วันศุกร์ ในคืนฝนพรำ .....
“โอ๊ย!! ทำไมวันนี้รถมันโคตรติดเลย แล้วนี่จะไปทันนัดไหมวะเนี่ย”
“บอย” (นามสมมุติ) หนุ่มตัวเล็กร่างบาง สบถลั่นในระหว่างที่นั่งลุ้นอยู่หลังพวงมาลัยในรถเก๋งคันโก้ ว่าวันนี้เขาจะไปทันนัดกับกลุ่มเพื่อนๆ ของเขาหรือเปล่า
สำหรับบอยแล้วยามทำงานปกติเขาคือมนุษย์เงินเดือนที่ขยันขันแข็ง แต่ว่าในยามนี้ที่พอถอดหัวโขนของการทำงานออก บอยคือ “เกย์” ผู้มีตัวเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงผู้ก๋ากั่น ที่หากถูกตาต้องใจกับชายคนใดแล้ว บอยยินดีหันหลังให้ผู้ชายคนนั้นหิ้วขึ้นเตียง หรือไม่เขาก็เลือกที่จะเป็นผู้ถูกหิ้วขึ้นเตียงเสียเอง
ในอดีตพฤติกรรมเยี่ยงนี้ถือเป็นที่น่ารังเกียจของสังคมไทย แต่ว่าเมื่อวันเปลี่ยน คืนผ่าน สังคมเปิด เกย์ถูกยอมรับในสังคมมากขึ้น ทำให้เกย์ในเมืองไทยสามารถใช้ชีวิตกันอย่างเปิดเผยได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
และก็เหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับบอย ที่ในแทบทุกเย็นวันศุกร์บอยและเพื่อนๆ จะนัดกันหลังเลิกงานออกท่องราตรีของกรุงเทพฯ เพื่อดื่มกินสรวลเสเฮฮากันตามประสาคนไม้ป่าเดียวกัน ตั้งแต่หัวค่ำไปยังดึกดื่น ส่วนเกย์คนไหนหากต้องการที่จะขึ้นสวรรค์ในค่ำคืนนั้น ก็คงต้องใช้ความสามารถพิเศษไปเสาะหาชายหุ่นล่ำมาจุดพลังแห่งดำกฤษณากันเอาเอง
แล้วที่ไหนในเมืองกรุงบ้างล่ะ ??? ที่เหล่าสมาชิกก๊วนเกย์มักจะนิยมไปนั่งดื่มด่ำดูดดื่ม หรือไปนั่งจุดอารมณ์สีม่วง รวมถึงไปนั่งเหล่หนุ่มหล่อล่ำ สำหรับเรื่องนี้บอยมีคำตอบบางส่วนให้ ซึ่งบอยคนนี้คือคนละคนกับ “บอยไม่ดื่มฮ่ะ” แห่งโฆษณาเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง แต่บอยคนนี้เธอชอบดื่มและชอบเที่ยวตามประสาคนสีม่วง ที่วันดีคืนดีเราๆ ท่านๆ อาจจะเจอบอยนั่งดื่ม ส่งสายตาหวานซึ้งอยู่ตามมุมต่างๆ ของร้านเหล่านี้ก็เป็นได้
“ลาบแจ๊ส” จุดอารมณ์เกย์ ปลุกเสน่ห์พลังสีม่วง
สำหรับค่ำคืนนี้ที่ฝนพรำ “บอย” นัดกับบรรดาเพื่อนๆ ก๊วนเกย์มาสรวลเสเฮฮา และร่ำสุราจุดอารมณ์กันที่ร้าน“ลาบแจ๊ส” (Larb Jazz) ย่าน อ.ต.ก.(จตุจักร) ซึ่ง ณ ตอนนี้ร้านอาหารส่วนใหญ่ของย่าน อ.ต.ก. กลายเป็นแหล่งรวมพลคนสีม่วงที่ชาวเกย์ต่างรู้จักกันดี
....20.30 น.ณ ร้านลาบแจ๊ส...
