xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนอดีตไปดูสถานที่รับน้องยอดฮิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
หลังเกิดเหตุการณ์การรับน้องที่ทำเกินกว่าเหตุจนทำให้น้องใหม่ในปีนี้มีทั้งที่บาดเจ็บหามส่งโรงพยาบาล และน้องใหม่ฆ่าตัวตาย

ทำให้คณะกรรมการอุดมศึกษาสั่งห้ามทุกมหาวิทยาลัยมิให้มีกิจกรรมการรับน้องเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกรั้วมหาวิทยาลัยในปีการศึกษา 2548 นี้

ในขณะที่นักศึกษากลุ่มหนึ่งเสนอทางออกอยากให้กิจกรรมการรับน้องยังคงอยู่ แต่ควรให้เลิกระบบโซตัสที่ใช้การบังคับให้น้องทำตามคำสั่งรุ่นพี่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่า ทิศทางการทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยจะเป็นไปในทิศทางใด แต่กับสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในปีนี้ก็คือ การทำกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่คงจะไม่มีให้เห็น ซึ่งจะว่าไปแล้วการรับน้องนอกสถานที่นับเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เหล่านักศึกษานิยมทำกัน โดยเหล่านักศึกษาแต่ละคนต่างก็มีแนวคิดในการรับน้องนอกสถานที่แตกต่างกันไป ส่วนจะมีที่ไหนบ้างก็ขอเชิญทัศนากันได้

สำหรับสถานที่รับน้องสุดฮิตที่มักเป็นตัวเลือกแรกๆ ของนักศึกษาก็คือ ชายทะเล ไม่ว่าจะเป็นชายทะเลทางภาคตะวันออก แถวจังหวัดระยอง ชลบุรี เช่น บ้านเพ พัทยา เกาะเสม็ด หรือจะเป็นชายทะเลทางภาคตะวันตก แถบจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เช่น หาดชะอำ หัวหิน ก็ได้รับความนิยมพอๆ กัน

เหตุผลที่รุ่นพี่มักเลือกทะเลเป็นสถานที่รับน้องก็คือเพราะบรรยากาศดี มีน้ำให้เล่น เพราะถ้ามีน้ำก็จะสามารถเล่นกิจกรรมต่างๆ ได้เยอะ จะให้น้องลงไปทำอะไรในทะเลก็ได้ หรือถ้าเล่นจนเลอะเทอะแล้วจะให้น้องไปล้างตัว ก็ให้วิ่งลงทะเลไปเลยก็ได้สบายมาก

บูม รุ่นพี่จากคณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ เล่าย้อนอดีตให้ฟังถึงเมื่อสมัยอยู่ปี 2 ซึ่งเป็นการรับน้องภาค รุ่นพี่ได้พาไปรับน้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กิจกรรมต่างๆ ที่พี่ได้เตรียมไว้ให้นั้นก็เริ่มกันตั้งแต่บนรถเลยทีเดียว โดยการเอาผ้ามาปิดตา โดยน้องๆ จะไม่รู้ว่าที่หาดนั้นเป็นอย่างไร ถือว่าเป็นสร้างความตื่นเต้นได้อย่างหนึ่งนอกจากนั้นก็เป็นการร้องเพลง และให้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ถ้ารุ่นพี่มาถามแล้วตอบไม่ได้ก็จะโดนทำโทษ เมื่อถึงที่หมายแล้ว กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการลอดซุ้ม แบ่งให้รุ่นน้องไปเข้าฐานของรุ่นพี่ที่ริมทะเล และมีการเล่นกันอย่างสนุกสนาน

ส่วน เคน รุ่นพี่จากคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเคยไปรับน้องที่หัวหินบอกว่า มักจะเลือกสถานที่รับน้องเป็นทะเล ตามรีสอร์ทต่างๆ ซึ่งปัจจัยในการเลือกสถานที่นั้นก็จะดูเรื่องความจุ จะต้องดูว่ามีน้องไปกี่คน และสถานที่สามารถรับรองจำนวนคนได้หรือไม่ ทำกิจกรรมได้สะดวกหรือเปล่า

