เวลา 400 ปี ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน นานจนอาจทำให้ใครต่อใครถูกลืมเลือนไปจากสังคมได้อย่างง่ายดาย
แต่เวลา 400 ปีแห่งการสวรรคตของ "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" นั้น มิได้ทำให้ลูกหลานไทยลืมเลือนถึงบุญคุณของพระองค์ท่านที่ทรงกอบกู้เอกราช ปกป้องสร้างชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองจนเป็นชาติที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในสุวรรณภูมิ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรือที่ได้รับการขนานนามว่า "พระองค์ดำ" นั้น เสด็จสมภพที่เมืองพิษณุโลกเมื่อ พ.ศ.2098 พระองค์เป็นราชโอรสของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช พระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์สุโขทัยองค์แรกที่ครองกรุงศรีอยุธยา เพราะฉะนั้นโดยพระชาติเป็นเชื้อกษัตริย์ทั้งราชวงศ์สุโขทัยและราชวงศ์กรุงศรีอยุธยา พระองค์มีพระพี่นางพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระสุพรรณกัลยาณี พระน้องยาพระองค์หนึ่งทรงพระนามวา พระเอกาทศรถ หรือที่ได้รับการขนานนามว่า พระองค์ขาว
เมื่อยังทรงพระเยาว์ พระองค์ถูกนำตัวไปยังกรุงหงสาวดีโดยพระเจ้าบุเรงนอง ผู้ซึ่งแต่งตั้งให้พระมหาธรรมราชาปกครองกรุงศรีอยุธยาสืบไป พระนเรศวรถูกกักตัวไว้เป็นตัวประกันในพม่าเป็นเวลานาน 9 ปี ครั้นพระชันษาได้ 16 ปี พระราชบิดาจึงขอตัวกลับมาและส่งให้ไปเป็นมหาอุปราชเมืองพิษณุโลกในปีมะแม พ.ศ.2114
ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดตั้ง "หน่วยรบพิเศษ"ขึ้น โดยคัดเลือกบรรดาบุตรหลานข้าราชการที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระองค์ ฝึกหัดทำการรบในลักษณะกองโจร (การรบนอกแบบ) ซึ่งหน่วยกำลังรบพิเศษของพระนเรศวรนี้ปฏิบัติการรบอย่างได้ผลดีเป็นอันมากในเวลาต่อมา
ในการรบที่เป็นที่กล่าวขานและเป็นที่มาของ "พระมาลาเบี่ยง"เห็นจะเป็นการทำสงครามยุทธหัตถี พ.ศ.2135 ระหว่างอยุธยาที่นำทัพโดยสมเด็จพระนเรศวรและเมืองหงสาวดีที่นำทัพโดยพระมหาอุปราชา มีใจความสำคัญว่า ช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถที่ทรงไปนั้น เป็นช้างชนะงากำลังตกมันทั้งสองเชือก เห็นช้างข้าศึกพากันหนีก็ออกวิ่งไล่ตามรุกไล่เข้าไปจนถึงกลางกองทัพหลวงของข้าศึก พอฝุ่นจางก็ทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงช้างอยู่ใต้ร่มไม้อยู่กับแม่ทัพนายกองทั้งหลาย
สมเด็จพระนเรศวรตรัสว่า "เจ้าพี่จะยืนช้างอยู่ในร่มไม้ทำไม เชิญเสด็จมากระทำการยุทธหัตถีกันให้เป็นเกียรติสืบต่อไป กษัตริย์ภายหน้าที่จะชนช้างได้อย่างเราจะไม่มีแล้ว" ซึ่งหากพระมหาอุปราชาจะสั่งให้รุมล้อมก็คงไม่พ้น แต่ด้วยวิสัยกษัตริย์เหมือนกัน พระมหาอุปราชาจึงขับช้างพลายพัทธกอออกมาชนกับเจ้าพระยาไชยานุภาพ ซึ่งกำลังคลั่งน้ำมันก็โดนโถมแทงทันทีไม่ทันตั้งหลักเสียทีพลายพัทธกอรุนเอา เจ้าพระยาไชยานุภาพเบนตัวขวาง พระมหาอุปราชาได้ทีฟันด้วยพระแสงของ้าว สมเด็จพระนเรศวรเบี่ยงพระองค์หลบพ้นถูกแต่พระมาลาหนังขาด
พอเจ้าพระยาไชยานุภาพสะบัดหลุดแล้วกลับรุนพลายพัทธกอเบนไป สมเด็จพระนเรศวรก็จ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าว ถูกพระมหาอุปราชาที่ไหล่ขวาสะพายแล่งซบสิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง สมเด็จพระเอกาทศรถก็ได้เข้าชนช้างกับเจ้าเมืองจาปะโรและได้ฟันเจ้าเมืองจาปะโรซบคอช้างเช่นกัน
พระแสงของ้าวที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประหารข้าศึกครั้งนั้นนามวา "พระแสงพลพ่าย" นับเป็นพระแสงศักดิ์สิทธิ์ และพระมาลาซึ่งทรงในคราวนั้นเรียกว่า "พระมาลาเบี่ยง"นับเป็นเครื่องในมงคลราชูปโภคมาจนทุกวันนี้
สำหรับในวันที่ 15-22 พ.ค. นี้ ทางจังหวัดพิษณุโลกได้จัดงาน "400 ปี แห่งการสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ.2148-2548)" เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงช่วยกู้เอกราชของชาติไทย
โดยในงานนี้จะมีกิจกรรมที่น่าสนใจแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ใหญ่ๆ คือ กิจกรรมกุศลพิธีและบุญพิธี เป็นการทำบุญ ทำจิตภาวนา พิธีเวียนเทียนถวายเป็นพระราชกุศล กิจกรรมเทิดพระเกียรติ จะมีพิธีอัญเชิญเครื่องราชสักการะเฉลิมพระเกียรติ ทุกบ้านในเมืองพิษณุโลกจะจุดประทีปโคมแขวน กิจกรรมเผยแพร่พระราชประราชประวัติและพระเกียรติคุณ จะเป็นการจัดนิทรรศการพระราชประวัติ การแข่งขันตอบปัญหา ประกวดวาดภาพ และส่วนสุดท้ายคือกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรโดยจะมีการแสดงแสงสีเสียงสื่อผสมเทิดพระเกียรติในวันที่ 15 พ.ค. โดยมีหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือท่านมุ้ย เป็นผู้เขียนบทละคร ซึ่งถือเป็นกิจกรรมไฮไลท์
สำหรับผู้ที่สนใจในงานนี้สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท. ภาคเหนือ เขต 3 โทร. 0-5525-2743, 0-5525-9907