“เฮ้อ!! มาถึงจนได้ ไม่รู้ว่าพวกอี....จะมาถึงกันหรือยัง” บอยรำพึงรำพันกับตัวเอง พร้อมกับสืบเท้าก้าวเข้าร้าน
คืนนี้บอยเลือกที่นั่งมุมติดกระจกด้านนอกสุดของร้าน พร้อมกับกวาดตามองหากลุ่มเพื่อนๆ ที่นัดไว้ แต่ทว่าก็ยังคงไร้ซึ่งเงาของเพื่อนๆ บอย
ถึงแม้ว่าเพื่อนยังไม่มาแต่ว่าบอยก็ไม่เหงาใจ เพราะจะว่าไปแล้วร้านนี้ถือเป็นร้านประจำที่แม้ว่าจะมานั่งคนเดียว แต่บอยก็ยังคงมี “สิทธิ์ วรรณสิทธิ์” หรือ “แหม่ม” เจ้าของร้านลาบแจ๊ส เป็นเพื่อนพูดคุยยามที่บอยหาคนคุยไม่ได้
สำหรับคืนนี้บอยได้เปิดประเด็นสนทนากับแหม่มเกี่ยวกับเรื่องราวของร้านลาบแจ๊ส เพราะได้ข่าวมาว่าอีกไม่นานพี่แหม่มจะมีการปรับปรุงร้าน ซึ่งเรื่องที่น่ายินดีสำหรับบอยก็คือ แหม่มได้ปรับแต่งร้านให้มีพื้นที่เพื่อเกย์มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาสมาชิกชาวเกย์ถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของร้านลาบแจ๊ส และอีกหลายๆ ร้านๆ ในย่าน อ.ต.ก.
“ได้ข่าวว่าพี่แหม่มจะปรับร้านใหม่ จะปรับเป็นแนวไหนล่ะ บอกบอยหน่อยได้เปล่า” บอยยิงคำถามใส่
“เป็นเรสเตอรองต์อย่างเดียวไม่ใช่ผับ เป็นร้านอาหารแบบเข้ามานั่งกินสบายๆ มีทั้งกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ทั้งชายหญิง รวมถึงเกย์ก็มีบ้าง แล้วพอช่วงหนึ่งที่พี่ปรับโฉมร้านมีดีเจมาเปิดเพลง พอกลางคืนก็สนุก คนก็เต้นรำกัน คราวนี้พอศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์คนก็ติดเข้ามาเต้นรำกัน แล้วก็มีกลุ่มชาวเกย์อย่างบอยนี่ล่ะที่เข้ามากันเยอะมากๆ จนกลายเป็นว่าร้านพี่เป็นร้านชุมนุมชาวเกย์ไปเลย” แหม่มตอบบอยแบบอมยิ้มเล็กน้อย
“แล้วไม่ดีเหรอลูกค้าอย่างบอยนะ ถามจริงเถอะในสายตาและความรู้สึกของพี่มองลูกค้าที่เป็นเกย์อย่างพวกบอยเป็นยังไง” บอยยิงคำถามนี้ใส่แหม่ม แล้วรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ก็ดีนะ ลูกค้าแบบพวกบอยก็ดี น่ารักดี ดูสนุกๆ กันดี เพราะว่าพี่ทำงานบริการไม่สามารถจะเลือกได้หรอก ทุกคนก็ลูกค้าเหมือนกันหมดไม่ว่าจะเพศไหน” คำตอบจากพี่แหม่มทำเอาบอยยิ้มแก้มแทบปริ
หลังจากนั้นแหม่มก็ขอตัวไปดูแลลูกค้าคนอื่น ปล่อยบอยให้นั่งอยู่คนเดียวอีกครั้ง แต่ว่าก็เป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพราะหลังจากนั้นไม่นานบอยก็มีเพื่อนคุย
ปกรณ์ ดุลยกรณ์ หรือเปิ้ล เป็นอีกหนึ่งชาวเกย์ที่เปิดเผยตัวและชอบมานั่งที่ร้านลาบแจ๊สแห่งนี้ เรียกว่าทุกครั้งที่บอยมานั่งร้านนี้ บอยเจอพี่เปิ้ลแทบทุกครั้ง
สำหรับเหตุผลที่เปิ้ลชอบมานั่งร้านลาบแจ๊สนั้น เขาได้บอกกับบอยว่า
“พี่ชอบบรรยากาศของร้านนี้ เพราะมันน่านั่งและทางร้านก็เปิดเพลงไม่แรงเกินไป พี่ชอบแบบมานั่งคุยสังสรรค์กันก่อน ถ้ามีอารมณ์อยากเต้นก็เต้นได้นิดนึง ไม่ถึงกับว่าไปถึงต้องไปเต้นเลย และอีกอย่างอยู่ที่ร้านนี้มันได้หลายอารมณ์ ตอนหัวค่ำก็นั่งคุยกัน ดึกๆ หน่อยคนเริ่มเยอะก็ลุกไปแดนซ์กัน ทำให้ได้ 2 อารมณ์ในร้านเดียว ไม่ต้องลุกไปไหนเลย ที่เดียวจบ อาทิตย์นึงพี่จะมา 2 วัน เสาร์กับอาทิตย์ มารีแลกซ์ มาฟังเพลง กินข้าว เวลาที่พี่มาแหล่งที่มีเกย์เยอะๆ แบบที่นี่ มันเหมือนว่าพี่ได้มาเจอเพื่อนฝูง ได้มารีแลกซ์”