“โดยมากพวกเรามักจะเลือกสถานที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เพื่อป้องกันอันตรายจากคนข้างนอก รวมทั้งต้องเช็คด้วยว่าแถวๆ นั้นมีโรงพยาบาลอะไรบ้าง เผื่อเกิดปัญหาอะไรก็จะได้แก้ไขได้ทันที แต่ก็มักไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ่อยนัก และส่วนเหตุผลที่เลือกทะเลนั้นก็เพราะเรื่องของบรรยากาศ และพื้นที่ที่กว้างขวาง และทำกิจกรรมได้หลายอย่าง” เคมอธิบายเพิ่ม

จากรุ่นพี่หันมาดูรุ่นน้องที่เพิ่งผ่านพ้นวัยเฟรชชี่เมื่อปีที่แล้วกันบ้าง

จิ๊บ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ปีที่แล้วไปรับน้องมาที่จังหวัดประจวบฯ บอกว่า ถ้าเลือกได้ก็ยังอยากไปทะเลเหมือนเดิม เพราะชอบบรรยากาศแถวชายทะเล รวมทั้งยังทำกิจกรรมได้เยอะ เล่นฟุตบอลชายหาดก็ได้ วอลเล่ย์บอลชายหาดก็ได้ แต่ถ้าเป็นทางแถบภูเขาคิดว่าน่ากลัว เพราะอาจจะมีสัตว์มีพิษเช่น งู หรือทาก ที่เป็นอันตรายได้

ส่วน นุ๊ก ปี 2 จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่ปีที่แล้วไปรับน้องที่หัวหิน เล่าให้ฟังว่าในการไปรับน้องนั้นพี่ๆ ก็คอยดูแลเป็นอย่างดี แต่โดยส่วนตัวแล้วนุ๊กบอกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปรับน้องนอกสถานที่ ในมหาวิทยาลัยก็รับน้องได้ ไม่จำเป็นจะต้องออกไปข้างนอกให้สิ้นเปลือง

ส่วนใหญ่แล้วก็มีแต่คนที่ไปรับน้องที่ทะเล แล้วสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ทะเลล่ะ ไม่มีใครอยากไปบ้างเลยหรือ

ด้าน อู๋ นักศึกษาปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ซึ่งผ่านประสบการณ์การรับน้องจากทั้งภูเขาและทะเล มาเปรียบเทียบทั้งสองที่ให้ฟังว่า “ถ้าเป็นทะเลจะเหมาะกับการรับน้องแบบเด็กปริญญาตรี คือลุยๆ สนุกๆ บ้ากันเต็มที่ มีทั้งการลอดซุ้ม การปะแป้ง และการเข้าฐาน ทะเลก็ถือว่าเหมาะสมมาก เพราะเอาไว้ทำเรื่องเลอะๆ เทอะๆ ก็ได้ หรือถ้าเลอะมากจะลงไปล้างตัวให้สะอาดก็ได้อีก ซึ่งตอนที่เรียนปริญญาตรีก็ไปรับน้องที่ทะเล”

“แต่ตอนเรียนปริญญาโทไปรับน้องกันที่รีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี นักศึกษาปริญญาโทส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยทำงานกันแล้ว และคงไม่อยากจะมาเต้น หรือปะแป้ง ลอดซุ้มแล้ว แต่จะเน้นไปทางนั่งพูดคุย ทำความรู้จักกันมากกว่า ซึ่งการรับน้องในลักษณะนี้ก็เพียงแต่ต้องหาสถานที่ที่มีห้องประชุม หรือห้องสัมมนาใหญ่ๆ มานั่งคุยกันเท่านั้น”

สำหรับปีนี้ไม่ว่าป่าหรือทะเล เหล่านักศึกษาคงหมดสิทธิ์ทำกิจกรรมรับน้อง ซึ่งจะว่าไปแล้วกิจกรรมนี้ก็มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ปฏิบัติจะเลือกดึงด้านไหนขึ้นมาใช้

 *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 
หมายเหตุ : บทความนี้ส่วนหนึ่งเรียบเรียงจากเรื่อง “ถามเหล่าเฟรชชี่ : ไปรับน้องกันที่ไหนดี??” ที่เคยลงในหน้าท่องเที่ยวผู้จัดการออนไลน์เมื่อช่วงรับน้องปีที่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น