอื่นด้วยก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย
เรียกว่านักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่รักความสบาย อยากไปไหนก็สามารถจิ้มเลือก ยกหูโทรศัพท์สั่งจอง จากนั้นก็นั่งรอราชรถบัสคันย่อมๆมารับถึงที่ จะขอแบบมีไกด์ไม่มีไกด์ได้หมด สะดวกสบายและสามารถดูดเงินจากนักท่องเที่ยวได้อย่างมีชั้นเชิง
ภูมิหลัง
แม้การพยายามเข้าสู่ประเทศในกลุ่มอียู หรือสหพันธ์รัฐยุโรปของตุรกีโดนปฏิเสธและกีดกัน แต่หลายคนยังสงสัยว่าเหตุผลใหญ่มาจากสภาพเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ หรือความหลังเรื่องสงครามศาสนากันแน่
แม้ ตุรกี จะมีพื้นที่เพียง 3 เปอร์เซ็นต์ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป และอีกถึง 97 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในเอเชียตะวันออกกลาง แต่สภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศค่อนข้างจะใกล้เคียงกับประเทศกรีซ
ในการแข่งขันกีฬาต่างๆนั้น ตุรกี ถูกบรรจุอยู่ในโควตาของชาติยุโรปเรียบร้อยแล้ว และเคยสร้างชื่อด้วยการคว้าตำแหน่งที่ 3 ในศึกฟุตบอลโลกปี 2002 ซึ่งประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ
พูดกันตามจริงแล้วตุรกีเองในการมีปัญหาในการรวบรวมเอกลักษณ์ของชาติตนเองเหมือนกัน เนื่องจากในอดีตมีคนจากหลายเผ่าพันธุ์อพยพมารวมตัวกันอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ทุกวันนี้ที่เราเดินอยู่ในเมืองอิสตันบูล ก็ยังสงสัยเหมือนกันว่า พวกเตอร์กิชสมควรจะถูกจัดอยู่ในทวีปใดกันแน่
ผู้คนในอิสตันบูล นั้นมีส่วนผสมหน้าตาของพวกแขกขาว บ้างก็ตัวเล็กหน้าตาเหมือนพวกแถบๆอุซเบกิสถานหรือมองโกล บ้างก็คล้ายพวกกรีกหรือยุโรปตะวันออกอย่าง บัลกาเรียน แต่หนุ่มบางคนก็มีความเข้มเหมือน อิตาเลี่ยน นิสัยช่างคุย ขี้โวยวาย แถมสไตล์การขับรถของพวกพี่ๆนั้น ภาษิตที่ว่า “ทำอะไรตามใจ คือไทยแท้” ยังต้องหลบชิดซ้าย
พวกนี้คงขับรถออกจากบ้านไม่ได้ถ้าแตรเสีย เพราะคอยจะใช้บีบอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับถนนหนทางในอิสตันบูล นั้นไม่ได้ใหญ่โตมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณในตัวเมือง และบางส่วนก็เป็นเส้นทางลาดชันขึ้น-ลงเขา มีบางประเภทที่นึกจะเลี้ยวก็เลี้ยว นึกจะจอดก็จอด สร้างความโกลาหลอยู่ตลอดทั้งวัน
ที่เห็นดีอยู่อย่างหนึ่งเรื่องการคมนาคมก็คือ พวกเขามีรถรางไฟฟ้าแล่นอยู่ในตัวเมือง คอยบริการส่งผู้คนไปทำงาน และขนนักท่องเที่ยวไปชมแหล่งโบราณสถานสำคัญ ก็เหมือนรถไฟฟ้าบ้านเราน่ะครับ แต่ขบวนสั้นกว่า แล้วยกรางมาอยู่บนถนนเลนหนึ่ง ท่าทางน่าจะก่อสร้างง่าย ใช้เวลาและงบประมาณน้อยกว่า