เปิ้ลรัวคำตอบเป็นชุด ก่อนที่จะยิงคำถามใส่บอยบ้าง “แล้วบอยล่ะทำไมถึงชอบมาที่นี่”
กับเรื่องนี้บอยตอบแบบไม่ต้องครุ่นคิดอะไรมากว่า
“ที่ชอบมาที่ร้านลาบแจ๊ส เพราะโดยรวมมันก็ดูสบายๆ แล้วก็ไม่หรูมาก ไม่โลโซมาก ไม่ไฮโซมาก มันเป็นอะไรที่พอนั่งได้ ราคาไม่ถึงกับสูงมาก มานั่งกินข้าวเม้าท์กับเพื่อนสบายๆ มาฟังเพลง ที่นี่เปิดเพลงดี รวมๆ แล้วก็โอเคนะพี่ แล้วก็แบบว่าได้มามองหาออเดอร์หนุ่มๆ นิดหน่อย ได้มั่งไม่ได้มั่งก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มาแล้วได้เพื่อนคุย แล้วมันเป็นถิ่นที่เกย์มาเยอะ เข้าไปนั่งแล้วบอยรู้สึกว่าไม่แปลก บางร้านที่บอยเข้าไปแล้วรู้สึกแปลก บอยจะขาดความมั่นใจ”
บอยกับพี่เปิ้ลนั่งคุยกันอยู่สักพัก โทรศัพท์มือถือบอยก็ดังขึ้น พร้อมกับมีเสียงจากปลายสายของเพื่อนๆ บอยว่า คืนนี้พวกเขาได้ไปรอบอยอยู่ที่ “สีลม” แล้ว
“อีห่...ย้ายที่กันก็ไม่ยอมบอก ปล่อยให้กูนั่งหง่าวอยู่คนเดียว” บอยสบถก่อนที่จะออกจากร้านลาบแจ๊สมุ่งหน้าสู่สีลม แหล่งรวมพลชาวเกย์อันอมตะนับจากอดีตถึงปัจจุบัน
“สีลม” แหล่งรวมพลคนสีม่วง
....23.00 น. ณ ย่านสีลมที่คึกครื้น...
“มันต้องอย่างนี้สิ ยามราตรีอันมีสีสันของฉัน” หลังจากนั่งโดดเดี่ยวคนเดียวที่ร้านลาบแจ๊ส พอบอยได้มาสมทบกับเพื่อนร่วมก๊วนเกย์ที่สีลม บุคลิกของเขาก็ได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า จากที่นั่งคนเดียวอย่างเงียบๆ ติ๋มๆ แต่พอบอยมาเจอสมาชิกเท่านั้นแหละ เขาก็ออกอาการเกย์อย่างสุดเหวี่ยงในระดับแรดเรียกพี่
สำหรับก๊วนของบอยคืนนี้เมื่อมายังสีลม พวกเขาเลือกที่จะนั่งจิบกาแฟพร้อมหาอะไรกินรองท้องที่ร้านฟาสฟู้ดชื่อดังร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยเป้าหมาย ที่ข้างในซอยมากไปด้วยผับและบาร์เกย์ ซึ่งมันก็ทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดคิดว่าร้านฟาสฟู้ดร้านนี้เป็นร้านเกย์ไปโดยปริยาย
คืนนี้บอยกับเพื่อนๆ เลือกนั่งในร้าน โดยพวกเขาไม่เพียงแค่นั่งจิบกาแฟ และกินอาหารรองท้องเท่านั้น แต่ว่าพวกเขายังใช้โอกาสนี้สอดส่ายสายตาเมียงมองชายหนุ่มเอ๊าะๆ หน้าตาดีที่อยู่ในร้าน หรือหนุ่มหล่อล่ำที่ผ่านไปมา ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติของบอยและเพื่อนๆ ก๊วนเกย์ เพราะหากใครได้ออเดอร์เป็นชายถูกตาต้องใจหนีบไปด้วย คืนนี้สวรรค์ของพวกเขาและเธออยู่เพียงแค่เอื้อมเท่านั้นเอง
แต่ในคืนนี้ดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้างบอยและเพื่อนๆ เอาเสียเลย เพราะออเดอร์ที่เล็งไว้ส่วนใหญ่ไม่เข้าตาของพวกหล่อน หรือใครที่เข้าตาก็น่าเสียดายว่าเขาดันควงชะนีมาท่องราตรีที่สีลมไปเสียฉิบ !!!