บ้านเราจะนึกฟิตเลียนแบบบ้างก็ได้ ลองใช้ขนคนในเขตชานเมืองเข้าตัวเมืองหรือไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆรอบๆถนนราชดำเนิน เชื่อมไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่วางแผนกันไว้ใหญ่โตอีกที ไม่ทำลายทัศนียภาพด้วย
อิสตันบูลวันนี้
“อิสตันบูล” เป็นเพียงเมืองท่า เมืองท่องเที่ยวและการพาณิชย์ที่สำคัญของตุรกีหาใช่เมืองหลวงไม่ ราชธานีของพวกเขาอยู่ที่เมืองอังการ่าครับ ส่วนสกุลเงินที่ใช้คือเตอร์กิชลีร์ ซึ่งจากค่าเงินเฟ้อสมัยก่อน ทำให้ชาวเตอร์กิชต้องใช้ธนบัตรกันเป็นปึกๆหรือเป็นหลักล้านๆลีร์ในการซื้อของ แต่ปัจจุบันในยุคที่ทางการพยายามแต่งตัวสุดฤทธิ์ เพื่อหาทางเข้าสู่อียู ตุรกีก็เลยออกธนบัตรใหม่โดยตัดเลขศูนย์ข้างหลังไปหกตัวเป็นหน่วย YTL แทน
พูดให้เข้าใจง่ายๆคือล้านนับเป็นหนึ่ง และถ้าเปรียบเทียบกับเงินบาทของเราแล้ว 1 YTL ก็ประมาณ 30 บาทครับ คนที่เดินทางไปสามารถพกเงินดอลล่าร์สหรัฐหรือเงินยูโรไปแลกเงินลีร์ได้ที่นั่น และขอแนะนำให้ไปแลกในธนาคารจะได้เรตดีกว่าที่สนามบิน โรงแรม หรือตามบู๊ทแลกเงินเล็กๆ
สภาพเศรษฐกิจของตุรกีนั้น แน่นอนว่ายังไม่สามารถเทียบเท่าหลายชาติในยุโรป แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของอัตราการเจริญเติบโตแล้วไม่เบาทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองอย่างอิสตันบูล เอง คือแหล่งสูบเงินขนาดใหญ่เข้าประเทศ เพราะนอกจากรายได้จากนักท่องเที่ยวแล้ว พวกเขายังมีอุตสากรรมสิ่งทอที่ขึ้นชื่ออย่าง พรมทอมือ หรืออุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรอีกหลายชนิดทีเดียว
สถานที่น่าเที่ยว
วิธีชมทัศนียภาพของ “อิสตันบูล” ได้ทั่วถึงและครอบคลุมที่สุด น่าจะเป็นการล่องเรือเหนือทะเลมาร์มาร่า ชมความงามบนสองฝั่งฟากของช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งแยกระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย คุณสามารถเลือกแบบไปทั้งวันรวมอาหารกลางวันเสร็จสรรพด้วย หรือจะเอาแบบสั้นๆครึ่งวันก็พอไหว แต่ทัวร์ประเภทนี้จะไม่เปิดในฤดูหนาว เดือนที่น่าเที่ยวที่สุดก็คือช่วงซัมเมอร์ของที่นั่นตั้งแต่มิถุนายนจนถึงกันยายน
จุดหมายของการล่องเรือคือการแวะขึ้นฝั่งไปชม พระราชวัง โดมาบาเช่ หรือจะทำเก๋ไปโผล่ทานมื้อกลางวันบนฟากฝั่งทวีปเอเชีย ก่อนแล้วค่อยกลับมาขึ้นฝั่งยังทวีปยุโรปเหมือนเดิมก็แล้วแต่ความชอบและปริมาณของเงินในกระเป๋าคุณ
ส่วนสถานที่สำคัญในตัวเมืองที่คุณไม่ควรพลาดลำดับแรกก็คือวิหารเซนต์โซเฟีย หรืออายาโซเฟีย (Hagia Sophia) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางเทียบเคียงกับกำแพงเมืองจีน สโตนเฮนจ์ในอังกฤษ หรือโคลอสเซียมที่กรุงโรม มองจากภายนอกอาจจะดูเก่าโทรม แต่ภายในนั้นอลังการเสียเหลือเกิน
วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 563 มีความหลังมากมาย โดนแผ่นดินไหว ถูกไฟไหม้หลายต่อหลายครั้ง ผ่านการแย่งชิงระหว่างสองศาสนา คือคริสต์และอิสลามมาตั้งหลายรอบ ตลอดระยะเวลากว่าพันปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังตระหง่านคงทนอย่างมีมนต์ขลังต่อไป
ท่านที่ต้องการเข้าชมต้องเสียค่าเข้านะครับ ท่านละประมาณ 300-400 บาท ต้องเชื่อว่าคุ้มเกินคุ้ม เพราะภายในคุณจะได้เห็นโมเสกรูปพระแม่และพระกุมาร รวมทั้งศิลปะแบบไบเซนไทน์ อื่นๆอีกมากมาย ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ภาพถ่าย รวมทั้งประวัติความเป็นมาและการต่อสู้ช่วงชิงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ตั้งแต่อดีตกาลด้วย
จากอายาโซเฟียก็ต้องมาต่อที่ สุเหร่าบลูมอสก์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันในย่านสุลต่านอาเหม็ดปาร์ค ซึ่งจะถือเป็นย่านอนุสรณ์แห่งไบเซนไทน์ก็ว่าได้ นอกจากนั้นยังมีฮิปโปโดรม ซึ่งประกอบด้วยอนุสาวรีย์ทั้งหมดสามเสาอยู่ใกล้เคียงกันคือ เสาโอบีลิสก์ฟาโรห์ธุตโมส, เสางู และเสาคอลัมน์คอนแสตนตินที่ 7
ในวันที่อากาศดีคุณสามารถซื้อไอศกรีมเหนียวข้นสูตรเตอร์กิช ที่คนขายต้องคอยใช้ไม้กวนอยู่ตลอดเวลา มานั่งทานไป ชมโบราณสถานพวกนี้ไปด้วยก็มีความสุขอย่าบอกใคร
กลับมาว่ากันถึง บลูมอสก์ สุเหร่าสีฟ้าที่มักจะปรากฏโฉมอยู่ตามโปสการ์ดและหนังสือท่องเที่ยวประเทศตุรกี บลูมอสก์มองจากภายนอกอยู่ในสภาพสมบูรณ์และสวยงามมาก ขนาดก็ใหญ่โตไม่แพ้ อายาโซเฟีย แต่ภายในไม่งดงามเท่า ปัจจุบันยังเป็นที่สวดของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามที่นั่น ภายในนั้นมีบรรยากาศที่ร่มรื่น โดยรอบมีต้นไม้ใหญ่ทำให้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย
สุเหร่าแห่งนี้อยู่ใกล้กับทะเล เวลานักท่องเที่ยวเดินทางข้ามฝั่งเมืองอิสตันบูล พอลงสะพานมาหรือขับรถเลียบชายฝั่ง ก็จะเห็น บลูมอสก์ ก่อนเด่นชัด สวยงามและโรแมนติคยิ่งนัก โดยเฉพาะในค่ำคืนที่สปอตไลท์ฉายส่อง
บลูมอสก์จะกลายเป็นสัญลักษณ์และความประทับใจแห่งเมือง “อิสตันบูล” ไปในบัดดล
สถานที่ขึ้นชื่ออีกแห่งเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูนั่นก็คือ ทอปกาปิ พาเลซ หรือพระราชวังทอปคาปิ ในวันที่ผมไปเยือนนั้น นักท่องเที่ยวและเด็กนักเรียนไปเข้าแถวต่อแถวกันซื้อบัตรยาวเหยียด น่าจะที่เที่ยวซึ่งฮิตที่สุดแล้ว