เมื่อนั่งจนเมื่อยตุ้ม ไม่มีออร์เดอร์เข้า บอยกับสมาชิกชาวเกย์จึงย้ายก๊วนเข้าไปยังสีลมซอย 4 แหล่งชุนนุมของชาวเกย์ยอดฮิตที่โด่งดังไปไกลถึงอินเตอร์ ชนิดที่ว่าเกย์คนไหนก็ต้องแวะเวียนมาที่ซอยนี้ให้ได้ทุกคืน เพราะที่ซอยนี้มีร้านอาหารแบบผับบาร์ตั้งอยู่เต็มไปหมด ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย
ณ สีลมซอย 4 ราตรีนี้ก็คงเป็นเหมือนเช่นราตรีที่ผ่านๆ มา คือ ตามผับบาร์ล้วนแต่คึกคักไปด้วยแสงสี และสีสันของผู้คนทั้งผู้ชายผู้หญิง และคนประเภทเกย์อย่างบอยที่มีเยอะที่สุดในซอยนี้ ซึ่งที่นี่มีทั้งเกย์ไทย เกย์ต่างชาติ ที่ต่างก็เดินกันขวักไขว่เต็มซอยในบรรยากาศแบบเกย์ ที่มีทั้งหวานซึ้ง เขินอาย เร่าร้อน และหื่นกระหาย
สำหรับบอยและเพื่อนๆ พวกเขา หรือพวกหล่อน ตัดสินใจเดินเข้าร้าน “เทเลโฟน”(Telephone) ซึ่งนอกจากจะเป็นร้านที่บอยคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว ร้านเทเลโฟนยังเป็นร้านเกย์ที่เปิดเผยและเป็นร้านเพื่อชาวเกย์โดยเฉพาะ
“ว่าไงพวกหล่อน วันนี้ทำไมช้าจัง”
ชยังกูร อาดำ หรือ “ทัย” ผู้จัดการร้านเทเลโฟนทักทายบอยทันทีที่เขาเดินเข้ามาในร้าน
“ก็อี...มันเบี้ยวนัด บอกให้บอยไปนั่งรออยู่ที่ร้านลาบแจ๊สคนเดียวตั้งนาน ส่วนมันไปแรดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้” บอยตอบกลับเจ้าของร้านพร้อมกับใช้โอกาสนี้เอาคืนเพื่อนจอมเบี้ยว
“เอ้านั่งกันก่อน เดี๋ยวพี่มานั่งคุยด้วย” ทัยบอกน้องๆ
สำหรับบอยแล้วร้านเทเลโฟนถือว่าเป็นหนึ่งในดินแดนแห่งความอบอุ่นของเขา เพราะทัยนั้นได้ทำร้านนี้ขึ้นมาเพื่อชาวเกย์โดยเฉพาะ โดยทัยได้บอกกับบอยว่า ร้านเทเลโฟนถือเป็นร้านเกย์ที่เปิดเผยแห่งแรกของไทยเลยก็ว่าได้ โดยร้านนี้เปิดมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2530 นี่อีกไม่กี่วันก็จะครบ 18 ปี แล้วช่วงวันที่ 14-18 มิ.ย.ทางร้านเทเลโฟนก็จะมีงานฉลอง 18 ปี
ส่วนที่ใช้ชื่อว่าเทเลโฟนนั้น ทัยได้บอกกับบอยว่ามาจากคำว่าโทรศัพท์ เพราะที่โต๊ะแต่ละตัวจะมีโทรศัพท์ตั้งอยู่ นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายซอกหลายมุมในร้าน พร้อมๆ กับมีหมายเลขติดเอาไว้ด้วย
“เมื่อ 18 ปีที่แล้วเราเปิดโอกาสให้คนที่เข้ามาเที่ยวที่นี่มาจีบกันตรงๆ แต่ว่าพวกเขายังคงอายกันอยู่ เราก็เลยหาวิธีให้พวกเขาจีบกันด้วยวิธีการการยกหูโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตามโต๊ะแต่ละตัว สมมุติว่าเรานั่งอยู่ข้างบน แต่คนที่เราชอบนั่งอยู่ด้านล่าง เราก็ยกโทรศัพท์แล้วก็หมุนไปตามเบอร์ แล้วก็คุยกับคนที่เราแอบชอบหรือแอบมองอยู่ ถ้าเค้าคุยด้วยก็เป็นการเริ่มต้นสานสัมพันธ์ จากนั้นก็นัดมานั่งดื่มด้วยกันคุยด้วยกัน” ทัยอธิบายรายละเอียดให้บอยฟัง