แต่ขอเตือนอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ที่จะตัดสินใจซื้อบัตรเข้าชมต้องมีกำลังขาและกำลังใจแข็งแกร่งพอสมควรในการเดิน เอาตั้งแต่ทางขึ้นเนินเขายันถึงในพระราชวังซึ่งกินอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งมีสถานที่ให้เดินชมมากมาย ทั้ง พระราชวังชั้นนอก พระราชวังชั้นใน และฮาเร็ม
ภายในพระราชวังทอปกาปิยังมีสวนสัตว์ย่อมๆ ที่ว่ากันว่าเป็นที่เก็บสิงสาราสัตว์ที่เป็นของบรรณาการจากประเทศต่างๆ นอกจากนั้นยังมีมัสยิด น้ำพุหินอ่อน และโรงอาบน้ำ รวมทั้งสมบัติเก่าของกษัตริย์ล้ำค่าหาดูได้ยากอีกมากมาย
ส่วนใครที่ชอบเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ แนะนำให้ไป Archaeological Museum ซึ่งอยู่บริเวณทางขึ้น-ลง ก่อนจะถึงพระราชวังทอปกาปินั่นเอง ภายในมีของเก่าทั้งสภาพดีและชำรุดทรุดโทรม หม้อไหโบราณคล้ายๆบ้านเชียงของเราเหมือนกัน รวมทั้งมัมมี่ของอิยิปต์ด้วย
ที่น่าเศร้าก็คือรูปปั้นเทพต่างๆ พระเยซู พระแม่มารี อยู่ในสภาพถูกทำลาย ตัดแขน-ขาทิ้งบ้าง เฉือนจมูก หน้าแหว่งบ้าง ก็เนื่องมาจากสงครามการสู้รบในอดีตนั่นเอง
เทคนิคการชอปปิ้ง
แน่นอนที่การมาเยือนเมืองท่องเที่ยวและเมืองใหญ่เช่นนี้ นักท่องเที่ยวทั้งหลาย (โดยเฉพาะคนไทย) คงอดไม่ได้ที่จะต้องมองหาของฝากเป็นที่ระลึกให้ตนเองและคนสนิท ส่วนใหญ่ก็จะพาตนเองหรือถูกพาตรงดิ่งไปยังตลาดบาร์ซาร์ หรือแกรนด์บาร์ซาร์ แหล่งชอปปิ้งมอลล์ตำหรับเตอร์กิช ชื่อคุ้นหูนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ของที่วางขายในนั้นมีหลากหลายตั้งแต่พรมทอด้วยมือซึ่งเป็นสินค้าขึ้นชื่อของตุรกี เสื้อยืด ชุดถ้วยชา กาแฟทั้งแบบท้องถิ่นนิยมและสากลนิยม นอกจากนั้นยังมีของที่ระลึกต่างๆประเภทพวงกุญแจหรือกระเบื้องเพนท์ติดผนัง ยันไปถึงของทานเล่นอย่าง ถั่วมาคาเดเมีย- พิตาชิโอ หรือขนมอย่างเตอร์กิชดีไลท์ ที่คุณไปถึงแล้วต้องลองชิม แถมยังสามารถซื้อยกกล่องมาเป็นของฝากได้เช่นกัน
แต่ในฐานะนักท่องเที่ยวกระเป๋ามิได้นูนหนานักอย่างพวกเรา พึงจำหลักเศรษฐศาสตร์เขาบอกไว้ ที่ใดมีดีมานด์หรือความต้องการสินค้ามาก ราคาของก็ย่อมเขยิบสูงกว่าที่อื่นๆ จึงขอแนะนำให้ลองมองหาร้านขายของที่ระลึกในตัวเมืองซึ่งเป็นร้านเล็กๆแยกออกมา โอกาสที่คุณจะถูกฟันหัวแบะจะลดน้อยลง
ส่วนเทคนิคการต่อรองราคาที่นี่ ถ้าในตลาดบาร์ซาร์ เขาว่าให้ต่อกันครึ่งต่อครึ่ง ช่วงแรกคนขายอาจจะไม่ยอม แต่จะค่อยๆลดราคาลงมา ขอให้คุณยืนกรานตัวเลขของตัวเองไว้ให้เหนียวแน่น แล้วลองเล่นละครทำตัดใจเดินออกจากร้าน ไม่นานพ่อค้าพวกนั้นจะตะโกนเรียก “มายเฟรนด์...มายเฟรนด์..โอเค..โอเค..” เป็นอันเสร็จพิธี