“แหม!! เริดเสียไม่มี เดี๋ยวคืนนี้บอยปิ๊งใครจะโทรศัพท์ไปบอกรักเขาตรงๆ เลย” บอยพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์แบบขำขำ
ในคืนนั้นระหว่างที่รอหาคนถูกใจเพื่อโทรศัพท์ไปหา บอยกับเพื่อนๆ ก็พูดคุยกับบอยอยู่พักใหญ่ ในบรรยากาศอันสนุกสนานที่ยิ่งดึกร้านผู้คนก็ยิ่งเดินเข้าร้านเทเลโฟนมากขึ้น ส่วนเสียงเพลงในร้านก็เริ่มเพิ่มจังหวะและความดังขึ้น หลายๆ คนตามโต๊ะเริ่มขยับแข้งขยับขา โยกตัวไปมาตามจังหวะเสียงเพลง แต่ว่าไม่มีใครเดินออกไปแดนซ์กระจาย เพราะว่าที่ร้านเทเลโฟนนี้ไม่อนุญาตให้ลูกค้าเต้น ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มานั่งดื่มกิน และโทรศัพท์ เมื่อออกอาการเกย์ก็เพียงแค่ขยับขาขยับตัวตาม
ส่วนใครที่เกิดอารมณ์อยากเต้น ก็ต้องไปตระเวนหาที่แดนซ์เอาเอง ส่วนใครที่มีความสามารถงานนี้อาจมีคู่ควงที่จีบได้ทางโทรศัพท์หนีบติดไปด้วย
สำหรับบอยคืนนี้แม้ว่าจะเป็นคืนอับโชคที่หาคนคู่เคียงไม่ได้ แต่ว่าเมื่ออารมณ์อยากแดนซ์เดินทางมาถึงพิกัดสูงสุด บอยกับเพื่อนๆ จึงหาทางออกให้กับตัวเองด้วยการย้ายจากร้านเทเลโฟนไปยังสีลมซอย 2 เพื่อแดนซ์กระจายให้หนำใจ
...01.15 น. สีลมซอย 2 ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน....
สีลมซอย 2 ในยามราตรีดึกดื่นเช่นนี้คึกคักเกินคำบรรยาย เสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังกระหึ่มออกมาจากหลายๆ ร้านที่ตั้งติดกันเป็นแถวทั้ง 2 ฝั่งของซอย และคลาคล่ำไปด้วยบรรดาชาวเกย์ที่เดินวนเข้าวนออกร้านในซอยนี้กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเกย์ชาวไทย ที่ล้วนแล้วแต่หุ่นมาดแมน กล้ามโต หน้าตาดี เดินอวดโฉมกันเต็มซอย เกย์ต่างชาติก็มีบ้างเล็กน้อย
“นี่ล่ะ คือที่ที่ฉันปรารถนา ผู้คน (ชาวเกย์) เสียงเพลง และการเต้นระบำ” บอยรำพันบทเพลง พร้อมๆ กับขยับกายเข้าไปในร้านแห่งหนึ่งที่มีเสียงเพลงดังกึกก้อง และผู้คนด้านในที่เกือบทั้งร้านเป็นชาวเกย์ กำลังเต้นระบำโยกย้ายตัวไปตามจังหวะเพลงอย่างเมามันส์
บอยกับเพื่อนๆ แทรกตัวผ่านผู้คนที่กำลังเต้นระบำกันอย่างเมามันส์ โดยบอยหามุมที่พอจะให้สองขาน้อยๆ มีที่ยืนที่มั่นคง จากนั้นหล่อนก็วาดลวดลายแดนซ์กระจายตามอารมณ์เมามันอย่างสนุกสนาน เปรียบประหนึ่งว่าบอยกำลังปลดปล่อยเอาความเครียด ความเศร้า และความเหงาหงอยที่มีอยู่ในใจให้มลายหายไป พร้อมๆ กับรัตติกาลอันมีสีสันที่ชาวเกย์อย่างบอยพึงปรารถนา...
รวมร้านอาหารยอดนิยมของชุมชนคนเป็นเกย์