แต่สำหรับร้านค้าย่อยด้านนอกนั้นอาจจะลดได้น้อยกว่า ก็คงต้องเลือกต่อรองราคาลงมาประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้และทั้งนั้นถ้าคุณพอมีเวลาก็ควรเดินสำรวจราคาของหลายๆร้านให้พอรู้เลาๆก่อนก็จะดี
อาหารการกิน
ตามหลักของนักท่องเที่ยวที่ดีนั้น เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ควรจะหลิ่วตาตาม ดังนั้นถ้าไปเยือนถึงเมืองเขาแล้วก็ควรทำตาและทำใจเปิดกว้าง เพื่อรับรู้อารยะธรรมและความเป็นอยู่ของเขาบ้าง เพื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา
เดินอยู่หลายวันที่นั่น ผมไม่แปลกใจที่ไม่ค่อยเห็นคนอ้วน หากดูจากอาหารการกินทุกมื้อของพวกเตอร์กิชแล้ว คุณจะถึงบางอ้อ เพราะนี่คือสูตรทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ที่รับรองว่าคุณหมอทุกท่านต้องพยักหน้าเห็นด้วย
อาหารทุกมื้อของคนที่นี่ต้องมีสลัดเป็นส่วนประกอบ ผักผลไม้ทุกประเภทอย่าง พริกหยวก มะเขือเทศ มะเขือยาว แตงกวา องุ่นดำ ล้วนแล้วแต่สดซ้ดสด เนื่องจากสภาพภูมิอากาศแถบนี้ ส่วนจานหลักจะเป็นเนื้อวัว เนื้อแกะ หรือเนื้อไก่ ย่าง หรือจะเป็นมิกซ์กริลล์รวมก็ได้ ไม่ค่อยทานของทอด ที่นี่ไม่ทานหมูนะครับเนื่องจากเป็นอิสลาม หากคุณเป็นคนไม่ทานเนื้อวัวและเนื้อแกะ บางโอกาสและสถานที่อาจจะต้องสอบถามหรือสั่งจองให้ดีก่อนว่า มีเนื้อไก่เผื่อไว้บ้างหรือเปล่า
สำหรับประเภทแป้งนั้น ก็จะมีขนมปัง ข้าว หรือแป้งพิต้า (คล้ายๆกับโรตี) ให้เลือกทาน เท่านี้คุณก็อิ่มแปล้ได้แบบไม่ค่อยมีไขมันและคอเลสเตอรอลด้วย
แต่คนที่มีนิสัยค่อนข้างทานยากสักหน่อยที่นี่ก็มีร้านฟาสต์ฟู้ด ประเภทแม็คโดนัลด์ ในราคาแพงกว่าบ้านเราไม่มากนักให้เลือก หรือจะติดมาม่าใส่น้ำพริกไปกินให้สิ้นเรื่องสิ้นราวก็แล้วแต่
ส่วนของว่างยามบ่ายนั้น พวกเตอร์กิช ชอบนั่งชิวๆเหมือนกัน จิบชาในถ้วยแก้วใสทรงคอดกลาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา
บ้างก็จิบชาเตอร์กิช บ้างก็เป็นชาผลไม้ แอปเปิ้ลหรือเชอร์รี่ จิบกันไปเสวนากันไป สูบบุหรี่ควันโขมง ถือเป็นเมืองที่มีสิงห์อมควันมากที่สุดเมืองหนึ่งของโลกก็ว่าได้ครับ
คืนค่ำในอิสตันบูล
หากมาตุรกีแล้วไม่ได้ชมระบำหน้าท้อง คงเรียกว่ามาไม่ถึง ทริปของเรานั้นได้เลือกจองทัวร์ไปที่ “Kervansaray”ไนท์คลับ ซึ่งไปถึงแล้วต้องทึ่งว่าคนไปจับจองที่นั่งกันเพียบจริงๆ ส่วนใหญ่มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆ ทำให้การจัดโต๊ะอาจจะเบียดกันสักหน่อย
แต่พอจ่อมก้นลงนั่งได้ไม่นาน บริกรก็จะรีบมาต้อนรับและเริ่มต้นเสิร์ฟขนมปังหลากชนิดในตระกร้าใบย่อมเพื่อเรียกน้ำย่อยของคุณก่อน จากนั้นก็ตามด้วยสลัดทูน่า ซึ่งถือว่าเป็นเมนูอร่อยที่สุดในคืนวันนั้น และอะไรบางอย่างคล้ายๆกับปอเปี๊ยะทอดบ้านเรา แต่ข้างในน่าจะเป็นมั่นบดผสมชีส
จากนั้นการแสดงบนเวทีได้เริ่มต้นขึ้นด้วยวงดนตรีสี่ชิ้นบรรเลงเพลงฟังค์และแจ๊ซสนุกๆ ไม่นานก็มีกลุ่มแดนเซอร์ผู้ชายมาเต้นระบำปลายเท้าให้ดู ต่อด้วยโปรแกรมที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการ โชว์ระบำหน้าท้อง ซึ่งสาวเตอร์กิชผมทองหน้าตายั่วยวน ออกมายักย้ายส่ายสะโพก ร้อนแรงไปตามจังหวะเพลง
พอโชว์เสร็จเธอแสดงความใกล้ชิดกับผู้ชม ด้วยการเดินลงมาถ่ายรูปกับทุกโต๊ะ หะแรกเราก็นึกว่าเธออยากจะเอาใจแขก แต่ความจริงแล้วมากับช่างภาพเพื่อถ่ายรูปเอาไว้ขายเป็นของที่ระลึกในตอนเลิก ให้กับแขกที่มาเยี่ยมเยือนในคืนวันนั้น
อาหารยังคงทยอยมาอย่างต่อเนื่องพร้อมเครื่องดื่ม ซึ่งคุณจะเลือกเป็นซอฟต์ดริงค์อย่างน้ำส้ม โค้ก หรือไวน์ขาว ไวน์แดงก็ได้สุดแล้วแต่ลิ้นใครลิ้นมัน มาถึงจานหลักก็จะเป็นเนื้อแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด และผักต้ม จานไม่ใหญ่มากแต่ก็พออิ่ม
เมนูปิดท้ายคือไอศกรีมหวานเจี๊ยบ เสิร์ฟบนส้มรสเปรี้ยวจี๊ด กินแล้วตัดกันดีชะมัด แต่ก็คลายเลี่ยนได้ดี ก่อนที่จะจัดการกับของหวานเสร็จเรียบร้อย ก็มีสาวสวยอีกหนึ่งนางขึ้นมาเต้นระบำปิดท้าย เที่ยวนี้สาวเจ้าผมดำ สวย และเต้นเก่งกว่าคนแรกที่เอวติดรีโมทแล้วซะอีก
เราอำลาค่ำคืนนั้นในอิสตันบูลด้วยความประทับใจแต่แสบตา เพราะควันบุหรี่ คนที่ทนบรรดาสิงห์อมควันไม่ได้ ก็แนะนำว่าอย่าไปเลยครับ ทรมานเปล่าๆ ส่วนใหญ่ภัตตาคารและที่เที่ยวของตุรกี ไม่มีการห้ามสูบบุหรี่เหมือนอย่างในบ้านเราครับ ก็คงต้องทำใจ
สุดท้ายก่อนโบกมือลา ขอบอกว่าการไปเยือน “อิสตันบูล” เมืองเก๋ๆทริปนี้ แม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปมากพอควร แต่ความประทับใจในความงดงามของศิลปะและภูมิทัศน์ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
หลายท่านที่ยังลังเลใจไม่กล้าไปเที่ยว เกรงว่าเป็นเมืองลึกลับ เป็นเมืองแขกบ้างไม่น่าเที่ยว ลองหาโอกาสมาเยือนสักครั้งเชื่อว่า“อิสตันบูล”จะสร้างความประทับใจให้คุณไม่รู้ลืม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองท่าที่สำคัญของสาธารณรัฐตุรกี มีเวลาห่างจากประเทศไทยในฤดูร้อนช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง ในฤดูหนาว ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง สำหรับเมืองไทยมีสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ บินตรงสู่เมืองอิสตันบูล
ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศ สาธารณรัฐตุรกี
ตัวอย่างรายการท่องเที่ยวชมเมืองตุรกี


